เรื่องของหมา หาทางออกได้
คุณว่าหมาอยู่ในวัดเป็นเรื่องปกติไหม สำหรับผมถือว่าปกติ เพราะไปวัดไหนก็เห็นหมา...หมาดำ หมาแดง หมาด่าง หมาน้อย หมาใหญ่ หมาขี้เรื้อน แต่ถ้าหมาถูกขังกรงอยู่ในวัดคุณว่าปกติไหมล่ะ
คุณว่าหมาอยู่ในวัดเป็นเรื่องปกติไหม สำหรับผมถือว่าปกติ เพราะไปวัดไหนก็เห็นหมา...หมาดำ หมาแดง หมาด่าง หมาน้อย หมาใหญ่ หมาขี้เรื้อน แต่ถ้าหมาถูกขังกรงอยู่ในวัดคุณว่าปกติไหมล่ะ
เรื่องหมาอยู่ในวัดเป็นเรื่องปกติ เพราะไปวัดไหนเราก็จะเห็นหมาอย่างที่บอก หมาพวกนี้มาจากไหน...ก็คงมีคนเอามาปล่อยบ้าง ร่อนเร่พเนจรมาเองบ้าง แล้วต่อมามีการผสมพันธุ์ออกลูกออกหลานเพิ่มจำนวนประชากรหมาขึ้น
กระนั้น ทางวัดไม่ได้เลี้ยงเป็นกิจจะลักษณะ ส่วนใหญ่พระในวัดเห็นมันก็สงเคราะห์ตามเท่าที่มี ก็คือมีอาหารเหลือก็ให้ ไม่มีก็ไม่ได้ขวนขวายหา แต่ก็บางรูปสงสารไม่มีก็หาให้จนได้ก็มี
บางวัดอย่างวัดสวนแก้ว ของ พระราชธรรมนิเทศ หรือ พระอาจารย์พยอม มีการเลี้ยงหมาเป็นกิจจะลักษณะ หรือมีหมาเลี้ยงในวัด โดยความรับผิดชอบของมูลนิธิวัดสวนแก้ว
เดิมทีพระอาจารย์พยอมท่านก็ไม่ได้คิดเลี้ยงหมาและก็คงไม่ได้ไปแสวงหาหมาจากผู้มีจิตศรัทธาที่ไหนมาเลี้ยงหรอก แต่มีคนเอาหมามาปล่อยทิ้งที่วัดนั่นแหละ
คนนี้ก็เอามา คนนั้นก็เอามา แอบเอามาปล่อยก็มี ปล่อยซึ่งๆ หน้าก็มี หลายคนก็หลายตัว บางคนเอามาเป็นคอก ต่อมาหมาก็ผสมพันธุ์กันจนออกลูกออกหลานมีจำนวนเพิ่มขึ้น นี่คือจุดเริ่ม...ของการเลี้ยงหมาของวัดสวนแก้ว
“หมาบ้าน” เลยกลายเป็น “หมาวัด” อยู่กันอิสระในบริเวณวัด ไม่ต้องอยู่ในกรงขัง แต่พอมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ปล่อยให้อิสระก็ไม่ไหว ไหนจะขี้หมา เชื้อโรค ไหนจะความปลอดภัยของผู้ที่มาวัด
ปัจจุบันประชากรหมาวัดสวนแก้วอยู่ราวๆ 700-800 ตัว ทางมูลนิธิฯ จึงต้องเลี้ยงอย่างเป็นกิจจะลักษณะ ให้อยู่ในกรง หรือจำกัดบริเวณ แล้วจาก “หมาวัด” ที่มีอิสระเสรี ก็กลายเป็น “หมาเลี้ยงในวัด” มีกรง มีบริเวณให้อยู่ เพราะไม่งั้นก็อาจไปทำอันตรายและสร้างความเดือดร้อนให้กับพระ รวมทั้งคนที่มาทำบุญที่วัดด้วย
ถามว่า การเลี้ยงหมา เป็นงานของพระไหม ก็ไม่ใช่เลย...งานของพระคือ งานด้านการศึกษา เช่น การสอน การเรียน งานด้านการอบรม งานด้านการเผยแผ่พระศาสนา และหลายต่อหลายอย่าง แต่ที่พระเลี้ยงเพราะท่านสงสารหมา กลัวว่าหมาจะอดตาย ซึ่งก็ไม่ได้ผิดวินัยอะไร แต่ก็อยากจะบอกว่ามันไม่ใช่งานของท่านโดยตรง เพราะงานของท่านมีแล้ว มีมากด้วยและล้วนสำคัญ
ลองคิดดูว่า ระหว่างงานของพระ เช่น งานเผยแผ่ งานอบรม งานสอนชาวบ้าน เด็กเยาวชน กับการที่พระไปเลี้ยงหมา อันไหนสำคัญกว่า คิดตามตรรกะง่ายๆ ประโยชน์จากอันไหนมากหรือกว้างขวางกว่ากัน...ประโยชน์นะครับ มิใช่ผลประโยชน์
ผมพูดเรื่องหมาขึ้นมาเพราะมีประเด็นเกี่ยวกับการเลี้ยงหมาในวัดเกิดขึ้นแล้ว เป็นปัญหาที่ต้องหาทางออกระหว่างวัดกับคนนำหมามาเลี้ยงในวัด เมื่อวัดต้องการพัฒนาและปรับภูมิทัศน์ของวัดใหม่ จึงอยากให้เคลื่อนย้ายออกไปอยู่ในที่แห่งใหม่ที่เหมาะสม แต่คนเลี้ยงยังคงไม่ดำเนินการเคลื่อนย้ายด้วยเหตุผลใดไม่ทราบ
เหตุเกิดที่วัดดุสิดาราม แขวงอรุณอมรินทร์ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ
เรื่องของเรื่องคือ มีคนนำหมามาเลี้ยงในวัดเมื่อประมาณปี 2550 สมัยเจ้าอาวาสรูปก่อน โดยช่วงแรกๆ หมาจะเยอะ แต่ปัจจุบันเหลือราวๆ 10 ตัว เลี้ยงอยู่ในกรงสลับกับปล่อยออกมาบ้าง ซึ่งทางวัดบอกเคยมีการพูดคุยกับผู้เลี้ยงเรื่องการเคลื่อนย้ายออก กำหนดในปี 2554 แต่ตอนนี้ล่วงมาปี 2556 ก็ยังไม่ดำเนินการใดๆ
ก่อนนี้ช่วงแรกๆ ทางวัดบอกให้ประสานไปทางเขตบางกอกน้อยให้ส่งเจ้าหน้าที่มาจับไปก็จับได้ แต่ตอนหลังผู้เลี้ยงห้ามไม่ให้จับและอยู่มาถึงวันนี้ แต่ตอนนี้วัดกำลังพัฒนาและบูรณปฏิสังขรณ์สิ่งปลูกสร้างต่างๆ ภายในวัด และต้องการที่จะพัฒนาและปรับภูมิทัศน์ของวัดให้สวยงาม มีความร่มรื่น สะอาด เพื่อคนที่เข้ามาวัดเห็นแล้วก็อยากเข้ามาอีก
ยิ่งวัดเป็นสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดดีเด่น เฉลิมพระเกียรติ 83 พรรษา แล้วมีการจัดโครงการปฏิบัติธรรมเนื่องในโอกาสต่างๆ ตลอดทั้งปี แล้วมีประชาชนมาร่วมจำนวนมาก ก็ยิ่งต้องการการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงใหม่ให้เหมาะสม
ผมว่าวัดนี้หรือวัดส่วนใหญ่จะเปรียบกับวัดสวนแก้วไม่ได้...เพราะสภาพพื้นที่ และสิ่งแวดล้อมของวัดต่างกัน วัดสวนแก้วมีพื้นที่กว้างขวางและไกลจากชุมชน แต่วัดดุสิดารามพื้นที่ไม่เหมาะที่จะเลี้ยง ทั้งยังเป็นพระอารามหลวงด้วย
เรื่องนี้ผมเชื่อว่ามีทางออกครับ หมาก็ไม่ได้มากอะไร ยังไงก็เชื่อว่ามีหน่วยงานรองรับพวกเขาได้ อยากฝากถึงคนเลี้ยงครับ การที่พระขอให้เคลื่อนย้ายก็อย่าคิดว่าท่านไล่ แต่ถ้าท่านจะไล่จริงก็ไล่ได้ครับเพราะเจ้าอาวาสมีอำนาจ
แต่ที่ท่านไม่ทำเพราะท่านเชื่อว่าเรื่องนี้มีทางออก มนุษย์ย่อมพูดจากันรู้เรื่อง และมันอยู่ที่ความจริงใจด้วย ถ้ารักหมาจริงก็ให้เห็นแก่หมาครับ
ผมว่าหมาไม่ได้เรื่องมาก อยู่ไหนเขาก็อยู่ได้ แต่คนอย่าไปทำให้มันยาก...แค่นั้นเอง


