posttoday

ละคร 'เวียงกุมกาม' นครโบราณใต้พิภพ

19 พฤษภาคม 2556

ครึกโครมตลอดสัปดาห์ เมื่อปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี จะแสดงละคร “เวียงกุมกาม” เมืองเก่าของเชียงใหม่ โดยรับบทเป็น พญามังราย ต้อนรับผู้นำต่างประเทศที่เข้าร่วมประชุมน้ำแห่งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

โดย...ปริญญา ชูเลขา

ครึกโครมตลอดสัปดาห์ เมื่อปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี จะแสดงละคร “เวียงกุมกาม” เมืองเก่าของเชียงใหม่ โดยรับบทเป็น พญามังราย ต้อนรับผู้นำต่างประเทศที่เข้าร่วมประชุมน้ำแห่งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา จ.เชียงใหม่

พร้อมกับจัดถ่ายทอดสดให้คนไทยทั่วประเทศชมทางช่อง 11 ช่วงค่ำวันที่ 19 พ.ค. ก่อนจะเข้าสู่วันสำคัญของการประชุมผู้นำสูงสุด 11 ประเทศ ในวันที่ 20 พ.ค.

งานยิ่งใหญ่อลังการครั้งนี้ทางรัฐบาลได้ดึงผู้อำนวยการสร้างฝีมือระดับแนวหน้าของเมืองไทย คือ ธิษณา ดาวเดือน หรือ “คุณจุ๊” ผู้บริหารแห่งบริษัท เจเอสแอล มาเนรมิตเมืองโบราณสถานที่ถูกทิ้งรกร้างให้กลับมามีชีวิตชีวาออกสู่สายตาชาวโลก

ที่มาที่ไปของการแสดงละครครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อเล่าประวัติศาสตร์การก่อตั้งและจุดล่มสลายของเวียงกุมกาม อดีตกาลเมืองหลวงเชียงใหม่เมื่อ 700 ปี ที่จมบาดาลในสมัยพญามังราย เพื่อสะท้อนให้เห็นว่า การอยู่กับน้ำต้องเรียนรู้การอยู่คู่กับธรรมชาติด้วย

จากข้อมูลประวัติศาสตร์ พญามังรายได้ปกครองอยู่ในนครหริภุญชัย (ลำพูน) อยู่ 2 ปี พระองค์มีพระราชดำริที่จะลองสร้างเมืองขึ้น ซึ่งก็คือ เวียงกุมกาม แต่พระองค์สร้างไม่สำเร็จ เพราะเวียงนั้นมีน้ำท่วมอยู่ทุกปี

“เหตุผลที่พญามังราย เลือกที่ตั้งเมืองเวียงกุมกามในตอนนั้น เพราะเป็นพื้นที่ลุ่มอันอุดมสมบูรณ์ มีแม่น้ำปิงไหลผ่าน แต่ในช่วงนั้นพญามังราย ได้แผ่อำนาจเข้ายึดครองเมืองหริภุญชัยจึงได้รับอิทธิพลการสร้างเมืองบนดอย กล่าวง่ายๆ พญามังรายเป็นคนดอยที่มาจากเมืองเชียงราย ซึ่งจากข้อมูลประวัติศาสตร์ของอาจารย์สรัสวดี อ๋องสกุล คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ให้ข้อมูลว่าพญามังราย ใช้องค์ความรู้จากหริภุญชัย อาจมีความเป็นไปได้ที่จะนำความรู้มาไม่ครบ กล่าวคือ พญามังรายขุดคูไว้ 4 ทิศ เพื่อชักน้ำปิงเข้าตรงคูเมือง โดยไม่มีการกันน้ำไว้อีกชั้นหนึ่ง ทำให้น้ำในแม่น้ำปิงสามารถพุ่งตรงเข้าสู่เมืองได้”

“เนื่องจากพญามังรายเป็นคนดอยอาศัยอยู่บนที่สูง แม้จะเป็นอารยธรรมลุ่มน้ำกก แต่ก็ไม่ได้มีประสบการณ์อยู่ริมน้ำในที่น้ำท่วม เมื่อเข้าฤดูน้ำจึงกลายเป็นมหาอุทกภัยใหญ่ เมืองก็จะจมน้ำกลืนเวียงกุมกามให้อยู่ใต้บาดาล เมื่อคนดอยไม่เข้าใจการอยู่กับน้ำ บทเรียนก็คือ น้ำเป็นผู้สร้างและเป็นผู้ทำลายด้วย

รัฐบาลจึงต้องการถ่ายทอดอารยธรรมล้านนาของเชียงใหม่ผ่านละครและเวียงกุมกาม ที่มีตำนานเรื่องเล่าที่มีมนต์เสน่ห์ จึงอาจกล่าวได้ว่าเวียงกุมกามมีวัตถุดิบที่น่าสนใจระดับโลก เพราะเมืองที่ฝังอยู่ใต้ตะกอนดินนานถึงกว่า 700 ปี โดยไม่มีใครรู้เลยว่าใต้ดินที่อาศัยอยู่ คือ อดีตเมืองหลวงเชียงใหม่

ธิษณา เล่าว่า ทางทีมงานตั้งใจจะย้อนรอยการแสดงเมื่อ 10 ปีที่แล้ว เมื่อครั้งที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงเสด็จมาทอดพระเนตร จนทำให้เวียงกุมกามดังกระฉ่อนโดยใช้ชื่อว่า “เปิดประตูสู่เวียงกุมกามนครโบราณใต้พิภพ”

“วันนี้ได้รวบรวมทีมงานมืออาชีพที่เคยทำงานกันมาพูดคุยกัน ซึ่งหารือกันว่าในบทละครเดิมมีความยาว 70 นาที ก็ได้ขออนุญาตเจ้าของบทประพันธ์ คือ คุณยุทธนา มุกดาสนิท ผู้กำกับชื่อดัง ย่อให้เหลือเพียง 40 นาที ซึ่งในอดีต 10 ปีก่อนได้เป็นผู้กำกับและโปรดิวเซอร์ละครเรื่องนี้ด้วย เพื่อให้เนื้อหาสั้น ตรงตามเวลา และการแสดงไม่เยิ่นเย้อเกินไป เพราะเป็นงานเลี้ยงรับรองจึงต้องสั้นลง” คุณจุ๊ เล่า

การทำงานครั้งนั้นได้ระดมที่ปรึกษาต่างๆ มากมาย เช่น ด้านประวัติศาสตร์ล้านนาได้อาจารย์สุรัสวดี แต่ครั้งนี้ย่อและจับประเด็นเฉพาะประวัติศาสตร์มาแสดงโชว์ และตัดประเด็นที่เป็นดราม่าออกไป โดยขีดเส้นเดินเรื่องเฉพาะการสร้างเมือง และการล่มสลายของเมืองเท่านั้น เพราะฉะนั้นเส้นทางเดินเรื่องก็จะเป็นเฉพาะช่วงที่พญามังรายมาสร้างเมืองริมฝั่งแม่น้ำปิงที่อุดมสมบูรณ์ในขณะเดียวกันสายน้ำเส้นดังกล่าวก็ได้พรากเมืองให้กลับคืนสู่ดิน

“เนื้อหาทั้งหมดจะพุ่งไปที่เฉพาะพญามังราย ที่เป็นกษัตริย์ที่ไม่เคยแพ้อะไรเลย แต่กลับแพ้ธรรมชาติ การพ่ายแพ้ในที่นี้ความหมายก็คือ พญามังรายไม่ได้สู้ที่จะพยายามดื้อรั้นจะเอาชนะธรรมชาติ ยิ่งด้วยคติความเชื่อของคนทางเหนือที่ต้องอยู่กับธรรมชาติ จึงเป็นที่มาของคอนเซปต์ การประชุมระดับนานาชาติที่มาประชุมเพื่อหารือถึงวิธีการอยู่ร่วมกันกับธรรมชาติบนโลกใบนี้ได้อย่างไร”

สำหรับความอลังการด้านความบันเทิงไม่มีคำว่าผิดหวัง ผู้บริหารเจเอสแอล บอกว่า ทีมงานได้ตั้งใจเต็มที่ตั้งแต่เรื่องบทเพลงใช้โครงสร้างเดิม เพียงแต่ปรับและแต่งเพลงเพิ่มอีก 2 เพลง

“ในครั้งนี้ได้รับความอนุเคราะห์จาก อาจารย์นคร พงษ์น้อย แห่งไร่แม่ฟ้าหลวง กลับมาช่วยงานอีกครั้ง ฉะนั้นรสนิยมการแต่งกายต่างๆ อาจารย์เป็นที่ปรึกษาโครงการทั้งหมด และยังได้อาจารย์โกมล พานิชพันธ์ ผู้เชี่ยวชาญเรื่องผ้าทอ ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่น “โกมลผ้าโบราณ” ใน อ.ลอง จ.แพร่ เป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังการแต่งกายถึงขนาดได้ยกชุดมาให้ทั้งหมดกว่า 700 ชุด”

นอกจากนี้ยังได้คุณมนตรี วัดละเอียด หรือ คุณขวด สุดยอดช่างแต่งหน้ามือหนึ่งของไทยมาร่วมงาน ซึ่งจำกันได้คุณขวดเคยฝากผลงานเป็นเมกอัพโขนที่แสดงต่อหน้าพระที่นั่งสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ มาแล้ว และยังได้คุณนราพงษ์ จรัสศรี หรือ พี่ตั๊ม ผู้มีประสบการณ์ในการทำงานร่วมกับนักออกแบบท่าเต้นสมัยใหม่ชื่อดังมาเป็นผู้ออกแบบท่าเต้นและกำกับการแสดงด้วยสำหรับวงดนตรีได้นักดนตรีระดับครูฝีมือระดับเทพ 37 ชีวิต ของเมืองเชียงใหม่มาร่วมบรรเลงดนตรีสด

“วัตถุประสงค์ของงานที่ได้ดึงผู้ใหญ่ในบ้านเมืองมาแสดง คือ ท่านปลอดประสพ เพราะงานนี้มีแขกบ้านแขกเมืองเป็นถึงระดับพระมหากษัตริย์ ผู้นำประเทศเข้าร่วมงานล้วนไม่รู้จักดาราคนไทย เพราะเราไม่ได้เปิดให้ประชาชนทั่วไปได้เข้าชม จึงไม่จำเป็นต้องใช้ดาราค่าตัวเป็นแสนๆ บาท ความลงตัวจึงมาลงที่ท่านปลอดประสพ ส่วนนางพายโค ราชบุตรีแห่งพระยาเม็ง รามัญหงสาวดี ผู้ที่มารับบทเป็นน้องริชชี่ พรรณารา พุ่มเจริญ รองมิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส ปี 2553

สำหรับอาจารย์ธงทอง จันทรางศุ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี จะรับบทเป็นกรมวังเหมือนโฆษกรัฐบาล หรือผู้อ่านคำประกาศตั้งเมือง

“ท่านปลอดประสพ มีเลือดศิลปินจริงๆ ไม่ว่าเรื่องขี่ช้างขี่ม้า ท่านทำได้ดี เพราะเป็นอดีตอธิบดีกรมป่าไม้มาก่อน การทำอะไรต่างๆ ชำนาญมากกว่านักแสดงอาชีพ โดยไม่ต้องฝึก บทที่ท่านปลอดประสพเล่นก็ไม่ได้พูด แสดงแค่ 4 ฉาก ส่วนชุดของท่านปลอดประสพ ได้รับการออกแบบมาเป็นอย่างดี และไม่จำเป็นต้องเปิดหรือเปลือยเนื้อหนัง

คุณจุ๊ กล่าวปิดท้ายว่า การทำงานในครั้งนี้ไม่ใช่แค่ทำละคร Live and Sound แต่ตั้งใจจะฟื้นคืนชีพความน่าตื่นตาตื่นใจของเวียงกุมกามให้กลับมามีชีวิต ดังนั้นการจัดการประชุมน้ำโลกถือเป็นผลพลอยได้อันสำคัญที่ทำให้ทุกส่วนให้ความสำคัญกับเวียงกุมกาม เพื่อให้ทั่วโลกได้รู้จักว่าเมืองไทยมีของดีอยู่ในบ้านในเมืองนี้

ข่าวล่าสุด

ไทยพาณิชย์ชู 3 แกนพัฒนาคน รับรางวัล HR Leader for Social Impact 2025