ความลึกลับของ แผ่นดิวไหว
หลังสถานการณ์คลี่คลาย ได้สร้างความสงสัยให้นักวิทยาศาสตร์ เพราะตามทฤษฎีการเกิดแผ่นดินไหว 8.6 ริกเตอร์ ใต้พื้นมหาสมุทรมักจะก่อให้เกิดสึนามิ
หลังสถานการณ์คลี่คลาย ได้สร้างความสงสัยให้นักวิทยาศาสตร์ เพราะตามทฤษฎีการเกิดแผ่นดินไหว 8.6 ริกเตอร์ ใต้พื้นมหาสมุทรมักจะก่อให้เกิดสึนามิ
ปกติแผ่นดินไหวจะเกิดขึ้นตามรอยแตกของแผ่นเปลือกโลกที่เรียกว่ารอยเลื่อน เกิดบ่อยที่สุดตามรอยต่อที่เรียกว่า แผ่นเปลือกโลกเคลื่อนที่ (Tectonic Plate) เจ็ดแผ่นใหญ่และแผ่นเล็กๆ อีกหลายแผ่นซึ่งประกอบกันเป็นเปลือกโลก ทั้งนี้แผ่นดินไหวใหญ่เกิดขึ้นเมื่อแผ่นเปลือกโลกชนกัน ซึ่งแบ่งได้เป็น 2 แบบ ดังนี้
1.แผ่นเปลือกโลกเลื่อนลงไปใต้แผ่นเปลือกโลกอีกแผ่นหนึ่งเรียกว่า เขตมุดตัว (Subduction Zone) เช่น ทางตะวันตกของอเมริกาใต้ แผ่นเปลือกโลกนาซคาเลื่อนเข้าไปใต้แผ่นเปลือกโลกอเมริกาใต้ ซึ่งหินจะถูกดันขึ้นด้านบน เกิดเป็นเทือกเขาแอนดีส ส่วนนอกชายฝั่งสุมาตรา แผ่นเปลือกโลกอินโดออสเตรเลียก็มุดเข้าไปใต้แผ่นเปลือกโลกซุนดา ก่อให้เกิดสึนามิในปี 2004
2.แผ่นเปลือกโลกจะเลื่อนในแนวขนานกัน ทำให้เกิดพลังงานมหาศาลกลายเป็นแผ่นดินไหว ซึ่งเกิดขึ้นตามรอยเลื่อนซานแอนเดรียสของอเมริกาใกล้กับเมืองซานฟรานซิสโก แต่ถ้าแผ่นดินไหวเช่นนี้เกิดขึ้นใต้มหาสมุทรจะไม่ก่อให้เกิดสึนามิ และถ้าความแรงของมันไม่ถึง 8.6 ริกเตอร์ ก็คงไม่มีใครสงสัยอะไรกับแผ่นดินไหวในวันที่ 11 เม.ย. 2012
นักวิทยาศาสตร์ใช้ข้อมูลจากเครื่องตรวจจับทั่วโลกสอบสวนการเกิดแผ่นดินไหวอันลึกลับนี้ พบว่ามีอะไรบางอย่างที่ใหญ่โตกำลังจะเกิดขึ้น โดยหนึ่งในแผ่นเปลือกโลกเคลื่อนที่ขนาดใหญ่ที่สุดของโลกแผ่นหนึ่งกำลังบิดตัวและเคลื่อนห่างออกจากกัน
ความลึกลับหมายเลข 1 : กำเนิดที่อธิบายไม่ได้ แผ่นดินไหววันที่ 11 เม.ย. ไม่ได้เกิดขึ้นตามแนวรอยเลื่อนของสองแผ่นเปลือกโลกเหมือนปี 2004 แต่เกิดขึ้นห่างแนวรอยเลื่อนไปทางตะวันตก 200 กิโลเมตร ตรงใจกลางของแผ่นเปลือกโลกอินโดออสเตรเลีย ห่างไกลจากแผ่นเปลือกโลกที่มุดเข้าหาแผ่นเปลือกโลกซุนดาของสุมาตรามาก
ความลึกลับหมายเลข 2 : แผ่นดินไหวรุนแรงผิดปกติ ความรุนแรงที่ 8.9 ริกเตอร์ ถือว่ารุนแรงที่สุดเป็นอันดับ 6 ของโลก และถือเป็นแผ่นดินไหวตรงกลางแผ่นเปลือกโลกห่างจากแนวรอยเลื่อนที่รุนแรงที่สุดเท่าที่เคยมีมา
ความลึกลับหมายเลข 3 : แผ่นเปลือกโลกร้าวในทุกทิศทาง แผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 11 เม.ย. ทำให้แผ่นเปลือกโลกแตกร้าวในรูปแบบที่ซับซ้อนที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา โดยมีแนวรอยเลื่อนไม่ต่ำกว่า 4 รอยเกิดขึ้นใน 2 ทิศทางที่ต่างกัน โดยเคลื่อนไปมากถึง 40 เมตร
นอกจากนี้ ยังมีอีก 3 ความลึกลับที่นักวิทยาศาสตร์งุนงงสงสัย (ติดตามรายละเอียดได้ในไซแอนซ์ อิลลัสเตรเต็ด ฉบับเดือน พ.ค. 2013) แต่โดยสรุปก็คือ แผ่นดินไหวในวันที่ 11 เม.ย. อาจเป็นผลมาจากความเค้นที่กระทำกับแผ่นเปลือกโลกอินโดออสเตรเลียขนาดมหึมา ซึ่งกำลังแยกออกจากกัน และจะเกิดสิ่งที่เรียกว่าเขตมุดตัวขึ้นใหม่ โดยแผ่นเปลือกโลกออสเตรเลียที่เคลื่อนที่เร็วจะมุดลงไปใต้แผ่นเปลือกโลกอินเดีย ซึ่งในที่สุดจะหยุดเคลื่อนที่
ที่สุดแล้วออสเตรเลียจะชนเข้ากับบอร์เนียวและนิวกินีภายใน 50 ล้านปีถัดไป และต่อมาก็จะชนกับสุมาตราและญี่ปุ่นในอีก 100 ล้านปี ไม่มีใครรู้ว่าตอนนั้นจะยังมีมนุษย์อยู่บนโลกหรือไม่


