หลวงพ่อสัมมา ขนฺติปาโล
หนึ่งในพระป่าร่วมสมัยที่ได้ชื่อว่า เป็นพระอริยสงฆ์ คือ หลวงพ่อสัมมา ขนฺติปาโล
หนึ่งในพระป่าร่วมสมัยที่ได้ชื่อว่า เป็นพระอริยสงฆ์ คือ หลวงพ่อสัมมา ขนฺติปาโล
หลวงพ่อสัมมาเป็นพระสุปฏิปันโนผู้สืบทอดปฏิปทาหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ท่านเป็นศิษย์ของ พระครูอุดมธรรมคุณ (หลวงพ่อมหาทองสุข สุจิตฺโต) หลวงปู่กงมา จิรปุญโญ ที่วัดดอยธรรมเจดีย์ เป็นสหธรรมิกกับ พระอาจารย์แบน ธนากโร หลวงพ่อแสน สุขกาโม หลวงปู่อ้ม สุขกาโม หลวงปู่อว้าน เขมโก หากแต่มรณภาพเพียงอายุ ๕๙ ปี
“อุบาสก ตะวัน คำสุจริต” ได้รวมรวม/เรียบเรียงประวัติท่านขึ้นเผยแผ่ โดยมีชีวประวัติหลวงพ่อสัมมา ขันติปาโล จัดทำขึ้นเพื่อถวายเป็นอาจาริยบูชา โดยระบุว่าขอสงวนลิขสิทธิ์ในการคัดลอกไปเพื่อจำหน่าย หรือในรูปแบบธุรกิจไม่ว่ากรณีใดๆ ถ้าคัดลอกไปเพื่อเผยแพร่เป็นธรรมทาน ไม่ขอสงวนลิขสิทธิ์ แต่ต้องอ้างอิงที่มา และไม่อนุญาตให้แก้ไขดัดแปลงข้อความใดๆ นอกได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร จากทางวัดป่าดงชน และผู้จัดทำ
ประวัติหลวงพ่อสัมมาฉบับนี้ รวบรวมเรียบเรียงเผยแผ่มาสองครั้ง คือ ฉบับแรก เมื่อ วันที่ ๒๖ พ.ค. ๒๕๔๙ และปรับปรุงใหม่อีกครั้งเมื่อวันที่ ๑๙ มี.ค. ๒๕๕๒ “คาบใบลานผ่านลานพระ” ขออนุญาตนำมาเผยแผ่ต่อ โดยให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของ “อุบาสก ตะวัน คำสุจริต” ผู้รวมรวม/เรียบเรียง โดยมีความตามต้นฉบับที่ปรากฏใน www.burapajan.com ดังนี้
หลวงพ่อสัมมา ขนฺติปาโล พระอริยสงฆ์ผู้ทรงเมตตาธรรม นามเดิมท่านชื่อ สัมมา นามสกุล มนต์ทิพย์ เกิดเมื่อวันจันทร์ที่ ๒๒ ต.ค. พุทธศักราช ๒๔๗๗ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ ปีจอ ณ บ้านนามน ต.ตองโขบ อ.โคกศรีสุพรรณ จ.สกลนคร
บิดาท่านชื่อ นายเจียม มนต์ทิพย์ มารดาท่านชื่อ นางหลอย มนต์ทิพย์ มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันทั้งหมด ๕ คน เป็นชาย ๓ คน เป็นหญิง ๒ คน โดยหลวงพ่อสัมมา เป็นบุตรชายคนสุดท้อง
ชีวิตในวัยเด็ก
หลวงพ่อสัมมา ขนฺติปาโล ในวัยเด็กท่านเป็นคนที่มีความเฉลียวฉลาด สุภาพเรียบร้อย อ่อนน้อมถ่อมตน โอบอ้อมอารี มีความเมตตามาตั้งแต่สมัยยังเด็ก ดังนั้นท่านจึงเป็นที่รักของบิดามารดา ญาติพี่น้อง รวมทั้งมิตรสหายเพื่อนฝูงด้วยกัน
พออายุถึงเกณฑ์ศึกษา บิดามารดาได้ส่งท่านเข้ารับศึกษาที่โรงเรียนโคกศรีสุพรรณ ต.ตองโขบ อ.โคกศรีสุพรรณ จ.สกลนคร จนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ ซึ่งเป็นชั้นสูงสุดในสมัยนั้น
ครั้นจบการศึกษาแล้ว ท่านได้ช่วยบิดามารดาทำนาทำไร่แบ่งเบาภาระของครอบครัว ช่วยเหลือการงานต่างๆ ทางบ้าน ทำอาชีพเกษตรกรรม โดยชาวอีสานส่วนใหญ่นั้นมีอาชีพทำนา ทำสวน ทำนาข้าวเลี้ยงครอบครัว ทำนาข้าวเลี้ยงคนทั้งประเทศ ทำนาข้าวเลี้ยงคนทั้งโลก จึงถือว่าการทำนาเป็นอาชีพที่ทรงเกียรติน่ายกย่อง คนทั้งโลกควรสำนึกบุญคุณของชาวนา เพราะความกตัญญูกตเวทีนั้น เป็นเครื่องหมายของคนดี
การบรรพชา
ในสมัยเด็ก หลวงพ่อสัมมาท่านเมตตาเล่าว่า “สมัยพ่อเป็นเด็ก หลวงปู่มั่นท่านมาพักจำพรรษาที่วัดป่าบ้านนามน พ่อได้ใส่บาตรหลวงปู่มั่น กับตากับยายบ้าง กับพ่อกับแม่บ้าง รวมทั้งมีโอกาสไปถวายภัตตาหารหลวงปู่มั่น ที่วัดป่าบ้านนามนอยู่เป็นประจำ”
หลวงพ่อสัมมา ขนฺติปาโล ท่านมีความเกี่ยวข้องผูกพันกับวัดมาตั้งแต่ยังเด็ก มีอุปนิสัยฝักใฝ่ในทางธรรม เมื่อกลับจากโรงเรียนช่วยงานทางบ้านของบิดามารดาแล้ว ท่านจะลงไปที่วัดช่วยพระภิกษุสามเณรทำความสะอาดปัดกวาดลานวัด อุปัฏฐากครูบาอาจารย์พระเถระผู้หลักผู้ใหญ่ รวมทั้งได้เห็นข้อวัตรปฏิบัติ และปฏิปทาของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ซึ่งเป็นพระอริยสงฆ์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ จึงเกิดความศรัทธาเลื่อมใส ในองค์หลวงปู่มั่น และพระธุดงค์กรรมฐาน เป็นอันมาก คิดอยู่ในใจเสมอว่า “เมื่อโตขึ้นเราต้องบวชให้ได้”
พออายุ ๑๖ ปี ท่านกราบขออนุญาตบิดามารดาไปบวชเป็นผ้าขาวอยู่กับหลวงปู่กงมา จิรปุญโญ ที่วัดดอยธรรมเจดีย์ บวชเป็นผ้าขาวอยู่ ๖ เดือน เพื่อให้ถึงทราบข้อวัตรปฏิบัติ รวมทั้งศึกษาศีลธรรม ท่องคำบรรพชาเป็นสามเณร เมื่อทราบถึงข้อวัตรปฏิบัติและศีลธรรมสมควรแล้ว หลวงปู่กงมา จิรปุญโญ จึงนำหลวงพ่อสัมมา ไปบรรพชาเป็นสามเณร ที่วัดป่าสุทธาวาส ต.ธาตุเชิงชุม อ.เมือง จ.สกลนคร เมื่อวันที่ ๑๕ ก.ค. พุทธศักราช ๒๔๙๔ โดยมีท่านพระครูอุดมธรรมคุณ (หลวงพ่อมหาทองสุข สุจิตฺโต) เป็นพระอุปัชฌาย์
ครั้นบรรพชาแล้ว ท่านกลับมาพักปฏิบัติธรรมจำพรรษากับหลวงปู่กงมา ที่วัดดอยธรรมเจดีย์เช่นเดิม ซึ่งในสมัยนั้นมีครูบาอาจารย์ลูกศิษย์องค์สำคัญของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต หลายองค์มาพักจำพรรษาด้วย อาทิ หลวงตามหาบัว ญาณสมฺปนฺโน วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี เป็นต้น
การอุปสมบท
อายุได้ ๒๑ ปีบริบูรณ์ หลวงพ่อสัมมาท่านได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุในทางพระพุทธศาสนา เมื่อวันที่ ๒ ก.ค. พุทธศักราช ๒๔๙๘ ณ พัทธสีมาวัดป่าสุทธาวาส อ.เมือง จ.สกลนคร
โดยมีหลวงปู่กงมา จิรปุญฺโญ เป็นประธานสงฆ์
พระครูอุดมธรรมคุณ (หลวงพ่อมหาทองสุข สุจิตฺโต) เป็นพระอุปัชฌาย์
พระครูวิบูลธรรมภาณ (หลวงพ่อไพบูลย์ อภิวณฺโณ) เป็นพระกรรมวาจาจารย์
พระมหาสมบูรณ์ เป็นพระอนุสาวนาจารย์
พระอุปัชฌาย์ขนานนามฉายาให้ว่า “ขนฺติปาโล” แปลว่า “ผู้มีขันติเป็นที่ตั้ง”
พออุปสมบทแล้วท่านกลับไปปฏิบัติธรรมจำพรรษา ที่วัดดอยธรรมเจดีย์เช่นเดิม
การปฏิบัติธรรม
หลวงพ่อสัมมา ขันติปาโล ท่านได้พักปฏิบัติธรรม อุปัฏฐากหลวงปู่กงมา ที่วัดดอยธรรมเจดีย์ ครั้นรู้จักหลักพระธรรมวินัย ข้อวัตรปฏิบัติดีแล้ว ในบางปีพอออกพรรษา ท่านได้กราบลาหลวงปู่กงมา ออกเดินธุดงค์ปฏิบัติธรรมไปตามสถานที่ต่างๆ ตามป่าเขาลำเนาไพร โดยเฉพาะในเขตเทือกเขาภูพานจ.สกลนคร ท่านจะเดินธุดงค์ไปแทบทั้งหมด พอใกล้จะเข้าพรรษา ท่านก็กลับมาพักจำพรรษาที่วัดดอยธรรมเจดีย์
การเดินธุดงค์ปฏิบัติธรรมของหลวงพ่อสัมมา ขนฺติปาโล นั้น ท่านจะสลับสับเปลี่ยนออกไปกับหลวงพ่อแบน ธนากโร ในปีใดหลวงพ่อแบนท่านกราบลาไปธุดงค์แล้ว หลวงพ่อสัมมาท่านจะอยู่อุปัฏฐากหลวงปู่กงมา จิรปุญฺโญ ถ้าหลวงพ่อสัมมาท่านลาออกไปธุดงค์แล้ว หลวงพ่อแบนจะอยู่อุปัฏฐากหลวงปู่กงมา หรือในปีใดมีพระภิกษุสามเณรมาก ท่านจะไปธุดงค์กับหลวงพ่อแบน ธนากโร
ในสมัยนั้นครูบาอาจารย์ที่พักศึกษาข้อวัตร ปฏิบัติธรรมอยู่กับหลวงปู่กงมา จิรปุญฺโญ ที่วัดดอยธรรมเจดีย์ มีดังนี้
๑.หลวงพ่อแบน ธนากโร วัดดอยธรรมเจดีย์ อ.โคกศรีสุพรรณ จ.สกลนคร
๒.หลวงพ่อแสน สุขกาโม วัดภูกะโล้น อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร
๓.หลวงพ่อสัมมา ขนฺติปาโล วัดป่าดงชน อ.เมือง จ.สกลนคร
๔.หลวงพ่ออ้ม สุขกาโม วัดป่าภูผาผึ้ง อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร
๕.หลวงพ่ออว้าน เขมโก วัดนาคนิมิตต์ อ.โคกศรีสุพรรณ จ.สกลนคร
สร้างวัดป่าดงชน
วัดป่าดงชนแห่งนี้ เดิมนั้นเป็นที่พักภาวนาของหลวงปู่ฝั้น อาจาโร วัดป่าอุดมสมพร จ.สกลนคร ในปีพุทธศักราช ๒๕๑๕ คณะศรัทธาญาติโยมพุทธศาสนิกชนชาวบ้านดงชน ได้ไปนิมนต์พระจากวัดดอยธรรมเจดีย์ เพื่อลงมาโปรดญาติโยมชาวบ้าน เป็นที่พึ่งทางด้านจิตใจ หลวงพ่อแบน ธนากโร ท่านจึงมอบหมายให้หลวงพ่อสัมมา ขันติปาโล ลงมาโปรดคณะศรัทธาญาติโยมชาวบ้านดงชน
หลวงพ่อสัมมา ขันติปาโล ท่านได้มาพักจำพรรษาและได้เริ่มสร้างวัดป่าดงชน ตั้งแต่ปีพุทธศักราช ๒๕๑๕ เรื่อยมา รวมทั้งได้พัฒนาวัดป่าดงชนจนเป็นวัดที่สมบูรณ์แบบ ถูกต้องตามกฎหมาย มีศาลาการเปรียญ อุโบสถ กุฏิพระสงฆ์ โรงฉันน้ำร้อน โรงครัว เป็นต้น
ส่วนข้อวัตรปฏิบัตินั้น ท่านถือการปฏิบัติตามปฏิปทาสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ดำเนินตามแบบฉบับของหลวงปู่กงมาจิรปุญฺโญ ผู้เป็นบุรพาจารย์
หน้าที่การงานทางพระศาสนา
หลวงพ่อสัมมา ขนฺติปาโล ท่านเป็นพระที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ กอรปด้วยศีลและธรรม มีศีลาจาริยวัตรที่งดงาม เป็นพระนักพัฒนา มีลูกศิษย์ลูกหามากมายทั้งพระภิกษุสามเณร และฆราวาส เป็นที่นับถือของบุคคลทั้งหลาย ดังนั้นท่านจึงมีหน้าการงานด้านพระศาสนาอยู่หน้าที่
วันที่ ๒๓ ก.พ. พุทธศักราช ๒๕๒๖ ได้รับแต่งตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์
วันที่ ๑ มี.ค. พุทธศักราช ๒๕๒๗ ได้รับแต่งตั้งเป็นพระธรรมทูต สายที่ ๕
วันที่ ๑ พ.ค. พุทธศักราช ๒๕๒๘ ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดป่าดงชน
วันที่ ๕ ธ.ค. พุทธศักราช ๒๕๓๔ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ เป็นพระครูสัญญาบัตรในราชทินนามที่ “พระครูขันติธรรมารักษ์”
นำธรรมสู่ใจมวลชน
หลวงพ่อสัมมา ขนฺติปาโล ท่านได้อบรมพุทธบริษัท ให้รู้จักหลักธรรมคำสอนของพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า สอนให้รู้จักศีลธรรม การปฏิบัติจิตตภาวนา ในสมัยก่อนนั้นชาวบ้านในแถบภาคอีสานส่วนใหญ่นิยมนับถือผี บวงสรวงศาลปู่ตานับถือผีนาผีไร่ ถ้าเจ็บไข้ได้ป่วยลง จะพากันล้มโค กระบือ ฆ่าเป็ด ไก่ สุกร เพื่อเลี้ยงเจ้าที่เจ้าทาง บนบานศาลกล่าว ไม่ให้ผีมารบกวนเบียดเบียน พากันไปทรงเจ้าเข้าผี ไหว้จอมปลวก ไหว้ต้นไม้ใหญ่ ไหว้ภูผาป่าเขาไปก็มีมาก เมื่อเทียบกับหลักธรรมคำสอนทางพระพุทธศาสนาแล้วเป็นเรื่องที่ผิด
การที่ผู้ป่วยคนเดียวเจ็บไข้แล้วยังไม่พอ ยังมีจิตคิดไปเบียดเบียนสัตว์ต่างๆ นานาให้พลอยรับกรรมตามไปด้วย ไปฆ่าเขาถือเป็นความผิด ถ้าชีวิตเราเขามาฆ่า เราจะดีใจไหมลองพิจารณาดูให้ดี มนุษย์นั้นจะดีจะชั่วอยู่ที่ตัวเราทำ ไม่เกี่ยวกับผี ไม่เกี่ยวกับดินฟ้าอากาศอะไรเลย เป็นเพราะกรรมที่ทำลงไปทั้งสิ้น พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า “กลฺยาณการี กลฺยาณํ ปาปการี จ ปาปกํ ทำดีย่อมได้ดี ทำชั่วย่อมได้ชั่ว”
หลวงพ่อสัมมา ขันติปาโล ท่านได้นำหลักธรรมคำสอนต่างๆ ในทางพระพุทธศาสนา มาแนะนำสั่งสอนให้ชาวบ้านเลิกนับถือผี ให้มายอมรับนับถือพระรัตนตรัย อันมีพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ครั้นชาวบ้านเจ็บป่วยลง ท่านสอนให้สวดมนต์ทำสมาธิภาวนา อุทิศส่วนบุญส่วนกุศลไปให้แก่เจ้ากรรมนายเวร อย่าได้มีเวร อย่าได้มีภัย อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกัน ไม่ให้ไปไหว้เจ้าเข้าผีเหมือนเดิม สอนให้บริกรรมภาวนา “พุทโธ” “ธัมโม” “สังโฆ” เอาคุณของพระพุทธเจ้าพระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่พึ่ง ที่กราบไว้ ที่บูชา ที่เคารพนับถือ


