พระราชชายา เจ้าดารารัศมี
เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินไปประพาสชายฝั่งทะเลภาคใต้เมื่อเสด็จถึงเกาะพงัน ก็ทรงมีพระราชหัตถเลขาถึงพระราชชายาเจ้าดารารัศมี ที่ยังอยู่เชียงใหม่ ดังนี้
เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินไปประพาสชายฝั่งทะเลภาคใต้เมื่อเสด็จถึงเกาะพงัน ก็ทรงมีพระราชหัตถเลขาถึงพระราชชายาเจ้าดารารัศมี ที่ยังอยู่เชียงใหม่ ดังนี้
วันที่ ๒ ก.ค. รัตนโกสินทรศก ๑๒๘
ดารา
ด้วยเมื่อไปทะเลครั้งนี้ ถึงเกาะพงัน ได้รับหนังสือ ๒ ฉบับ ฉบับหนึ่งลงวันที่ ๑๖ เม.ย. ฉบับหนึ่งลงวันที่ ๒๘ เล่าถึงท่าทำยศทำศักดิ์สนุกดี เจ้าจะเรียนกว่าคนอื่น เพราะเคยออกหน้ามาตั้งแต่พ่อยังอยู่ ถ้าหากว่าเป็นคนข้างในตามเคยเห็นจะเกือบตาย คำรับรองที่อ่านนั้นแต่งดีจริงๆ ได้ให้กรมหลวงนริศฯ ดูตอบมาว่าได้เห็นเข้าก็ใจหายกลัวในเรื่องแต่งหนังสือเช่นนี้เราจะแพ้เขาเสียในภายหน้าเชียงใหม่ยังไม่สิ้นคนรู้
ใบเมี่ยงที่ส่งมาใช้ได้ ฟังเล่าก็นึกอยากจะไป ข้อที่ต้องการจะเห็นมากนั้น คือ ห้วยแก้ว ดอยสุเทพ
ได้ให้ลงมือเขียนอย่างดาว ที่จะประดับเจดีย์กันในทะเลนั้นเอง แต่ประดักประเดิดกันด้วยเรื่องขนาด เพราะเหตุที่เขาดัดเลข ๘ เป็นเลข ๒ ไป ยังนึกวิตกอย่างเดียวว่าจะติดที่ไหนถ้าต่ำๆ กลัวมันจะไม่อยู่ ถ้าสูงนักใครจะอ่านหนังสือเห็น เพราะหนังสือนั้นบรรจุลงไปมาก จึงทำให้ตัวเล็กแต่เห็นดีเช่นนั้น ถ้าจะนึกหน้ารูปร่างอย่างไรก็คือดวงสะตาร์ตราจักรีนั้นเอง เว้นไว้แต่ไม่มีสามง่ามออกไปคั่นอยู่ในระหว่างแฉก ช่างเขาว่าจะแล้วสำเร็จได้ในกลางเดือน ๘ อุตราสารท จะรีบให้เดินทางบกขึ้นไปให้ทันทีในเดือน ๙
การที่ไปทะเลครั้งนี้ เหตุด้วยไม่สบายให้ตึงเมื่อยไป จึงได้ประคบลูกประคบพลาดที่ท้องข้างซ้าย คราวนี้เลยปวดเป็นลำยันอยู่ข้างใน ขี้ก็คั่งเลยลุกลามปวดไปถึงข้างขวา เดินไม่ถนัด ต้อๆ แต้ๆ นอนจะพลิกตัวก็โอยลุกขึ้นนั่งก็โอย แต่ข้าวกินได้นอนหลับอยู่ จึงไม่ได้เป็นอะไรมาก เป็นแต่ไม่มีความสุขและดูงุ่มง่ามไป ที่จริงเหตุที่เกิดทั้งนี้เห็นจะเป็นด้วยข้าราชการชุกหมู่ใหญ่ทรมานตัวประมาณสักสองเดือนเต็มๆ รู้สึกปวดเมื่อยฟกเต็มที ได้แก้ไขเท่าไรไม่ยักหาย กลัวจะจับไข้ได้คิดอ่านหลบออกไปทะเล การไปทะเลก็ไปเที่ยวอย่างตาแก่ คือ นอนอืดแต่ในเรือ ขึ้นบกน้อยด้วยเดินไม่ใคร่ไหว รีดน้ำมันร้อยอย่างตลอดทั้งวัน แต่ก็ไม่เป็นประโยชน์อะไรไม่ยักหาย จนกลับมาก็ยังเป็นอยู่เช่นนั้น จนทีหลังที่สุดนี้อ่านอาการเจ็บใครๆ เห็นชื่อพระยาอมรสาตร์ฯ คือสิทธิสารเก่าบ่อยๆ นึกว่าลองเอาแกมารักษาดูสักที เผชิญพอมาให้กินยาก็ถูกต้องค่อยยังชั่วขึ้นทุกวัน จนเดี๋ยวนี้ยังเหลืออยู่สองแห่งที่ตะโพกข้างซ้ายแห่งหนึ่ง กับที่ไต้รักแร้ข้างขวาแห่งหนึ่งตึงอยู่เท่านั้น ยาที่กินนั้นก็ขนานเดียวเรียกว่าสิทธิสารประสิทธิ์ ของพระยาอมรสาตร์ฯ บ้านปูนเดี๋ยวนี้ยานั้นเลยเก่งใหญ่ เพราะเขาเห็นหายได้เร็วๆ ใครๆ ก็กินกันซื้อกันไว้คนละมากๆ ตาอมรสาตร์ออกจะรวยๆ ในครั้งแรกที่ให้กินสองเมล็ด รุ่งขึ้นแกมาถามว่าเป็นอย่างไร บอกว่าเอาไปเถิด เมล็ดละ ๑๐๐ บาท ส่งเงินไปให้ ๒๐๐ บาท สรรพยานั้น ใบสมอกับโกฐน้ำเต้า กินก่อนเวลาจะนอนไม่ใช้ไม่เซาะอย่างหนึ่งอย่างใด นิ่งๆ ตื่นขึ้นก็ไปหมดท้อง เว้นไว้แต่ถ้าท้องเสียจึงจะเหลวมาก กินทีละ ๒ เมล็ดสำหรับธาตุหนัก ถ้าธาตุเบาบางทีเมล็ดเดียวคงจะพอกระมัง ไม่รู้จะถูกกับโรคภัยของเจ้าหรือไม่ แต่ตั้งใจว่าอะไรเป็นแฟแช่นออกใหม่ในวังจะส่งขึ้นมาให้เช่นนั้นเอง ถ้าดีอยู่แล้วขออย่าให้กิน ถ้ากินขออย่าให้กินทุกวันจะเคยท้องเสีย
ของแฟแช่นเนบอลในวัง เดี๋ยวนี้มีอีกอย่างหนึ่งคือถุงตีนสีแฟแช่นอันนี้ ได้เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อกลับจากยุโรป ใส่ถุงตีนและเกือกหนังสีก็มีความปรารถนาที่จะใส่กันขึ้นมาบ้าง จนความรั่วรู้ไปถึงไอ้พวกห้างสั่งมาขาย เกือกนั้นมาประเดี๋ยวเดียวหมดไม่ทันรู้แต่ถึงรู้ก็ไม่รู้จักขนาดตีนคงไม่กล้าส่ง จึงได้แต่ถุงตีนส่งขึ้นมาสีละคู่ที่เขาใช้กันอยู่ในเวลานี้ แฟแช่นอื่นยังไม่สู้เดิน
คราวนี้ว่าด้วยเรื่องคลั่ง ชาววังกำลังคลั่งละครกรมนราฯ ทุกรูปทุกนามตั้งแต่ตัวนายลงไปถึงขี้ข้า ตั้งแต่เจ้าไปแล้วยิ่งมีหลายหนเข้า และตามแบบที่เจ้าตั้งไว้ไม่ให้ผู้ชายมาดู แต่นั้นมาก็ไม่มีผู้ชายได้ดูอีกเลย ผลที่ผู้ชายไม่ได้ดูนั้น ทำให้เกิดทุรนทุราย สุดแต่กรมนราฯ มาเล่นอะไรในวังแล้วกลับเอาแล้วไปเล่นที่ปรีดาลัยคนก็ไปดูมาก แต่ก่อนโรงละครกรมนราฯ ได้เคยไป คนไม่เกิน ๕๐ ตั้งแต่มาเล่นในวังแล้วคราวนี้เล่นวันใดที่นั่งไม่พอเสมอ แต่เพียงเรื่องที่มาเล่นในวังแล้ว ไปเล่นข้างนอก ได้ส่วนเงินข้างนอกถึงหมื่นบาทกว่า กรมนราฯ ร้องว่าเดชะบารมี
สังเกตความนิยมของคนชั้นหลังนี้เห็นจะนิยมสาวเครือฟ้ายิ่งกว่าเรื่องอื่นๆ จนได้รับหนังสือไปรษณีย์ขอให้เล่นซ้ำในวิกนี้ ข้อที่นิยมเห็นจะเป็นด้วยเหตหลายๆ อย่าง หนึ่งนั้นเป็นเรื่องละครฝรั่งอีกอย่างหนึ่งเห็นคงจะโปรดจึงได้เล่าไว้ในหนังสือเรื่องไกลบ้าน แต่ข้อสำคัญที่สุดนั้นอีนางพร้อมเป็นสาวเครือฟ้า เข้ามาเล่นในวังทำเมื่อเชือดคอตายได้รางวัลครั้งเดียวถึง ๑๐๐ บาท มีผู้ปรารภกันว่าถ้าเจ้ากลับลงมาควรจะมีละครสมโภชเสีย ๓ วัน นึกวิตกกลัวแต่จะต้องซ้ำ เพราะเจ้าไม่ได้เห็นมากเรื่องเขาทายกันว่าเจ้าจะขอให้ซ้ำเรื่องสาวเครือฟ้านี้
การที่เล่นละครแล้วไม่ได้เขียนเล่าเรื่องขึ้นมา ๙ เล่ม แต่จะซ้ำไปเล่มหนึ่งฤๅอย่างไรไม่ทราบ จำไม่แน่จึงเห็นว่าเหลือไว้ดีกว่าขาด
การที่ตั้งพยายามไปซ้อมละคร เล่นพระลอแก้ขัดใจคอก็เด็ดนักหนา คนที่จะเล่นละครมันต้องเป็นคนคิดได้ทั้งบทและทั้งคุมเรือให้ท่า จำจะต้องคิดเรื่องคิดใหม่ประกอบกับตัวคนที่มีอยู่จึงจะเล่นได้ดี เพราะฉะนั้นคนที่เล่นละครดีมาแต่ก่อนๆ พระพุทธเลิศหล้าตาเจ้ากลับ นายเนตร นายต่าย เจ้าพระยามหินทร เหล่านี้เขานึกของเขาเองทั้งนั้น ถ้าเล่นละครมีผู้มาคอยติว่าที่นี่ต้องอย่างนั้น ที่นั่นต้องอย่างนี้จึงจะถูกแล้วเล่นอย่างไรๆ ก็สู้เมื่อกระนั้นคือคนที่เล่นแรกๆ ไม่ได้
พูดถึงกรมนราฯ มานานแล้ว คราวนี้เอาเรื่องอื่นเสียที มียายฝรั่งคนหนึ่งเป็นชาวอิตาเลียน ชื่อบัวชอนี คิดตั้งโรงละครที่ถนนพาหุรัต ลงพิมพ์ประกาศมาตั้งแต่เดือน ก.พ. ว่าจะเล่นละครอีตาเลียนแปลเป็นไทย คนไทยเล่นแต่งตัวเป็นฝรั่ง จะได้เล่นในเดือน เม.ย.เป็นแน่ คำประกาศนั้นลงพิมพ์ทุกวันจนถึงเดือน มี.ค. เม.ย. พ.ค. จนถึงเดือน พ.ค. แล้วก็ยังลงพิมพ์ว่าจะเล่นเดือน เม.ย.เป็นแน่ มันช้าเช่นนี้ได้มาเล่นต่อเดือน มิ.ย. เชิญเสด็จด้วย แต่ไม่เสด็จฯ ครั้งแรกคนตื่นกันไปดูมากโรงละครว่าทำดีกว่าโรงไหนๆ ในบางกอกทั้งหมด ตัวละครแต่งตัวเป็นฝรั่งอย่างดี ฝรั่งโบราณชั้น ๑๕๐ ปีมาแล้ว เสื้อแสงหรูมากเรื่องที่เล่นออกจะสนุกๆ แต่ตัวละครนั้นเก็บเอาพวกละครปรีดาลัยบ้าง นักสวดบ้าง ยี่เกบ้าง ผู้ชายก็เป็นผู้ชาย ผู้หญิงก็เป็นผู้หญิงแต่มันเล่นพูดเป็นฝรั่งพูดไทย อีโย่งโก้งเก้ง เห็นจะมีคนดูเต็มแต่ครั้งแรกวันเดียวแล้วเล่นต่อมาอีก ๒๓ วัน กลายเป็นเล่นแต่วันเสาร์วันอาทิตย์ วันอื่นๆ เอาหนังเข้าไปเล่น เมื่อวิกก่อนนี้หนังสือพิมพ์กล่าวไว้ว่าต้องเลิกเพราะไม่มีคนดู มันกล้าเล่น มีเงิน ๓,๐๐๐ เท่านั้น เที่ยวซื้อของเชื่อกว้านของซื้อให้หมดตลาดแล้วกลับขาย กรมนราฯ ครางอู้หาซื้อของไม่ได้ เดี๋ยวนี้เจ้าหนี้ตอมนุงทีเดียว
จรูญฯ ต้องเรียกกลับเข้ามาเป็นรองเสนาบดีกระทรวงยุติธรรม เมื่อแรกนี้กรมนเรศฯ ได้ขออนุญาตที่จะถามขึ้นไปถึงเจ้าว่าเรื่องหลานจะจัดการอย่างไรต่อไป แต่ภายหลังนี้ตกลงเป็นบวรเดชจะไปเป็นทูตแทนแล้ว ก็เป็นอันสิ้นเรื่องไม่มีเปลี่ยนแปลงอันใด
ที่เรือนนั้น พระยาวรวงศ์ฯ แกเรี่ยมาก เหตุที่ไม่เคยเข้าใจผิดถึงเพียงนั้นจึงได้เขม้นชะมักทำ บัดนี้ได้มุงหลังคาและถือปูนแล้วไม่ได้ไปดูมานาน แต่นางเอิบบอกว่า ทางดูเหมือนโต มีห้องหับมากกว่าเรือนในวัง กำลังคิดอ่านให้เขาไปถ่ายรูปจะส่งขึ้นไปให้ดู
นางชุ่ม ไปเที่ยวถึงเพชร์บุรี กลับมาฟื้นขึ้นมากเห็นจะยังไม่เป็นไร องค์อัจอรฯ นั้นขึ้นมาจากปากน้ำ อยู่บ้านระพีอาการโทรมลงมาก นอนราบลงไปไม่ได้ทีเดียว แต่แกรักษาตัวแกเก่งไม่มีใครสู้กินยาเกือบทุกชั่วโมงอาหารก็อุตส่าห์ทำเอง พยายามมาก บวมแล้วยุบเล่าเห็นจะยังไปได้อีกหลายเดือน แต่หญิงเล็กเยาวมาลย์นั้นยังไม่ฟื้นเลย แกชักให้เร็วที่ธาตุเอาไว้ไม่อยู่ อย่างไรๆ ก็คงจะตามกันไปในสองคนนี้
พระที่นั่งอนันตสมาคมก่อผนังขึ้นมาถึงชื่อแล้วที่สวนดุสิตหน้าตาแปลก ก็ที่แลเห็นพระที่นั่งนี้ตั้งโตอยู่กลางสวนแง่เต๋ง จะเป็นซึ่งเจ้าจะกลับมาเห็นแปลกนอกนั้นคงที่อยู่อย่างเดิมไม่มีเปลี่ยนแปลงอันใด หนังสือนี้เขียนมายาวมากแล้วจึงขอจบไว้เสียที คิดถึงทุกเวลาที่มีอะไรสนุก และมีคนบ่นถึงเสมอ
ในที่สุดนั้นต้นลำดวนยังดีไม่ตาย เขากั้กคอกไว้เสียแน่นหนา
(พระปรมาภิไธย) จุฬาลงกรณ์ ป.ร.


