ปรากฏการณ์ เหนือธรรมชาติ...'วงแหวนแห่งพระเจ้า'
เชื่อว่า หลายคนที่เคยเห็นปรากฏการณ์วงแหวนผุดขึ้นกลางทุ่งหญ้า
โดย...วรัท เจิ่งประภากร
เชื่อว่า หลายคนที่เคยเห็นปรากฏการณ์วงแหวนผุดขึ้นกลางทุ่งหญ้าในเขตที่แห้งแล้งของแอฟริกาใต้คงอดสงสัยไม่ได้ว่า ภาพเบื้องหน้านี้เกิดขึ้นมาจากอะไรและมีไว้เพื่ออะไร แต่ก่อนเข้าสู่ประเด็นถกเถียงดังกล่าว เรามาทำความรู้จักกับปรากฏการณ์นี้อย่างคร่าวๆ เสียก่อนดีกว่า
ปรากฏการณ์นี้คืออะไร
โดยทั่วไปแล้ว ปรากฏการณ์นี้มีชื่อเรียกที่น่าสนใจว่า “วงแหวนแห่งพระเจ้า” ซึ่งเป็นวงแหวนที่ถูกห้อมล้อมด้วยวัชพืชและหญ้า โดยมีทรายอยู่ภายในศูนย์กลางที่มีขนาดตั้งแต่ 2 เมตรไปจนถึง 15 เมตร มีอยู่มากในประเทศนามิเบีย รวมทั้งในแองโกลาและแอฟริกาใต้
ส่วนใหญ่แล้ว “วงแหวนแห่งพระเจ้า” ถูกพบได้ในผืนดินที่แห้งแล้งและห่างไกลจากท้องทะเลกว่า 160 กิโลเมตร กินบริเวณตั้งแต่ภายในประเทศแองโกลาลงใต้ผ่านประเทศนามิเบียไปจนสุดเขตที่ประเทศแอฟริกาใต้ รวมระยะทางกว่า 2,400 กิโลเมตร ส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในบริเวณห่างไกลและทุรกันดารที่ไม่มีผู้คนอยู่อาศัย โดยห่างจากหมู่บ้านที่ใกล้ที่สุดนับ 100 กิโลเมตร
สาเหตุยังเป็นปริศนา
ในอดีตตั้งแต่ปี 1971 ซึ่งเป็นปีที่วงแหวนนี้ถูกค้นพบเป็นครั้งแรก มีการศึกษาหาเหตุปัจจัยของปรากฏการณ์นี้มากมาย ตั้งแต่ปี 1971 ซึ่งเป็นปีที่ถูกค้นพบเป็นครั้งแรก แต่ยังไม่มีหลักฐานแน่ชัดที่สามารถสรุปได้ว่าเกิดจากอะไรแน่
ตามความเชื่อของชาวฮิมบา คนท้องถิ่นในเขตใต้สุดของทวีปแอฟริกา วงแหวนดังกล่าวถูกสร้างขึ้นโดยมังกรที่อาศัยอยู่ใต้แผ่นดิน ซึ่งลมหายใจที่เป็นไฟของมังกรทำให้เกิดฟองอากาศขึ้นมาบนแผ่นดิน และเผาทำลายพืชที่อยู่ภายในวงแหวนเป็นวงกลมที่สมบูรณ์
ต่างฝ่ายต่างก็มีความเชื่อที่แตกต่างกันไป โดยมีตั้งแต่ความเชื่อที่ว่าสาเหตุของปรากฏการณ์แปลกประหลาดนี้ เกิดจากดินที่ติดสารกัมมันตภาพรังสี หรือสารพิษจากต้นยูโฟร์เบียของชาวดามาระ ซึ่งเป็นคนพื้นเมืองในประเทศนามิเบีย หรือแม้กระทั่งจากมด หรือปลวกที่ทำรังอาศัยอยู่ในบริเวณดังกล่าว
การค้นพบล่าสุด
อย่างไรก็ตาม ล่าสุด นอร์แบท เจอร์เกนส์ นักชีววิทยาจากมหาวิทยาลัยฮัมบูร์ก ประเทศเยอรมนี ได้ข้อสรุปจากการวิจัยว่าปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติดังกล่าวแท้จริงแล้วเกิดจากกระบวนการวิศวกรรมทางระบบนิเวศวิทยาที่ซับซ้อน โดย “ปลวกทราย” ที่มีชื่อเรียกทางวิทยาศาสตร์ว่า Psammotermes allocerus
ปกติแล้ว ปลวกทรายถูกพบเจอได้ในราว 80100% ของวงแหวนทรายทั่วไป และพบได้ 100% ในวงแหวนที่เพิ่งถูกสร้างขึ้นใหม่ และถือเป็นแมลงเพียงชนิดเดียวที่มีชีวิตอาศัยอยู่ในบริเวณที่ปรากฏการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น
ปลวกทรายสร้างวงแหวนแห่งพระเจ้าขึ้น โดยการกินวัชพืชที่อยู่รอบๆ และขุดชอนไชพื้นทรายบริเวณตรงกลางเป็นรูโพรงพรุน ซึ่งทำให้วงแหวนทรายนี้สามารถกรองดูดซึมน้ำลงไปกักเก็บภายในใต้ดินได้
กระบวนดังกล่าวนี้ ช่วยทำให้พื้นทรายมีความชุ่มชื้นได้แม้ในช่วงที่แห้งแล้งที่สุด และทำให้หญ้าและวัชพืชเติบโตขึ้นมาอย่างอุดมสมบูรณ์ในบริเวณรอบนอกวงแหวน กลายเป็นเขตโอเอซิสกลางทะเลทราย ที่ดึงดูดสัตว์และสิ่งมีชีวิตนานาชนิดเข้ามาอยู่อาศัย
เมื่อบริเวณดังกล่าวมีความอุดมสมบูรณ์มากขึ้น ก็ทำให้วัชพืชซึ่งเป็นแหล่งอาหารของปลวกทรายมีจำนวนเยอะขึ้น กลายเป็นอาหารให้แก่ปลวกทราย และทำให้เกิดการสร้างวงแหวนที่กินบริเวณกว้างและมากเพิ่มขึ้นไปอีก จนหลายฝ่ายยกไปเปรียบเทียบกับตัวบีเวอร์ที่สามารถสร้างแหล่งน้ำและอาหารขึ้นมาเองได้
อย่างไรก็ตาม ทฤษฎีนี้ก็ยังไม่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางและถูกปฏิเสธจากบางสำนักความคิด อาทิ วอลเตอร์ อาร์ ชิงเกล นักชีววิทยาจากมหาวิทยาลัยฟลอริดา ประเทศสหรัฐ ผู้ซึ่งวิจัยเรื่องนี้มานานปีแต่กลับไม่พบเห็นปลวกในบริเวณวงแหวนที่ทำหน้าที่ในการสร้างระบบนิเวศวิทยาตามที่เจอร์เกนส์กล่าวอ้างแต่อย่างใด
เจอร์เกนส์ตอบโต้ว่า ชิงเกลตามหาปลวกผิดชนิด เนื่องจากปลวกทรายที่เจอร์เกนส์ทำการวิจัยอยู่นั้นแตกต่างจากปลวกชนิดที่ ชิงเกลวิจัย ซึ่งอาศัยอยู่ใต้ดินลึกลงไปจากวงแหวนดังกล่าวอยู่มาก และไม่ได้มีรังอยู่บริเวณพื้นดินและไม่ได้เคลื่อนที่ในแบบที่จะสามารถพบรอยได้บนพื้นดิน
แม้ว่าจะยังไม่มีข้อสรุปที่แน่นอน และเป็นข้อโต้แย้งที่มามานานพอสมควรว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้เกิดวงแหวนดังกล่าวกันแน่ แต่สำหรับคนชนเผ่า ฮิมบา แล้ว ไม่จำเป็นจะต้องมีคำอธิบายอะไรมากไปกว่า “วงแหวนที่พระเจ้าประทับไว้”


