posttoday

พระราชชายา เจ้าดารารัศมี (1)

21 เมษายน 2556

พระราชชายาเจ้าดารารัศมี เป็นพระธิดาของพระเจ้าอินทวิชยานนท์

พระราชชายาเจ้าดารารัศมี เป็นพระธิดาของพระเจ้าอินทวิชยานนท์ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ กับแม่เจ้าเทพไกรสร หรือทิพเกสร ประสูติเมื่อวันที่ 26 ส.ค. ปี 2416 ณ คุ้มหลวง เมืองนครเชียงใหม่

ทรงได้รับการศึกษาชั้นต้นตามอักขรวิธีของล้านนา และทรงเรียนภาษาไทยตลอดจนขัตติยประเพณีของเจ้านายล้านนาทุกประการ เมื่อมีพระชนมายุครบ 11 พรรษา ในปี 2426 เจ้าหลวงนครเชียงใหม่ ผู้เป็นพระบิดาโปรดให้มีพิธีโสกันต์ตามระบบอย่างราชประเพณีของราชสำนักไทย ความทราบถึงพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นพิชิตปรีชากร เชิญกุณฑลและพระธำมรงค์ประดับเพชรมาพระราชทานเป็นของขวัญ พร้อมกับแต่งตั้งตำแหน่งเสนาทั้งหก โปรดเกล้าฯ ให้พี่เลี้ยงชายหญิง คือ นางเต็ม เป็น “แม่นางกัลยารักษ์” และนายน้อย บุญทา เป็น “พญาพิทักษ์เทวี” ในตำแหน่งพระพี่เลี้ยงทั้งสองคน

ครั้นถึงปี 2429 เจ้าดารารัศมี มีพระชนมายุได้ 14 พรรษา จึงได้ติดตามเจ้าหลวงอินทวิชยานนท์ พระบิดาลงไปเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวที่กรุงเทพฯ การเดินทางในครั้งนั้น พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้โปรดเกล้าฯ ให้เรือยนต์จากกรุงเทพฯ ขึ้นไปรอรับขบวนของเจ้าหลวงเชียงใหม่ที่นครสวรรค์ ล่องแม่น้ำเจ้าพระยามาจนถึงพระนครศรีอยุธยา โดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์ เสด็จมารอรับอยู่ที่พระราชวังบางปะอิน

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้จัดพระราชพิธีรับขวัญเจ้าดารารัศมีอย่างสมเกียรติแล้ว จึงเดินทางต่อมายังกรุงเทพฯ เจ้าดารารัศมีได้เข้ารับราชการสนองพระเดชพระคุณพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวในพระบรมมหาราชวัง ภายใต้พระอุปถัมภ์ของสมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระบรมราชินีนาถ ในฐานะข้าราชสำนักตั้งแต่บัดนั้น

เจ้าดารารัศมี เมื่อเข้ามารับเป็นข้าราชสำนักก็ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ ให้เป็นเจ้าจอม มีตำหนักเป็นส่วนพระองค์และบริวารบ่าวไพร่ล้วนเป็นเจ้านายและผู้คนทางฝ่ายเหนือแทบทั้งสิ้น การใช้ชีวิตในตำหนักก็จะเป็นไปตามแบบอย่างเจ้านายฝ่ายเหนือ ทั้งภาษาพูดและขนบธรรมเนียมการกินอยู่ ทั้งยังมีความสามารถโดดเด่นในทางฟ้อนรำและการดนตรี และการถ่ายรูป ด้วยความห่วงใยในพระธิดาแม้เจ้าดารารัศมีจะได้รับพระราชทานเงินปีละ 100 ชั่ง จากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว แต่พระเจ้าอินทวิชยานนท์ยังส่งเงินที่ได้จากค่าตอไม้และค่าไม้สักปีละหลายหมื่นตลอดจนเพชรพลอยที่ได้มาจากเมืองพม่าไปให้พระธิดาอย่างมากมาย เจ้าดารารัศมีจึงเป็นเจ้าจอมที่ร่ำรวยมากอีกผู้หนึ่งในราชสำนักไทย

สำหรับบริวารและผู้ติดตามเจ้าดารารัศมีเข้ามาอยู่ในราชสำนักกรุงเทพฯ นั้น ประกอบด้วย

1.เจ้าบัวระวรรณ ณ เชียงใหม่

2.เจ้าทิพวัน ณ เชียงใหม่

3.เจ้าบัวชุม ณ เชียงใหม่

4.เจ้ายวงแก้ว สิโรรส

5.เจ้าคำเที่ยง ณ เชียงใหม่

6.แม่นายบุญปั๋น พิทักษ์เทวี บุตรีพญาพิทักษ์เทวี พระพี่เลี้ยงเจ้าดารารัศมี และพระประยูรญาติอื่นๆ อีกหลายคน

เจ้าดารารัศมี รับราชการสนองพระเดชพระคุณได้ 3 ปี จึงประสูติพระราชธิดา เมื่อวันที่ 2 ต.ค. ปี 2432 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ผู้เป็นพระบรมราชชนก พระราชทานชื่อว่า พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าหญิงวิมลนาคนพีสี เมื่อมีพระเจ้าลูกเธอแล้ว เจ้าดารารัศมีก็ให้ความเอาใจใส่ฟูมฟักในพระราชธิดาเป็นอย่างดี ด้วยความหวังว่าลูกจะเจริญวัยขึ้นมาเป็นแก้วตาดวงใจเป็นเพื่อนแม่ในยามเหงา แต่เป็นที่น่าเสียดายที่พระเจ้าลูกเธอพระองค์นี้ทรงมีพระชนม์สั้นนัก ทรงเจริญวัยขึ้นมาได้เพียง 3 ปี 4 เดือน 18 วัน ก็สิ้นพระชนม์ลง ยังความโศกเศร้าอาลัยอาวรณ์มาสู่สมเด็จพระบรมราชชนก และพระมารดาเป็นอย่างยิ่ง แต่ในท่ามกลางความอาลัยอันใหญ่หลวงนั้น จดหมายแสดงความเสียใจอันเต็มไปด้วยความรักความห่วงใยของพระเจ้าอินทวิชยานนท์ พระบิดาที่มีมาจากเมืองเชียงใหม่ ถึงเจ้าน้อยดารารัศมีก็เปรียบเสมือนน้ำทิพย์ชโลมใจให้เจ้าดารารัศมีคลายความทุกข์โศกจากการสูญเสียในครั้งนี้ลงไปได้บ้าง ความในจดหมายของเจ้าหลวงแห่งนครเชียงใหม่ที่เขียนเป็นอักขระแบบล้านนาอันจับใจนั้นมีว่า

ถึงเจ้าน้อย ลูกรักของพ่อ

พ่อได้ทราบข่าวว่าพระองค์เจ้าวิมลนาคนพีสี พระเจ้าลูกเธอของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกับเจ้าน้อย ได้ถึงแก่กาลกิริยาสิ้นพระชนม์เมื่อเดือนก่อน

พ่อมีความเสียใจเป็นอย่างมากที่สุด เพราะว่าพระองค์เจ้าหญิงองค์นี้เป็นหลานสุดที่รักของพ่อ ซึ่งพ่อรักเจ้าน้อยเพียงใด พ่อก็ย่อมรักพระองค์เจ้าหลานมากเท่านั้น

บรรดาพระญาติเจ้านายพี่น้องทางบ้านเมืองของเรา ทางเมืองเชียงใหม่ ได้ทราบข่าวเรื่องนี้ต่างมีความเสียอกเสียใจกันเป็นที่สุด ตัวของพ่อ จิตใจของพ่อ มีความห่วงใยในตัวของเจ้าน้อยมากที่สุด เพราะเจ้าน้อยอยู่ห่างไกลพ่อมากที่สุด

และได้บังเกิดการสิ้นพระชนม์ของพระองค์เจ้าหญิง ลูกในอกเลือดเนื้อสายเลือดของเจ้าน้อยกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอย่างกะทันหันอย่างไม่คาดคิด คงจะทำให้เจ้าน้อยเศร้าโศกเสียใจเป็นอันมาก เพราะในชีวิตไม่เคยผ่านมาเลยในการจากไปอย่างไม่มีวันกลับของเลือดในอกของตนเอง

พ่อจึงขอร้องมาให้เจ้าน้อยลูกของพ่อจงหักห้ามใจ ระงับความเศร้าโศกลงไปเสียเถิด เดี๋ยวเจ้าน้อยจะเกิดเจ็บไข้ได้ป่วยลง ไกลหูไกลตาพ่อซึ่งไม่มีโอกาสไปดูแลอาการเจ็บไข้ของลูก

พ่อขอให้เจ้าน้อยลูกรักของพ่อ จงหักห้ามความเศร้าโศกเศร้าใจเสียเถิด เพราะว่าความเจ็บไข้ได้ป่วย ความแก่ชรา ความตายเป็นของธรรมดาที่เกิดมากับโลก ตามคำพระพุทธศาสนาของเราที่พระท่านสอนเอาไว้ จงทำตามคำขอร้องของพ่อเถิดนะ เจ้าน้อยลูกรักของพ่อ

ตุ๊เจ้าโสภโณโสภา วัดฝายหิน ได้ทราบข่าวการสิ้นพระชนม์ของพระองค์เจ้าหญิง ราชธิดาของเจ้าน้อย ได้มาหาพ่อพร้อมกับบอกกับพ่อว่าให้บอกกับเจ้าน้อยด้วยว่า ท่านมีความเศร้าสลดใจมากในการจากไปของพระองค์เจ้าหญิง ขอให้วิญญาณพระองค์ท่านไปสู่สรวงสวรรค์ชั้นฟ้าดาวดึงส์

และขออำนาจคุณของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากลโลกนี้ จงบันดาลให้เจ้าน้อยดารารัศมีกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จงมีแต่ความสุขความเจริญ อายุ วรรณะ สุขะ พละ เทอญ

พ่อขอพูดกับเจ้าน้อยผู้ซึ่งจากอกพ่อมาตั้งแต่อายุ 14 ปีกว่า เข้ามาอยู่ในพระบรมมหาราชวัง ตัวลูกจากมาก็จริง แต่ใจของพ่อจดจ่ออยู่กับลูกอยู่เสมอ พ่อคิดถึงลูกอยู่ทุกลมหายใจ สำหรับความจงรักภักดีในใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทของเจ้านายที่ได้มีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ขออย่าให้ได้เสื่อมคลายแม้แต่น้อย ขอให้พยายามเพิ่มพูนยิ่งเป็นพันเท่า ยิ่งโยชน์โกฏิหมื่นแสนเทอญ

ขอให้ลูกจงเคารพบูชากราบไหว้ในพระองค์เหมือนกับเป็น “พ่อ” และเป็น “พระพุทธองค์พระเจ้าหลวง” ในหอหลวงในคุ้มหลวงของเรา ที่พ่อเคยนำเจ้าน้อยไปกราบไหว้ทุกเช้าทุกค่ำ ก่อนเข้านอนขอให้เจ้าน้อยจงเคารพบูชากราบไหว้ในพระองค์ ขอพึ่งบุญบารมีล้นกระหม่อม ปกเกล้าปกกระหม่อมของเจ้าน้อยลูกพ่อ ขอให้เจ้าน้อยจงอย่าทำสิ่งใดอันเป็นที่ไม่ถูกอกถูกใจและขัดพระราชหฤทัยของพระองค์ท่านเป็นอันขาดนะลูกนะ

ตามความเป็นจริงที่ได้บังเกิดขึ้น นับตั้งแต่เจ้าเมาะ เจ้าหม่อม เจ้าอุ้ย เจ้าปู่ เจ้าย่า ตา ยาย ในสกุลวงศ์ของเรา ซึ่งเป็นเจ้านายฝ่ายเหนือมาตราบถึงตัวพ่อและตัวเจ้าน้อย มาตราบเท่าทุกวันนี้ล้วนแต่ได้รับหน้าที่ผู้รักษาพระราชอาณาจักรหัวเมืองฝ่ายเหนือมานับร้อยๆ ปี ด้วยความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาทุกๆ รัชกาล

และพร้อมกันนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ประทานพระมหากรุณาธิคุณมาทุกๆ รัชกาล ชุบเลี้ยงแต่งตั้งให้มีอำนาจเป็นเจ้าชีวิต ทรงแต่งตั้งเลื่อนยศฐานันดรศักดิ์ให้สูงส่งเหมือนคนทั้งหลายในแผ่นดินสยามมาตลอด กรุณาชุบเลี้ยงเจ้านายทั้งหลายในพระญาติวงศ์มาตลอด

พวกเราเจ้านายฝ่ายเหนือก็ได้อาสาฝากชีวิตไว้เป็นข้าราชการ และเป็นทหารของแผ่นดิน ถวายชีวิตเป็นราชพลี ถวายความจงรักภักดีต่อพระบรมราชวงศ์จักรีตลอดมา

พ่อขอให้เจ้าน้อยจงทำจิตใจให้สบายอกสบายใจ มอบกายถวายชีวิตไว้แทบพระยุคลบาท เป็นราชพลีแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจนชีวิตจะหาไม่

บัดนี้พ่อก็แก่เฒ่าชราลงไปมาก ปีนี้ก็อายุได้ 75 ปีแล้ว มีความห่วงใยเจ้าน้อยมากยิ่งขึ้น พ่อขอให้เจ้าน้อยจงได้ปฏิบัติตามข้อความทุกๆ อย่างที่พ่อบอกเล่ามาในหนังสือนี้ พ่อจะมีความสุขที่สุด จะตายไปจากโลกนี้จะได้นอนตาหลับ

ขอความสุขมีแด่เจ้าน้อยลูกรักของพ่อด้วยเถิด

ด้วยความรักและคิดถึงจากพ่อ

อินทวิชยานนท์

หลังจากสูญเสียพระราชธิดาไปแล้ว แม้วันเวลาจะล่วงผ่านไป เจ้าดารารัศมีก็มิได้มีพระราชโอรสหรือพระราชธิดาถวายพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวอีกเลย แต่เจ้าดารารัศมีก็ยังคงรับราชการสนองพระเดชพระคุณพระบรมราชสวามีด้วยความซื่อสัตย์สุจริตจงรักภักดีโดยไม่เสื่อมคลาย มีเรื่องเล่าสืบต่อมาว่า เมื่อพระราชธิดาพระองค์เจ้าหญิงวิมลนาคนพีสีสิ้นพระชนม์นั้น พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งมีพระเมตตาเอ็นดูพระราชธิดาพระองค์นี้ยิ่งนักด้วยทรงแต่งพระองค์อย่างวัฒนธรรมชาวเหนือ ทรงนุ่งพระภูษาซิ่นและเกล้าพระเกศามองดูน่ารักน่าเอ็นดู ทรงตรัสเรียกพระราชธิดาว่า “หญิงลาว” อยู่เสมอ ได้ตรัสกับสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ว่า “ฉันผิดไปเสียแล้ว ลูกเขาควรจะได้เป็นเจ้าฟ้า แต่ฉันลืมตั้งจึงตาย”

ข่าวล่าสุด

ประกาศ! ปิดกั้นอ่าวไทย 'สกัดน้ำมัน-ยุทธปัจจัย' เข้ากัมพูชา