แดงเดือด ณ เชียงใหม่ ชินวัตรแพ้ไม่ได้
ตัดสินกันวันอาทิตย์นี้กับ “ศึกแดงชนแดง” เลือกตั้งซ่อมเขต 3 จ.เชียงใหม่ ระหว่าง “เจ๊แดง-เยาวภา วงศ์สวัสดิ์” จากเพื่อไทย
โดย...ธนพล บางยี่ขัน
ตัดสินกันวันอาทิตย์นี้กับ “ศึกแดงชนแดง” เลือกตั้งซ่อมเขต 3 จ.เชียงใหม่ ระหว่าง “เจ๊แดง-เยาวภา วงศ์สวัสดิ์” จากเพื่อไทย และ “แม่แดง-กิ่งกาญจน์ ณ เชียงใหม่” จากประชาธิปัตย์
แน่นอนว่า “เชียงใหม่” ถือเป็นฐานที่มั่นของ “เสื้อแดง” และบ้านเกิดตระกูล “ชินวัตร”
แต่ “เจ๊แดง” ก็ไม่อาจนิ่งนอนใจเสียทีเดียว เพราะเป้าหมายที่ต้องการจากการเลือกตั้งเที่ยวนี้ ไม่ได้หวังแค่ผลชนะเลือกตั้ง แต่ยังหวังไปไกลถึงการทิ้งขาดคู่แข่งจากประชาธิปัตย์ให้มากที่สุด
ทั้งเหตุผลเรื่องการสร้างความฮึกเหิมให้บรรดากองเชียร์ ตัดตอนไม่ให้ “ประชาธิปัตย์” ได้มีโอกาสเข้ามารุกเมืองหลวงของเพื่อไทย
รวมไปถึงเรื่องเหตุผลการประกาศศักดา สร้างความสง่างามในการหวนกลับคืนสู่สนามการเมือง หลังได้อิสระพ้นชายคาบ้านเลขที่ 111 ที่หวังจะมาเป็น “อะไหล่” หากเกิดอุบัติเหตุกับนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
แม้ล่าสุด นายกฯ ยิ่งลักษณ์ จะรอดคดียื่นบัญชีทรัพย์สินเป็นเท็จ ในกรณีปล่อยเงินกู้ 30 ล้านบาทให้กับบริษัท แอค อินเด็กซ์ ที่ “อนุสรณ์ อมรฉัตร” สามี ถือหุ้นอยู่ไปแล้ว แต่ก็ยังมีความเสี่ยงอีกในหลายคดี จึงจำเป็นที่จะต้องมีทางออกเผื่อไว้สำหรับกรณีฉุกเฉิน
นอกจากนี้ การวางตัว “เจ๊แดง” กลับลงหน้าฉากการเมืองครั้งนี้ ยังหวังให้เข้ามาอุดช่องโหว่เรื่องการคุมเกมในสภา และกระชับความสัมพันธ์สลายรอยร้าวกลุ่มก้อนต่างๆ ในพรรคให้กลับมาแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ปล่อยให้นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ไปทุ่มเททำงานในฝ่ายบริหารเป็นหลัก
ดังนั้น ไม่แปลกที่ “เกษม นิมมลรัตน์” จะรีบร้อนลาออก ซึ่งไม่ว่าจะอ้างเรื่องปัญหาสุขภาพ หรือเรื่องความต้องการจะเบนเข็มไปทำงานการเมืองในสนามท้องถิ่น ก็ดูจะไม่มีน้ำหนักอย่างที่ระบุ
เพราะที่ผ่านมายังทำหน้าที่ไม่ถึงปีหลังจากที่เอาชนะประชาธิปัตย์ในการเลือกตั้งซ่อมวันที่ 2 มิ.ย. 2555 แทน “ชินณิชา วงศ์สวัสดิ์” ที่ตกเก้าอี้ด้วยข้อหาจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริง ตามคำตัดสินของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
ทางด้านฝั่งประชาธิปัตย์แม้จะเป็นรองในทุกด้าน แต่ก็ใช่ว่าจะถอดใจโยนผ้ายอมแพ้ตั้งแต่ในมุ้ง
เริ่มตั้งแต่การคัดตัวผู้สมัครที่ใช้เวลาอยู่นานกว่าจะมาเคาะลงตัวที่ “กิ่งกาญจน์” ซึ่งถือเป็นตัวเลือกที่มีน้ำหนักพอฟัดพอเหวี่ยงกับ “เยาวภา” เท่าที่ประชาธิปัตย์มีอยู่ในมือ ที่สำคัญยังเคยมีปมความหลังที่ขัดแย้งส่วนตัวกันมาในอดีต
ต้องยอมรับว่า ตระกูล ณ เชียงใหม่ ถือเป็นตระกูลการเมืองที่อยู่ในเชียงใหม่มาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะ “เจ้าหนุ่ยธวัชวงศ์ ณ เชียงใหม่” ขณะที่ “กิ่งกาญจน์” เองก็มีดีกรีเป็น สส. 2 สมัย เมื่อครั้งสมัยพรรคความหวังใหม่ รวมถึงยังมีลูกสาว ร.อ. (หญิง) เดือนเต็มดวง ณ เชียงใหม่ อดีตนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่
แต่แน่นอนว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะหากย้อนไปดูผลการเลือกตั้งที่ผ่านมาคะแนนนิยมสะท้อนผ่านคะแนนบัญชีรายชื่อ เมื่อครั้งเลือกตั้งเมื่อ 3 ก.ค. 2554 เฉพาะ จ.เชียงใหม่ เพื่อไทยยังมีคะแนนทิ้งห่างประชาธิปัตย์เกินครึ่ง 606,897 ต่อ 215,816 คะแนน
หากเจาะดูคะแนนเลือกตั้ง เขต 3 เชียงใหม่ “ชินณิชา” ยังคงทิ้งห่าง “วีระวุฒิ เทพเรือง” เกือบ 4 เท่าตัว 81,863 ต่อ 21,987 เสียง แม้ในการเลือกตั้งซ่อมเมื่อวันที่ 2 มิ.ย. 2555 “เกษม” ยังเอาชนะ “กัลยกรณ์ เจียมกิจวัฒนา” จากประชาธิปัตย์ ในสัดส่วนที่ไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก คือ 72,385 ต่อ 18,975 เสียง
แม้จะยากที่หวังไปถึงการปักธงฟ้ากลางดงแดง แต่สนามเลือกตั้งซ่อมเที่ยวนี้ประชาธิปัตย์จึงตั้งเป้าที่จะโกยคะแนนให้ได้มากที่สุดเพื่อเป็นการ “ลูบคม” เพื่อไทย ที่จะได้มีการขยับขยายต่อไปในการเลือกตั้งครั้งหน้า
ด้วยข้อจำกัดเรื่องระยะเวลาเพียงแค่ 3 สัปดาห์ในการหาเสียง ประชาธิปัตย์ยังใช้สูตรเดิมเหมือนที่เคยทำมา โดยให้แกนนำ สส.จัดคาราวานปูพรมลงพื้นที่หาเสียงช่วยชาวบ้าน พร้อมเปิดเป็นปราศรัยย่อย ปราศรัยใหญ่
เนื้อหาสำคัญคือ การเน้นย้ำเรื่องหน้าที่เข้าไปตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล เปิดให้ชาวเชียงใหม่มีทางเลือกใหม่ เพื่อเปิดให้มีการแข่งขันและทำให้นักการเมืองหันมาเอาใจใส่ประชาชนอย่างแท้จริง
ทางฝั่ง “เพื่อไทย” เองก็ทุ่มเต็มที่กับสนามนี้ ขนทีมงานชุดใหญ่ ไล่ตั้งแต่นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ไปจนถึงแกนนำ สส.ช่วยหาเสียงในพื้นที่ต่อเนื่อง หวังที่จะรักษาฐานเสียงเดิมให้เท่ากับหรือมากกว่าครั้งที่แล้ว
ผลการเลือกตั้งในวันอาทิตย์นี้จึงจะเป็นดัชนีชี้วัดทิศทางการเมืองอีกครั้งที่สำคัญ


