posttoday

พระองค์เจ้าหญิงศรีวิไลยลักษณ์ สุนทรศักดิ์กัลยาวดี

14 เมษายน 2556

กรมขุนสุพรรณภาควดี เป็นพระราชธิดาใน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

กรมขุนสุพรรณภาควดี เป็นพระราชธิดาใน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ประสูติแต่เจ้าคุณพระประยูรวงศ์ (แพ บุนนาค) เมื่อวันที่ 24 ก.ค. 2411 ณ วังสวนนันทอุทยาน ซึ่งมีเรื่องเล่าต่อๆ กันมาว่า เมื่อประสูตินั้นเป็นเวลาที่ยังไม่ครบกำหนด ครั้นประสูติออกมาก็มีเยื่อบางๆ หุ้มพระองค์อยู่ จึงเกิดความเข้าใจผิดว่า พระหน่อนั้นสิ้นพระชนม์เสียแล้ว จึงมีการตระเตรียมหม้อเพื่อบรรจุพระองค์เตรียมนำไปฝังตามธรรมเนียมราชประเพณี ท่ามกลางความโศกสลดเสียพระทัยของพระราชบิดา พระมารดา และพระญาติพระวงศ์ทั้งปวง

แต่ด้วยความสงสัยว่าปนัดดาที่ประสูติมานั้นจะเป็นพระโอรสหรือพระธิดา สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ ผู้เป็นทวดจึงฉีกเยื่อบางๆ นั้นออกมาดูก็พบว่าพระธิดานั้นยังมีลมหายใจอยู่ จึงได้ช่วยกันประคบประหงมแก้ไขเยียวยา จนเป็นที่แน่ชัดว่าพระธิดาพระองค์น้อยนั้นมีสุขภาพพลานามัยสมบูรณ์ทุกประการ

เนื่องจากพระธิดาองค์น้อย เป็นพระธิดาที่เกิดจากรักแรกของ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว กับพระสนมเอก คุณแพ บุนนาค ที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงขอจากสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ ขุนนางชั้นผู้ใหญ่ผู้เป็นตาให้คุณแพมาเป็นสะใภ้หลวง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งในขณะนั้นยังดำรงพระอิสริยยศเป็น สมเด็จเจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์ จึงมีความสนิทเสน่หาโปรดปรานพระธิดาพระองค์นี้เป็นอย่างมาก โปรดให้ประทับอยู่ด้วยกันแบบครอบครัวพ่อแม่ลูก ณ วังนันทอุทยาน โดยไม่ได้ให้แยกไปอยู่ยังตำหนักต่างหากออกไป และตรัสเรียกพระธิดาว่า “เจ้าหนู” ก่อนที่จะพระราชทานพระนามให้

หลังจากพระธิดาประสูติได้ไม่นาน สมเด็จเจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์ ซึ่งตามเสด็จสมเด็จพระบรมราชชนกไปในการทอดพระเนตรสุริยุปราคาที่หว้ากอ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ก็ประชวรหนัก เจ้าจอมมารดาแพแม้จะอยู่ในสภาวะแม่ลูกอ่อนก็ได้เฝ้าปรนนิบัติรักษาพยาบาลพระสวามีตลอดเช้าค่ำ โดยไม่เห็นแก่ความเหนื่อยยาก จนกระทั่งสมเด็จเจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์เสด็จขึ้นเถลิงถวัลยราชสมบัติเป็น พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระธิดาองค์น้อยจึงได้ดำรงพระอิสริยยศเป็น พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าหญิงศรีวิไลยลักษณ์ สุนทรศักดิ์กัลยาวดี

พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าหญิงศรีวิไลยลักษณ์ฯ ทรงเจริญวัยขึ้นมาเป็นเจ้านายที่น่ารัก ทรงวางพระองค์อย่างงดงาม มีน้ำพระทัยเอื้ออารีเป็นที่รักและเคารพของบรรดาเจ้าพี่เจ้าน้องทั้งปวง โดยเฉพาะบรรดาเจ้าน้องที่ดำรงพระอิสริยยศเป็น “เจ้าฟ้า” ทุกพระองค์จะตรัสเรียก “พี่หนู” ตามที่สมเด็จพระบรมราชชนกทรงเรียกว่า “เจ้าหนู” ส่วนบรรดาชาววังก็จะออกพระนามว่า “ท่านพระองค์ใหญ่”

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงรักและเมตตาในพระราชธิดาพระองค์นี้เป็นพิเศษ ดังจะเห็นได้จากเหตุการณ์หลังวิกฤตการณ์วังหน้า ในปี 2417 เพียงเล็กน้อย เมื่อกรมพระราชวังบวรวิไชยชาญเอาตัวเข้าไปแอบอิงอยู่ภายใต้อำนาจบารมีของกงสุลอังกฤษอย่างชัดแจ้ง เจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี ขณะที่ยังรับราชการในที่จมื่นไวยวรนาถได้บันทึกไว้ว่า “...กรมพระราชวังบวร มิสเตอร์น๊อกซ์ กงสุลอังกฤษ คิดจะเอาพระโอรสองค์ใหญ่มีพระนามว่า พระองค์เจ้าวิลัยส่งไปประเทศอังกฤษเพื่อมิสเตอร์น๊อกซ์จะเปิดเผยที่เมืองอังกฤษว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไม่มีพระบรมราชโอรส มีแต่พระราชธิดาพระองค์ใหญ่ คือ กรมขุนสุพรรณฯ ส่วนกรมพระราชวังบวรมีพระโอรส พระโอรสนี้จะเป็นรัชทายาทต่อไป เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงทราบดังนี้แล้ว จึงทรงพระวิตกคิดให้สมเด็จวังบูรพากำชับให้กรมขุนสุพรรณฯ ออกไปเรียนวิชา ณ ประเทศอังกฤษ ความที่ทรงหวังในเวลานั้นจะโปรดเกล้าฯ ให้กรมขุนสุพรรณฯ เป็นควีนวิคตอเรีย สมเด็จวังบูรพาเป็นปริ๊นซ์อารเบิด เวลานั้นได้จัดผู้ที่จะตามเสด็จไปประเทศยุโรปไว้แล้ว...เวลานั้นจะมีอุปสรรคใดเกิดขึ้นจึงได้ระงับเหตุดังกล่าวนี้ ในไม่กี่เดือนก็ได้รับทราบเกล้าฯ ว่าสมเด็จพระพันวัสสามาตุจฉาเจ้าทรงพระครรภ์ ในไม่ช้าก็ประสูติ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ พระราชดำริที่กล่าวนี้จึงเป็นอันระงับไป...”

จากบันทึกของเจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี ซึ่งได้บันทึกไว้ในภายหลังนั้นเป็นที่ประจักษ์ว่า หากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ไม่ทรงมีพระราชโอรสพระองค์ใหญ่ คือ สมเด็จเจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศแล้ว พระองค์คงจะมีพระราชประสงค์จะทรงแต่งตั้ง พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าหญิงศรีวิไลยลักษณ์ สุนทรศักดิ์กัลยาวดี เป็นองค์รัชทายาทสืบสันตติวงศ์เช่นเดียวกันกับธรรมเนียมราชประเพณีในราชวงศ์อังกฤษ แต่เมื่อมีพระราชโอรสแล้วพระราชดำรินั้นก็เป็นอันยุติลง แต่จะอย่างไรก็ตามพระองค์ก็ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ สถาปนาพระอิสริยยศ พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าหญิงศรีวิไลยลักษณ์ สุนทรศักดิ์กัลยาวดี ขึ้นทรงกรมเป็น “กรมขุนสุพรรณภาควดี” ในขณะที่เสด็จพระองค์ใหญ่ หรือ “เจ้าหนู” ของสมเด็จพระบรมราชชนกมีพระชันษาได้ 35 พรรษา

พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าหญิงศรีวิไลยลักษณ์ สุนทรศักดิ์กัลยาวดี กรมขุนสุพรรณภาควดี น่าจะมีโอกาสได้รับใช้เบื้องพระยุคลบาทสนองพระเดชพระคุณในสมเด็จพระบรมราชนกนาถ ในกิจการงานเมืองต่างๆ ได้มาก เพราะพระองค์เป็นพระราชธิดาที่ประสูติมาตั้งแต่พระราชบิดายังไม่ได้เสวยราชย์ ทรงเป็นพระราชธิดาที่ใกล้ชิดสนิทเสน่หา และไว้วางพระราชหฤทัยอย่างที่สุด แต่พระองค์กลับมาสิ้นพระชนม์ตั้งแต่พระชนมายุยังน้อยในภายหลัง เมื่อทรงได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ สถาปนาพระอิสริยยศเป็นกรมขุนสุพรรณภาควดีได้เพียง 2 ปี

การสิ้นพระชนม์ของ พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าหญิงศรีวิไลยลักษณ์ สุนทรศักดิ์กัลยาวดี กรมขุนสุพรรณภาควดี เมื่อมีพระชันษา 37 พรรษา ได้นำความหม่นหมอง ทุกข์ท้นมาสู่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์ ตลอดจนพระมารดา และเครือญาติในตระกูลบุนนาคอย่างใหญ่หลวง

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เชิญพระศพของเสด็จพระองค์หญิงใหญ่ โดยทางกระบวนรถไฟไปพระราชทานเพลิง ณ วัดนิเวศธรรมประวัติ เป็นงานใหญ่ที่บางปะอิน หลังจากตั้งพระโกศบำเพ็ญพระราชกุศลตามธรรมเนียมราชประเพณีแล้ว ในการพระราชทานพระศพ “เสด็จพระองค์หญิงใหญ่” ที่บางปะอินนี้ บรรดาพระบรมวงศานุวงศ์ และข้าราชการขุนนางทุกหมู่เหล่าต่างก็ตามเสด็จไปในการพระราชทานเพลิงครั้งนี้อย่างล้นหลาม

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระภูษาขาวในการพระราชทานเพลิงพระราชธิดาองค์โปรด พร้อมกับรับสั่งว่า “ลูกคนนี้รักมาก เป็นลูกคู่ทุกข์คู่ยาก ต้องนุ่งขาวให้”

และแล้วบรรดาผู้คนที่ได้ไปร่วมในงานพระเมรุในครั้งนั้นก็ได้เห็น พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกันแสงหลั่งน้ำพระเนตรแสดงความอาลัยรักพระราชธิดาพระองค์ใหญ่นี้อย่างท่วมท้น บรรยากาศอันโศกสลดนั้นยังคงอยู่ในความทรงจำของผู้คนต่อมาอย่างยากจะลืมเลือน

พระองค์เจ้าหญิงศรีวิไลยลักษณ์ สุนทรศักดิ์กัลยาวดี

 

ข่าวล่าสุด

“วราวุธ” ไหว้อนุสาวรีย์นายบรรหาร ก่อนไปสมัคร ภท.พรุ่งนี้