posttoday

เสื้อแดงเลือดเข่าตา ปิดย่านธุรกิจแลกหมัดรัฐบาล

05 เมษายน 2553

8...ทีมข่าวการเมือง

งวดเข้ามาทุกที... กับการเร่ง ปิดเกมของกลุ่มเสื้อแดง แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ตามที่เคยประกาศเป้าหมายขีดเส้นตายไว้ก่อน สงกรานต์

จึงไม่น่าแปลกใจกับการชุมนุมใหญ่รอบนี้ ที่ ยกระดับพุ่งเป้าเจาะไปยัง เส้นเลือดใหญ่ภาคธุรกิจกลางกรุง ย่านราชประสงค์ ซึ่งคับคั่งไปด้วยศูนย์การค้ายักษ์ใหญ่

ด้วย ตัวเลขมูลค่าความเสียหายเบื้องต้น วันละ 200300 ล้านบาท ที่ภาคธุรกิจต้องสูญเสียโอกาสกับการปิดห้าง ระหว่างวันหยุดสุดสัปดาห์ ในช่วงต้นเดือน

เมื่อรวมกับภาพ สัญลักษณ์ความเป็นย่านธุรกิจสำคัญ พื้นที่ท่องเที่ยวของนักช็อปต่างชาติ ยิ่งกลายเป็นปัจจัยทำให้ข่าวนี้แพร่กระจายไปสู่เวทีโลกและย้อนกลับมากดดันรัฐบาลมากยิ่งขึ้น

การเคลื่อนไหว ปักหลักปิดราชประสงค์แบบไม่มีกำหนดหนนี้ จึงถือเป็นอีกก้าวสำคัญตามแผนยกระดับการชุมนุม ชนิดที่ เสื้อแดงยอมเปิดหน้า แลกหมัดกับรัฐบาลแบบใครดีใครอยู่ ยิ่งในบรรยากาศที่เปราะบางต่อความรุนแรง

ต้องยอมรับว่า เสื้อแดงกับรูปแบบการเคลื่อนไหวเดิมๆ ตลอด 20 กว่าวันที่ผ่านมา แทบไม่สามารถสร้างแรง กดดันเขย่า รัฐบาลที่คอยแต่ตั้งรับ ด้วยการควบคุมไม่ให้เกิดความรุนแรงหรือความพยายามสร้างสถานการณ์

ยุทธวิธีการเคลื่อนไหวที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็น ดาวฤกษ์ ดาวกระจาย เจาะเลือด สาดเลือด ยังเป็นเพียงแค่การเลี้ยงกระแสมวลชนไม่ให้สูญหายไประหว่างการปักหลักชุมนุมยืดเยื้อ

ขณะที่ประเด็นข้อเรียกร้องอย่างการ ยุบสภาภายใน 15 วัน กลับดูไร้วี่แวว โดยเฉพาะหลังการเจรจาระหว่างเสื้อแดงและรัฐบาล ใน 2 รอบที่ผ่านมา ที่เสื้อแดงเพลี่ยงพล้ำแบบไม่มีทางลง

ถึงขั้นปิดประตูการเจรจารอบ 3 เดินหน้ากดดันรัฐบาลยุบสภาเต็มสูบ แบบไม่สนใจต่อรอง ข้อเสนอโรดแม็ป 9 เดือน หรือสูตร 36 เดือนที่มีหลายฝ่ายเสนอทางเลือกออกมา ยังทำให้เสื้อแดงต้องโดดเดี่ยวต่อสู้ตามลำพัง

ขณะที่ รัฐบาลนอกจากจะลอยตัวประคองสถานการณ์ให้เสื้อแดงแผ่วกำลังไปเองแล้ว อีกด้านหนึ่งยังดึงการมีส่วนร่วมจากภาคอื่นๆ โดยเฉพาะภาคธุรกิจ มาเป็นแนวร่วม ลดการปะทะระหว่างเสื้อแดงกับรัฐบาลโดยตรง

ดังนั้น การเคลื่อนไหวของเสื้อแดงเที่ยวนี้ กับการพุ่งเป้าไปยัง ภาคธุรกิจจึงได้ประโยชน์ทั้งการสร้างแรงกดดันทางเศรษฐกิจและตอบโต้ภาคธุรกิจที่ออกมาเป็นแนวร่วมรัฐบาล

ย้อนไปดูการเคลื่อนไหวที่ผ่านมา เสื้อแดงทั้งการเคลื่อนขบวนไปกดดันที่กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ บ้านนายกรัฐมนตรี หรือเคลื่อนไหวแบบดาวกระจายไปทั่วกรุงเทพฯ ไม่สามารถสร้างแรงกดดันได้มากพอจะสั่นคลอนรัฐบาล

ทว่าการปักหลักชุมนุมย่านราชประสงค์เที่ยวนี้ จะทำให้ภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบแบบไม่รู้ชะตากรรมว่าจะต้องตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้อีกนานแค่ไหน ออกมากดดันให้รัฐบาลต้องเร่งแก้ปัญหาไม่ให้มูลค่าความเสียหายเพิ่มขึ้นทุกวันๆ

รัฐบาลเองยิ่งไม่อาจจะยื้อเวลา คอยดูสถานการณ์ได้อีกต่อไป ดังจะเห็นจากสัญญาณ เอาจริงของศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) กดดันให้กลุ่มผู้ชุมนุมถอนการชุมนุม

ตั้งแต่ท่าทีของนายกฯ อภิสิทธิ์ ที่ออกแถลงการณ์พิเศษ ชี้แจงว่าการชุมนุมนี้ละเมิดสิทธิผู้อื่นและผิดกฎหมาย จน ศอ.รส.ต้องออกประกาศให้ผู้ชุมนุมออกจากพื้นที่ ส่งเจ้าหน้าที่ระดับสูงไปเจรจา

และเป็นครั้งแรกของ ศอ.รส. ที่จะยื่นเรื่องขออำนาจศาลในวันนี้เพื่อบังคับให้กลุ่มผู้ชุมนุมออกนอกพื้นที่ รวมถึงดำเนินคดีกับแกนนำหากยังไม่ยอมถอนการชุมนุมในบริเวณดังกล่าว

สัญญาณอันตรายที่ต้องจับตาหลังจากนี้ ความรุนแรงที่อาจจะเกิดจากการปะทะระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐที่ต้องดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายหลังมีคำสั่งศาล หากกลุ่มเสื้อแดงยังยืนยันชุมนุมต่อ

โดยเฉพาะท่าทีของแกนนำเสื้อแดง ที่ประกาศไม่วิตกกังวลกับการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ เพราะหากมีการดำเนินคดีต้องใช้ระยะเวลาเป็นปี โดยเทียบเคียงจากคดีพันธมิตรฯ บุกยึดสนามบิน ที่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการดำเนินคดีเอาผิดกับใคร แถมยังจะนัดหารือเพื่อเพิ่มจุดชุมนุมเพิ่มเติมอีก

ตรงนี้จึงเป็นอีกช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญของทั้งสองฝั่ง เมื่อแน่นอนว่าด้วยหลัก สันติ อหิงสา ที่กลุ่มผู้ชุมนุมอ้างมาโดยตลอดนั้น อาจไม่สามารถกดดันรัฐบาลได้เท่ากับความรุนแรงที่จะเกิดขึ้นจากการยั่วยุ หรือความพยายามทำให้เกิดเงื่อนไขการปะทะ

ไม่ว่าจะเป็นความรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นกับกลุ่มผู้ชุมนุมกับเจ้าหน้าที่รัฐ หรือกลุ่มผู้ชุมนุมกับประชาชนทั่วไปที่ไม่พอใจการปิดล้อมพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งหากเกิดความรุนแรงขึ้นมาก็เป็นเรื่องที่รัฐบาลไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบได้

ทว่า ประเมินจากฝั่งเสื้อแดงเอง การยึดพื้นที่ราชประสงค์ปักหลักชุมนุมยืดเยื้อเที่ยวนี้ ประเมินแล้ว แม้จะสามารถสร้างแรงกดดันจนรัฐบาลต้องออกอาการ แต่ทว่าอีกด้านย่อมต้องแบกรับแรงเสียดทานจากคน กทม. และภาคธุรกิจด้วย

แต่สำหรับเสื้อแดง ที่ไม่มีอะไรจะเสียไปมากกว่านี้กับการกระทบกระทั่งระหว่างกลุ่มผู้ชุมนุมกับชาว กทม. ที่ออกมาต่อต้านหลายกลุ่ม แต่สำหรับเสื้อแดง เมื่อคนกลุ่มนี้ไม่ใช่ แนวร่วมอยู่แล้ว การจะมีโจทก์เพิ่มอีกกลุ่มสองกลุ่มก็ไม่ทำให้สถานการณ์แย่ลง

ตรงกันข้ามหากแกนนำเสื้อแดงยังคงยึด ยุทธวิธีเดิมๆ ที่ทำมา นับวันก็มีแต่จะเสียแนวร่วมไปทีละน้อย ต่างจากการเคลื่อนไหวที่ยกระดับความเข้มข้นที่จะทำให้มวลชนเสื้อแดงยังเหนียวแน่นต่อไปอีกระยะ

คำนวณแล้วอย่างไรเสีย การเคลื่อนไหวกดดันพุ่งเป้าไปยังภาคธุรกิจของเสื้อแดงเที่ยวนี้ ย่อมเป็นคุณกับเสื้อแดง สำหรับกับการเดินไปสู่เป้าหมายกดดันรัฐบาลให้ยุบสภา แม้จะมี ผลเสียที่ต้องยอมรับอยู่บ้างก็ตาม

ยังไม่รวมกับก้าวต่อไปของกลุ่มเสื้อแดงที่เตรียมเคลื่อนไหวในพื้นที่อื่นเพิ่มเติม ซึ่งประเมินว่าจะเป็นพื้นที่เศรษฐกิจใกล้เคียงไม่ว่า สีลม สาทร สุขุมวิท ส่วนเสื้อแดงจะเดินหน้าไปสู่เป้าหมายสุดท้ายได้อย่างที่ตั้งใจหรือไม่ ยังเป็นเกมที่รัฐบาลกับเสื้อแดง คงต้องประลองกำลังกันอีกหลายยก

ข่าวล่าสุด

LIVE ถ่ายทอดสด นิวคาสเซิ่ล พบ เชลซี พรีเมียร์ลีก วันนี้ 20 ธ.ค.68