จำนำข้าวร้าวฉาน"คลัง-พาณิชย์" ประสานงา
โครงการรับจำนำข้าวตันละ 1.5 หมื่นบาท รอบสองของรัฐบาล เริ่มออกอาการเป๋ไปเป๋มาให้เห็น
โดย...เกียรติศักดิ์ ผิวเกลี้ยง
โครงการรับจำนำข้าวตันละ 1.5 หมื่นบาท รอบสองของรัฐบาล เริ่มออกอาการเป๋ไปเป๋มาให้เห็น ไม่ราบรื่นสดใสเหมือนรอบแรกที่ใช้เงินไปถึง 3.5 แสนล้านบาท ในการรับจำนำข้าว 18 ล้านตัน
ตั้งแต่เริ่มโครงการรับจำนำข้าวรอบสอง กระทรวงพาณิชย์เสนอวงเงินกู้รับจำนำรอบใหม่ถึง 4.05 แสนล้านบาท เพื่อรับจำนำข้าว 26 ล้านตัน แบ่งเป็นข้าวนาปี 2555/2556 จำนวน 15 ล้านตัน วงเงิน 2.4 แสนล้านบาท และเป็นข้าวนาปรัง 11 ล้านตัน 1.65 แสนล้านบาท ให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบ
แต่ปรากฏว่า ครม.ต้องเบรกเงินกู้จำนำข้าวก้อนโตดังกล่าว เพราะหลายหน่วยงาน ทั้งสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และกระทรวงการคลังท้วงติงว่า การรับจำนำข้าวใช้เงินกู้มากเกินไป จะทำให้หนี้สาธารณะของประเทศเพิ่มขึ้นจนมีปัญหาทางการคลังตามมา เพราะหากปล่อยให้กู้อีกรอบสองตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอมา จะทำให้เงินกู้ที่ใช้รับจำนำข้าวสูงถึง 78 แสนล้านบาท เกือบครึ่งหนึ่งของงบประมาณรายจ่ายของประเทศ
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลตีกรรเชียงถอย โดยที่ให้ ครม.อนุมัติกรอบวงเงินกู้ 1.5 แสนล้านบาท เพื่อใช้รับจำนำข้าวนาปีที่ผลผลิตออกก่อน ส่วนเงินที่ขาดอยู่ 7 หมื่นล้านบาท ให้กระทรวงพาณิชย์เร่งระบายข้าวเพื่อนำเงินมารับจำนำรอบใหม่
ส่วนการรับจำนำข้าวนาปรังรอบใหม่อีก 11 ล้านตัน ที่ต้องใช้เงินประมาณ 1.65 แสนล้านบาท รัฐบาลกักไว้ก่อน เพื่อสอยเงินกู้การจำนำข้าวรอบใหม่ให้น้อย ไม่เป็นเป้าโจมตีจากฝ่ายค้านและนักวิชาการ
การแก้ผ้าเอาหน้ารอดของรัฐบาล ทำให้มติ ครม. กู้เงินรับจำนำข้าวรอบใหม่เป็นแค่ลมปาก ไม่สามารถปฏิบัติให้สอดคล้องกับสภาพที่เกิดขึ้นจริงได้
เพราะการรับจำนำข้าวนาปีรอบใหม่ของรัฐบาลมีการรับจำนำข้าวไปแล้ว 7.85 ล้านตัน เป็นเงิน 1.13 แสนล้านบาท ใช้เงินกู้ไป 5 หมื่นล้านบาท เป็นเงินที่กระทรวงพาณิชย์จ่ายคืนมา 2 หมื่นล้านบาท ส่วนที่เหลือเป็นการใช้เงินสภาพคล่องของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ไปก่อน ในระหว่างรอเงินกู้จากกระทรวงการคลังเข้ามาสมทบ
จะเห็นว่าการใช้เงินกู้รอบใหม่ใกล้เต็มเพดาน 1.5 แสนล้านบาท ขณะที่เงินขายข้าวคืนจากกระทรวงพาณิชย์ไม่มีความคืบหน้าที่จะมีล็อตใหม่เข้ามาเพิ่ม ซึ่งจะส่งผลทำให้เงินการรับจำนำข้าวล็อตใหม่ชอร์ตได้ ทำให้ทั้งกระทรวงการคลังและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ออกมากดดันให้กระทรวงพาณิชย์เร่งระบายข้าวเพื่อนำเงินมารับจำนำรอบใหม่
เพราะก่อนหน้านี้ กระทรวงพาณิชย์ขายข้าวใช้เงินคืนให้ ธ.ก.ส. ที่ใช้สภาพคล่องของธนาคาร 9 หมื่นล้านบาท รับจำนำข้าวรอบแรกไปก่อนเพียง 4 หมื่นล้านบาทเท่านั้น โดยเงินที่ได้มาก่อนใช้ไปรับจำนำข้าวนาปรังพิเศษของรอบแรกไปแล้ว 2 หมื่นล้านบาท ทำให้เงินเหลือใช้รับจำนำข้าวนาปีรอบใหม่แค่ 2 หมื่นล้านบาท
ส่วนสภาพคล่องที่เหลืออีกประมาณ 5 หมื่นล้านบาท ที่ ธ.ก.ส. ออกไปให้ก่อน ทางกระทรวงพาณิชย์เคยสัญญาว่าจะใช้คืนตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา แต่มาถึงต้นปีนี้ก็ยังไม่เห็นวี่แววจะมาเมื่อไหร่ ทำให้กระทรวงการคลังในและ ธ.ก.ส. ในฐานะที่ต้องรับหน้าเสื่อกู้เงิน และสำรองสภาพคล่องใช้ในการรับจำนำข้าวจึงนั่งไม่ติด
ส่งผลให้ บุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ ถึงกับลมออกหูออกมาล้งเล้งใส่กระทรวงการคลังทันทีว่า อย่ามาจุ้นเรื่องระบายข้าว มีหน้าที่กู้เงินก็กู้ให้ครบ แถมยังสวนหมัดทวงเงินกู้ล็อตแรก 2.69 หมื่นล้านบาท ที่ใช้จำนำข้าวรอบแรกที่ยังกู้ไม่ครบขาดไปอีก 4.9 หมื่นล้านบาท ทำให้การรับจำนำข้าวรอบใหม่สะดุดมีปัญหาอย่างที่เห็นอยู่
การออกมาแลกหมัดกันระหว่างผู้บริหารกระทรวงการคลังกับผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ เหมือนเป็นการเปิดข้อมูลเน่าที่ซุกไว้อยู่ใต้พรมให้สาธารณชนได้เห็นว่า โครงการรับจำนำข้าวทำให้ประเทศถังแตกสร้างหนี้ก้อนโต จนข้าราชการที่เป็นผู้ปฏิบัติต้องกุมขมับ
ขณะที่การระบายข้าวไม่ออกที่ไปรับจำนำข้าวสูงกว่าราคาตลาดเท่าตัว และการระบายข้าวมีการทุจริตของนักการเมืองร่วมกับนายทุน ทำให้การระบายข้าวหยุดชะงักข้าวค้างโกดังเป็นจำนวนมาก
ยิ่งมีข้าวแพลมออกมาว่า กระทรวงการคลังจะเสนอขอ ครม.กู้เงินเพิ่มอีก 7 หมื่นล้านบาท เพื่อมาใช้โครงการรับจำนำข้าวนาปีรอบใหม่ ยิ่งเป็นการฟ้องชัดว่าการระบายข้าวของกระทรวงพาณิชย์มีปัญหาไปไม่รอด
เรื่องการกู้เงินมาโปะเพิ่มก็เป็นอีกหนึ่งประเด็นที่เป็นเกาเหลาของกระทรวงการคลังกับกระทรวงพาณิชย์ เมื่อ กิตติรัตน์ ณ ระนอง เจ้ากระทรวงการคลัง ออกมายืนยันว่า จะไม่มีการกู้เงินเพิ่มเติมเพื่อมารับจำนำข้าว เพราะจะใช้เงินจากการระบายข้าวจากกระทรวงพาณิชย์ ทำให้การรับจำนำข้าวรอบใหม่อลเวง ไม่รู้จะหาเงินที่ไหนมาโปะ เงินระบายข้าวก็ไม่มี เงินกู้เพิ่มก็มีปัญหาถูกเบรก
ปัญหาจึงตกหนักที่ ธ.ก.ส. ที่ต้องใช้สภาพคล่องของธนาคารโปะโครงการรับจำนำก้อนโตจนหลังแอ่น
ที่ผ่านมาใช้สภาพคล่องของธนาคารไปแล้ว 9 หมื่นล้านบาท ได้คืนมาก็ใช้กลับไปรับจำนำทั้งรอบพิเศษและรอบใหม่จนหมดแล้ว และตอนนี้ยังต้องมาแบกเพิ่มจากเงินขายคืนข้าวรอบแรกไม่มาตามนัด และเงินกู้รอบใหม่ถูกเบรก ทำควักเนื้ออุ้มโครงการรับจำนำเพิ่มจนไม่มีเงินปล่อยกู้สินเชื่อปกติ
วิกฤตโครงการรับจำนำข้าวที่เริ่มผุดให้เห็นเป็นไปตามที่นักวิชาการหลายคนท้วงติงก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็นจะสร้างหนี้ก้อนโตจำนวนมหาศาลให้กลับประเทศ จนเป็นปัญหาการคลัง ซึ่งข้อเท็จจริงก็ปรากฏให้เห็นว่า ทั้งคลังและ ธ.ก.ส. หลังแอ่นทั้งคู่ในการแบกเงินกู้โครงการรับจำนำข้าว
รวมเงินกู้ถึงขณะนี้เป็นภาระดอกเบี้ยปีละ 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งสุดท้ายหนีไม่พ้นนำเงินภาษีไปโปะใช้คืน
ปัญหาโครงการรับจำนำข้าวรอบแรกจะเสียหายไม่ต่ำกว่าปีละ 1 แสนล้านบาท ซึ่งก็ไม่ได้เป็นการประเมินที่เกินเลย เพราะ ทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รมช.คลัง ก็ออกมายอมรับว่าการจำนำข้าวจะขาดทุนปีละ 7 หมื่นล้านบาท ซึ่งความเสียหายดังกล่าวคำนวณแค่ขายได้ราคาต่ำกว่าที่รับจำนำเท่านั้น ยังไม่รวมต้นทุนค่าบริหารจัดการอีกปีละ 3 หมื่นล้านบาท
เฉพาะดอกเบี้ยเงินกู้อีกปีละไม่น้อยกว่า 1 หมื่นล้านบาท
ปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน ซึ่งสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ทำวิจัยออกมาว่า โครงการรับจำนำข้าวจะเสียหายปีละไม่ต่ำกว่า 1 แสนล้านบาท ในจำนวนนี้มีแค่ 17% หรือ 1.7 หมื่นล้านบาท เท่านั้นที่ตกอยู่ในมือชาวนาที่ยากจน ส่วนที่เหลือ 83% หรือ 8.3 หมื่นล้านบาท ตกอยู่ในมือชาวนาที่มีฐานะ นักการเมือง พ่อค้า นายทุน และเจ้าของโรงสี
และที่ผ่านมาฝ่ายค้านยังได้อภิปรายความไม่ชอบมาพากลของการระบายข้าวของรัฐบาล ที่บอกว่าเป็นการขายแบบจีทูจี แต่หลักหลักฐานปรากฏว่ารัฐบาลไทยขายข้าวให้เอกชน และมีคนใกล้ชิดนักการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้องการซื้อขาย ซึ่งเรื่องดังกล่าวคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้รับเรื่องจากฝ่ายค้านว่าตรวจสอบเอาผิดแล้ว
นอกจากยังมีปัญหาข้าวไทยเสียแชมป์การส่งออก เพราะราคาข้าวไทยสูง ทำให้ผู้ค้าหนีไปซื้อข้าวจากอินเดียและเวียดนาม ส่งผลให้ทั้งสองประเทศแซงไทยขึ้นไปอยู่อันดับหนึ่งและสอง ขณะที่ไทยถูกเขี่ยจากอันดับหนึ่งมาอยู่อันดับสาม ขายข้าวไม่ออกกองอยู่ในโกดังที่ยิ่งวันยิ่งเสื่อมสภาพ ทำให้เข้าเนื้อขาดทุนมากขึ้นทุกวัน
ก่อนหน้านี้ เสียงค้านของนักวิชาการถูกรัฐบาลมองข้ามเพราะความเสียหายยังไม่ปรากฏ แต่วันนี้น้ำลดต่อผุด ขยะที่ซุกไว้ไต้พรมส่งกลิ่น กลบไม่มิด ทำให้รัฐบาลชิ่งไม่ออกนั่งไม่ติด
แม้แต่กระทรวงการคลังที่เป็นผู้หาเงินมารับจำนำข้าว กับกระทรวงพาณิชย์ที่เป็นผู้รับจำนำและระบายข้าวยังแตกคอกันอย่างหนัก เป็นปมร้าวที่แสดงให้เห็นว่าวิกฤตโครงการรับจำข้าวเริ่มปะทุขึ้นแล้ว
นี่แค่รอบใหม่ผ่านมายังไม่ได้ครึ่งทาง หน่วยงานของรัฐเกี่ยงกันหาเงินกันมาโปะโครงการจนมองหน้ากันไม่ติดขนาดนี้ ยังมีการรับจำนำข้าวนาปรังรอบใหม่ ที่ประเมินว่าชาวนาจะระดมปลูกกันเพื่อมาจำนำกับรัฐบาลพุ่งขึ้นถึง 2 แสนล้านบาท จะส่งผลให้ปมร้าวทั้งกระทรวงการคลังและกระทรวงพาณิชย์รุนแรงมากขึ้นกว่านี้
ขณะที่รัฐบาลจนมุมอับหาทางแก้ไม่ออก ได้แต่นอนจมอยู่บนกองหนี้ก้อนโตและกองข้าวกองใหญ่ที่ขายไม่ออก