posttoday

ร้องหามาตรฐานเป่าเมาไม่ขับ

22 ธันวาคม 2555

หากผู้ที่เคยถูกจับด้วยเครื่องมือนี้สามารถพิสูจน์ได้ว่าถูกตรวจโดยเครื่องมือที่บกพร่องก็สามารถต่อสู้คดีได้

โดย-ทีมข่าวในประเทศ

เทศกาลวันหยุดปีใหม่งวดเข้ามาทุกทีบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลองกำลังคุกรุ่นไปทุกอณู และแน่นอนว่าช่วงเวลาแบบนี้ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะเป็นองค์ประกอบหลักที่พบเห็นได้ทั่วไปตามงานเลี้ยงต่างๆจุดสิ้นสุดตอนท้ายของมันคือความมึนเมา...

ทุกช่วงเทศกาลสำคัญ จึงเห็นภาพการกวดขันการตรวจวัดแอลกอฮอล์ขนานใหญ่เพื่อป้องกันการเมาแล้วขับซึ่งเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุและการสูญเสียชีวิต

เป็นที่ทราบโดยทั่วกันว่าใครเมาแล้วขับ มีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดเกิน 50 มิลลิกรัม กฎหมายเขียนชัดเจนว่าต้องได้รับการลงโทษ

อย่างไรก็ตาม เร็วๆ นี้ข้อมูลจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กลับพบว่า เครื่องวัดแอลกอฮอล์ในเลือดโดยวิธีเป่าลมหายใจที่หน่วยงานต่างๆ ส่งมาให้สอบเทียบจำนวน 2,558 เครื่องพบว่า มีเครื่องอ่านค่าตรงตามเกณฑ์มาตรฐานจำนวน 1,338 เครื่องคิดเป็น 52.3%

แต่เครื่องอ่านค่าเกินเกณฑ์มาตรฐานกำหนดและต้องทำการปรับค่าใหม่ มี 1,086 เครื่อง 42.5% และเครื่องที่ชำรุด จำนวน 134 เครื่องคิดเป็น 5.2% โดยส่วนใหญ่เครื่องที่ชำรุดมีสาเหตุมาจากหัววัดเสื่อมสภาพการขาดการดูแลและการบำรุงรักษา

นพ.นิพนธ์ โพธิ์พัฒนชัย อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า จากข้อมูลดังกล่าวเห็นได้ว่าเครื่องวัดแอลกอฮอล์ฯ ที่อ่านค่าเกินเกณฑ์มาตรฐานกำหนด และต้องทำการปรับค่าใหม่มีจำนวนสูงมาก เมื่อเทียบกับจำนวนของเครื่องทั้งหมดหากเจ้าหน้าที่ยังคงนำไปใช้งานก็จะส่งผลกับปริมาณแอลกอฮอล์ที่เครื่องวัดได้

คำถามที่ตามมาคือ ประชาชนจะมั่นใจได้อย่างไรว่าเครื่องวัดแอลกอฮอล์ที่เจ้าหน้าที่นำมาใช้งาน และเป็นหลักฐานการจับกุมนั้น มีความเที่ยงตรงถูกต้อง?

จะมั่นใจได้อย่างไรว่าผู้ที่ดื่มเพียงเล็กน้อย มีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดไม่เกิน 50 มิลลิกรัม จะไม่ถูกความผิดเพี้ยนของเครื่องมือบิดเบือนให้กลายเป็นคนผิดกฎหมาย ต้องรับโทษอาญาทั้งที่ผู้บริสุทธิ์?

เจษฎ์ โทณะวณิก คณบดีบัณฑิตวิทยาลัย สาขานิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสยาม กล่าวว่า แม้กฎหมายจะระบุว่าให้มีเครื่องมือเพื่อตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ในเลือด แต่หากเครื่องมือมีความคลาดเคลื่อนไม่มีศักยภาพเชิงประจักษ์เพียงพอต่อการใช้เป็นมความผิดก็เท่ากับกฎหมายไม่เป็นธรรม

"กฎหมายสั่งให้มีเครื่องมือแต่เครื่องมือใช้ไม่ได้ นั่นก็เท่ากับกฎหมายข้อนี้ใช้ไม่ได้ มันไม่เป็นธรรม" เจษฎ์ กล่าว

ร้องหามาตรฐานเป่าเมาไม่ขับ

เจษฎ์ ชี้ว่า ความบกพร่องของเครื่องมือเป็นเรื่องใหญ่มากนั่นเพราะหากประชาชนอ้างว่าเครื่องมือไม่ดีหากยอมให้ตรวจก็จะเข้าข่ายเมาแน่นอนจึงไม่ยอมให้ตรวจ ขณะที่เจ้าหน้าที่ก็บังคับจะตรวจให้ได้ แน่นอนว่าจะเข้าข่ายใช้อำนาจโดยมิชอบ ในทางกลับกันหากคนเมาจริงแล้วไม่ยอมให้ตรวจโดยอ้างเหตุผลเดียวกัน ปัญหาก็จะเกิดขึ้นอีก

"หากผู้ที่เคยถูกจับด้วยเครื่องมือนี้สามารถพิสูจน์ได้ว่าถูกตรวจโดยเครื่องมือที่บกพร่องก็สามารถต่อสู้คดีได้ แต่คิดว่าเป็นเรื่องยากในการพิสูจน์"เจษฎ์ กล่าว

นักวิชาการด้านกฎหมายผู้นี้ แนะแนวทางการแก้ไขเพื่อสร้างความเป็นธรรมว่า 1.สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.)ต้องตรวจสอบมาตรฐานเครื่องมือใหม่ทั้งประเทศ 2.หากพบเครื่องไหนเสียก็ต้องแก้ไข3.ต้องกำหนดเกณฑ์อื่นๆมากกว่าจะใช้เครื่องมือดังกล่าวชี้วัด เช่น อาจสังเกตจากพฤติกรรมการขับรถและกลิ่นแอลกอฮอล์ หากพบก็แจ้งข้อหาขับรถเป็นอันตรายในภาวะไม่สมบูรณ์พร้อมแทนเมาแล้วขับ

อย่างไรก็ตาม ในมุมของตำรวจผู้บังคับใช้กฎหมายแล้ว ยังคงยืนยันในมาตรฐานเครื่องตรวจเครื่องวัดของหน่วยงาน

พล.ต.ต.วรศักดิ์ นพสิทธิพร รอง ผบช.น.รับผิดชอบงานด้านจราจร กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวที่มีการตรวจสอบอาจจะไม่จริงก็ได้เพราะเครื่องตรวจวัดแอลกอฮอล์ของตำรวจมีมาตรฐานอยู่แล้ว มีการตรวจสอบทุกๆ 3-6 เดือนอยู่เป็นประจำ หากตรวจสอบแล้วค่าวัดไม่ได้ตามที่กำหนดก็จะปรับเปลี่ยนใหม่ และโดยส่วนตัวยังไม่เห็นรายงานของกรมวิทยาศาสตร์ฯ

"ส่วนที่ว่าจะมีการเรียกเก็บเครื่องตรวจวัดแอลกอฮอล์ทั้งหมดมาตรวจสอบหรือไม่นั้นขอบอกว่าคงไม่เก็บมา เพราะผมเชื่อมาตรฐานของตำรวจอยู่แล้ว" พล.ต.ต.วรศักดิ์ กล่าว

ร้องหามาตรฐานเป่าเมาไม่ขับ

ด้าน นพ.แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ ตั้งข้อสังเกตว่า ประเด็นเรื่องความเที่ยงตรงของเครื่องวัดปริมาณแอลกอฮอล์อาจเป็นข้ออ้างให้มีคนปฏิเสธไม่ยอมเป่าเมื่อถูกเรียกตรวจ

ขณะเดียวกัน ในส่วนของผู้ที่ดื่มมาในปริมาณเล็กน้อยและไม่เมา หากวัดปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดเกิน 50 มิลลิกรัม และไม่มั่นใจว่าเครื่องมือดังกล่าวมีความเที่ยงตรงหรือไม่ สามารถรักษาสิทธิของตัวเองด้วยการขอเป่าซ้ำอีกเครื่องหนึ่งแทนหรืออาจขอให้มีการเจาะเลือดเพื่อตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ก็ได้

"การขอเป่าซ้ำเครื่องใหม่หรือขอเจาะเลือด เป็นสิทธิของประชาชนและเจ้าหน้าที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ เพราะโทษของการเมาแล้วขับหนักมาก" นพ.แท้จริง กล่าว

ข่าวล่าสุด

รฟม.มอบของขวัญปีใหม่ ขยายเวลาวิ่งรถไฟฟ้า 4 สายถึงตี 2 ฉลองปี 2569