ขั้วการเมืองในสังคมโลก
ถ้าเอ่ยคำว่า “การเมือง” หลายท่านอาจจะรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไรนัก โดยเฉพาะกับการเมืองในประเทศไทย แต่ถ้าพูดถึงการเมืองในระดับสังคมโลกคงจะเป็นเรื่องที่เราๆ ท่านๆ ไม่สามารถจะเลี่ยงและหยุดเรียนรู้ได้ เพราะสังคมโลกปัจจุบันเป็นสังคมที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการเมืองระดับโลกในแทบทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านสังคม เศรษฐกิจ หรือแม้กระทั่งด้านวัฒนธรรม
ถ้าเอ่ยคำว่า “การเมือง” หลายท่านอาจจะรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไรนัก โดยเฉพาะกับการเมืองในประเทศไทย แต่ถ้าพูดถึงการเมืองในระดับสังคมโลกคงจะเป็นเรื่องที่เราๆ ท่านๆ ไม่สามารถจะเลี่ยงและหยุดเรียนรู้ได้ เพราะสังคมโลกปัจจุบันเป็นสังคมที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการเมืองระดับโลกในแทบทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านสังคม เศรษฐกิจ หรือแม้กระทั่งด้านวัฒนธรรม
การเมืองมีที่มายาวนานย้อนหลังไปถึงยุคของนักปรัชญาการเมืองกรีกโบราณชื่อก้องโลกอย่าง อริสโตเติล ที่ถือได้ว่าเป็นบิดาแห่งการเมืองสำหรับมนุษย์ การเมืองเป็นเรื่องของสิ่งที่มีความเป็นทั้งศาสตร์ (หมายถึงสามารถอธิบายเชิงทฤษฎีได้อย่างเป็นระบบ) และศิลป์ (เป็นเรื่องที่หลายๆ ครั้งไม่สามารถอธิบายได้ด้วยทฤษฎี ต้องอาศัยความสามารถเฉพาะตัวของแต่ละบุคคล) แต่ทั้งหลายทั้งปวงทุกประเทศในโลกต้องอาศัยการบริหารจัดการบ้านเมืองด้วยการเมืองแทบทั้งสิ้น
เรามักจะได้ยินสื่อมวลชนหรือนักวิชาการชอบพูดถึงนักการเมืองขั้วนั้นนักการเมืองขั้วนี้นักการเมืองฝ่ายซ้าย ขวา ซ้ายจัด ขวาจัด ฝ่ายกลาง กลางเอียงไปทางขวา กลางเอียงไปทางซ้าย เป็นต้น โดยที่หลายท่านอาจไม่เข้าใจว่านักการเมืองขั้วต่างๆ หมายถึงอะไร มีความคิดอุดมการณ์ทางการเมืองเป็นแบบไหนและมีลักษณะแตกต่างกันอย่างไร
สำหรับการแบ่งขั้วหรือซีกการเมืองเป็นฝ่ายซ้าย กลาง และขวา ในสังคมโลกเกิดขึ้นมาตั้งแต่สมัยยุคปฏิวัติฝรั่งเศสในช่วงปี 1789 การแบ่งขั้วนักการเมืองในยุคนั้นเกิดขึ้นในการประชุมใหญ่ของบรรดานักการเมืองฝรั่งเศส โดยฝ่ายที่มาจากตระกูลทางสังคมชั้นสูงและมียศถาบรรดาศักดิ์มาตั้งแต่อ้อนแต่ออกหรือเรียกอีกชื่อหนึ่งได้ว่า “พวกอำมาตย์” มักจะนั่งอยู่ทางขวามือของกษัตริย์ฝรั่งเศสในสมัยนั้น ขณะที่บรรดานักการเมืองพวกอื่นๆ ที่ไม่ใช่อำมาตย์มักจะนั่งทางซ้ายของกษัตริย์ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาก็ถือปฏิบัติสืบต่อกันมาอีกหลายร้อยปีในระบบรัฐสภาทั่วทวีปยุโรป
นักการเมืองฝ่ายขวาหมายถึงฝ่ายหัวอนุรักษนิยมที่ยังคงให้ความสำคัญกับระบบเจ้าขุนมูลนายและสถาบันกษัตริย์ ส่วน “ฝ่ายซ้าย” ก็จะหมายถึงนักการเมืองที่มีหัวก้าวหน้าชอบการเปลี่ยนแปลง ไม่ยึดติดอยู่กับประเพณีดั้งเดิมและระบบกษัตริย์ ส่วนพวกที่ถูกจัดให้เป็นขวาจัดหรือซ้ายจัดก็จะหมายถึงนักการเมืองที่มีอุดมการณ์ไปทางด้านใดด้านหนึ่งอย่างสุดโต่งและนิยมความรุนแรง โดยไม่นิยมการประนีประนอม
ถ้าเปรียบเทียบขั้วการเมืองในยุคการเมืองปัจจุบัน พวกฝ่ายซ้ายถึงซ้ายจัด ได้แก่ ประเทศที่มีระบอบการปกครองแบบสังคมนิยม หรือคอมมิวนิสต์ ส่วนพวกฝ่ายขวาถึงขวาจัด ได้แก่ ประเทศที่มีการปกครองแบบประชาธิปไตยที่มีทั้งระบบกษัตริย์และไม่มีกษัตริย์ รวมทั้งพวกอนุรักษนิยมในสหรัฐ ส่วนพวกฟาสซิสต์และพวกนาซีถือว่าเป็นพวกขวาจัดสุดโต่งนิยมความรุนแรง ฝ่ายที่เรียกตนเองว่าเป็นฝ่ายเสรีนิยมถือว่าเป็นพวกที่ถูกจัดอยู่ในกลุ่มกลาง ให้สังเกตว่าฝ่ายใดก็แล้วแต่ที่อยู่ใกล้กลุ่มกลางมักจะนิยมการปกครองโน้มเอียงไปทางระบอบประชาธิปไตย ส่วนฝ่ายสุดโต่งทั้งขวาจัดและซ้ายจัดมักจะมีการปกครองในระบอบอำนาจนิยม หมายถึงอำนาจส่วนใหญ่มักจะอยู่ในมือของผู้นำประเทศและกลุ่มของผู้นำเพียงไม่กี่คน เช่น ในหลายประเทศทั้งในเอเชีย อเมริกากลาง และอีกหลายประเทศในทวีปแอฟริกา
แต่ถ้าถามว่า แล้วการเมืองในไทยปัจจุบันจัดอยู่ในขั้วการเมืองไหน ผู้เขียนก็คงจะต้องตอบว่า การเมืองไทยถ้าพิจารณาตามทฤษฎีที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ก็จะถือว่าเป็นการเมืองฝ่ายกลางเอียงขวา แต่ในทางปฏิบัติแล้วจะพบว่าคนไทยยุคปัจจุบันเริ่มได้รับอิทธิพลจากนักการเมืองที่เข้ามาบริหารประเทศบางกลุ่มให้เอียงไปทางซ้ายมากขึ้นเรื่อยๆ และถ้าประเทศไม่สามารถแก้ปัญหานี้ได้ตก สังคมไทยก็จะยังคงเป็นสังคมที่มีความคิดเห็นทางการเมืองแบ่งแยกออกเป็น 2 ฝ่ายอย่างชัดเจน ได้แก่ ฝ่ายขวาและฝ่ายซ้าย ไปอีกนานแสนนาน โดยฝ่ายขวาก็จะมีกลุ่มสนับสนุนบางกลุ่มที่เป็นขวาจัดที่ยังคงแนวทางแบบประนีประนอม แต่ก็พร้อมใช้ความรุนแรงถ้าจำเป็น และฝ่ายซ้ายก็จะมีกลุ่มสนับสนุนบางกลุ่มที่เป็นซ้ายจัดนิยมความรุนแรงในการแก้ไขปัญหา ไม่สนใจเรื่องการประนีประนอม
บางท่านอาจถามต่อว่า แล้วอนาคตการเมืองไทยมีแนวโน้มจะไปอยู่ในขั้วไหน ผู้เขียนคงจะต้องตอบว่า ขึ้นอยู่กับ 2 ปัจจัย คือ 1) กรณีที่นักการเมืองไทยต้องการประชาธิปไตยแบบ 100% เหมือนในสหรัฐโดยไม่คำนึงถึงความพร้อมของคน ประเพณีดั้งเดิมและรูปแบบวัฒนธรรมไทยที่ยึดมั่นถือมั่นในสถาบันพระมหากษัตริย์และความรักความสามัคคีแบบคนไทย ถ้าเป็นลักษณะนี้ ความแตกแยกจะเกิดขึ้นในสังคมไทยทันที เพราะฝ่ายขวาและขวาจัดบางกลุ่มก็จะออกมาต่อต้านทุกรูปแบบเพื่อให้คงไว้ซึ่งความเป็นไทยที่มีมาแต่ช้านาน และที่สำคัญประชาชนคนไทยส่วนใหญ่ยังคงขาดความรู้ด้านประชาธิปไตย ยังไม่รู้ถึงบทบาทหน้าที่ของตนเองในการปกครองระบอบประชาธิปไตย นอกจากการคำนึงถึงการดำรงชีพให้อยู่รอดไปในแต่ละวัน และส่วนใหญ่ยังคงเป็นเครื่องมือของนักการเมืองกระหายอำนาจเฉพาะกลุ่ม
2) กรณีที่นักการเมืองไทยรู้จักพัฒนาตนเองและเล่นการเมืองโดยยึดประโยชน์และความเจริญของชาติเป็นหลัก และยังคงให้ความสำคัญและความเคารพต่อสถาบันพระมหากษัตริย์เหมือนอย่างที่ปฏิบัติสืบต่อกันมาหลายร้อยปี ลักษณะนี้การเมืองไทยก็จะอยู่ในขั้วกลางขวา เหมือนอย่างที่เคยเป็นมาตั้งแต่อดีต ค่อยๆ ให้ความรู้ด้านการศึกษาและความเป็นไปของระบอบประชาธิปไตยผ่านการมีส่วนร่วมของประชาชนไปเรื่อยๆ เน้นความรัก ความสามัคคี และเอกลักษณ์ความเป็นคนไทย กรณีนี้ไทยก็จะเป็นของคนไทยที่มีความสุขทุกคนเหมือนเดิม


