วางยาฆ่าหมาก่อนบุกงัดเซฟแต่ไม่สำเร็จ

คนร้ายวางยาพิษฆ่าหมาตาย 3 ตัวก่อนบุกงัดเซฟร้านขายวัสดุก่อสร้างกลางเมืองบุรีรัมย์แต่ไม่สำเร็จ

พ.ต.ท.วิศิษฏ์  บัวสง่าวงษ์ รองผู้กำกับการฝ่ายสืบสวนสอบสวน สภ.เมืองบุรีรัมย์  พร้อม ร.ต.ต.ฐกร เสรีวรยศ  ร้อยเวรฯ สภ.เมือง เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดและตำรวจชุดสืบสวนสอบสวน  ได้รุดเข้าตรวจสอบร้าน "ซุ่ยเฮงเส็ง"จำหน่ายวัสดุก่อสร้าง  ตั้งอยู่เลขที่ 32/1-4  ถนนอินจันทร์ณรงค์ ในเขตเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ ซึ่งเป็นตึกแถว 2 ชั้นครึ่งปูนครึ่งไม้ หลังได้รับแจ้งจากนายถาวร  ไกรโกศล  เจ้าของร้านว่าถูกคนร้ายไม่ทราบจำนวนบุกเข้าไปงัดตู้เซฟหวังขโมยทรัพย์สินภายในร้าน

ทั้งยังวางยาสุนัขที่เลี้ยงไว้ตายอีก 3 ตัว เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบก็พบสุนัข 2 ตัวนอนตายอยู่บริเวณลานหน้าโกดังเก็บของ ส่วนอีก 1ตัวนอนตายอยู่บริเวณประตูหลังร้านในสภาพน้ำลายฟูมปากเชื่อว่าน่าจะถูกวางยาพิษชนิดรุนแรงและบริเวณพื้นยังพบเศษชิ้นส่วนหัวไก่ตกอยู่ซึ่งคาดว่าเป็นอาหารที่คนร้ายใช้วางยาให้สุนัขกิน
 
นอกจากนี้ยังพบรองเท้าแตะถูกถอดทิ้งไว้ข้างกำแพง 1 คู่ เจ้าหน้าที่จึงไว้เป็นหลักเพื่อทำการตรวจสอบด้วยและเมื่อเข้าไปตรวจสอบภายในร้านบริเวณชั้นล่างพบตู้เซฟนิรภัยยี่ห้อ"คิงดอม" น้ำหนักประมาณ 70 กิโลกรัมวางอยู่ใกล้กับประตูทางออกหลังร้านในสภาพไขควงยังติดคาอยู่และมีร่องรอยงัดบริเวณฝาปิดอ้าออกเล็กน้อย โดยรอบตู้เซฟยังมีไขควงและค้อนตอกตะปูวางอยู่หลายใกล้กันยังพบรถเข็นของจอดอยู่คาดว่าคนร้ายใช้สำหรับเข็นตู้เซฟจากห้องทำงานมายังจุดดังกล่าวเพื่อลงมืองัดแต่ไม่สำเร็จจึงไม่ได้ทรัพย์สินอะไรไป
 
นายถาวร  เจ้าของร้าน  กล่าวว่า โชคดีที่คนร้ายงัดตู้เซฟไม่สำเร็จจึงไม่ได้ทรัพย์สินอะไรไป แต่ที่น่าสลดใจคือสุนัขที่เลี้ยงไว้ทั้ง 3 ตัวถูกคนร้ายวางยาตายอย่างทรมานจึงอยากให้เจ้าหน้าที่เร่งติดตามจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุมาดำเนินคดีเพื่อรับกรรมที่สิ่งที่ทำโดยเร็วด้วย  เพราะครั้งนี้เป็นครั้งที่สองที่ถูกงัด ครั้งแรกถูกงัดเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา แต่โชคดีที่ไม่ได้ทรัพย์สินมีค่าอะไรไปเพราะได้นำเงินและทรัพย์สินมีค่าไปฝากธนาคารไว้แล้วมีเพียงเครื่องมืออุปกรณ์ที่เก็บไว้สำหรับขายภายในร้านหายไปเท่านั้น แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่สามารถจับคนร้ายได้
 
ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจ  ก็ได้เร่งเก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุพร้อมทั้งจะนำเศษชิ้นส่วนอาหารที่คนร้ายวางยาให้สุนัขกินด้วยเพื่อแกะรอยติดตามจับกุมตัวคนร้ายที่ก่อเหตุมาดำเนินคดีอย่างเร่งด่วนต่อไป ซึ่งเบื้องต้นจากการตรวจสอบที่เกิดเหตุสันนิษฐานว่าคนร้ายน่าจะมาด้วยกัน 1 - 2 คน และน่าจะเป็นคนที่รู้ความเคลื่อนไหวของร้านดังกล่าวเป็นอย่างดีด้วย