มหากาพย์ อัลไพน์

โดย...สมผล ตระกูลรุ่ง

ความเป็นมาของสนามกอล์ฟอัลไพน์ เป็นกรณีศึกษาที่ทำให้เห็นว่า นักการเมืองทำได้ทุกอย่างที่ต้องการ ขอให้มีเสียงข้างมากสนับสนุนในสภา เพราะนักการเมืองเขานับเสียงในสภา เขาไม่สนใจเสียงนอกสภา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเสียงของชาวบ้านที่ไม่ใช่ฐานเสียงของเขา

ที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนอีกกรณีหนึ่ง ที่นักการเมืองไม่เกรงกลัวบาป ไม่สนว่าจะเป็นที่ธรณีสงฆ์หรือไม่ และไม่ห่วงว่าจะสร้างปัญหาให้กับชาวบ้านที่ซื้อที่ดินในสนามกอล์ฟหรือไม่ อย่างไร

ข้อเท็จจริงจากการรวบรวมจากหลายแหล่ง สรุปได้ว่า นางเนื่อม ชำนาญชาติศักดา ได้ทำพินัยกรรมเมื่อวันที่ 20 พ.ย. 2512 ยกที่ดินที่ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี จำนวนรวม 924 ไร่เศษ ให้วัดธรรมิการามวรวิหาร หรือวัดเขาช่องกระจก จ.ประจวบคีรีขันธ์

หลังจากนั้นอีกประมาณปีครึ่ง นางเนื่อม ได้ถึงแก่กรรม เมื่อวันที่ 22 พ.ค. 2514 วัดซึ่งเป็นผู้รับมรดกตามพินัยกรรม ได้ครอบครองหาประโยชน์จากที่ดินดังกล่าวตลอดมาโดยการให้เช่าทำนา แต่ยังไม่ได้โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินในโฉนดเป็นชื่อวัด ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม

การจัดการมรดกของนางเนื่อม เดิมมีผู้จัดการมรดก 3 ท่าน ขอถอนตัว 2 ท่าน คงเหลือทำหน้าที่ 1 ท่าน ต่อมาผู้จัดการมรดกที่เหลือ ถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 14 เม.ย. 2533 หลังจากนั้น 4 เดือน ศาลมีคำสั่งตั้งมูลนิธิมหามกุฏราชวิทยาลัย เป็นผู้จัดการมรดก เมื่อวันที่ 11 ส.ค. 2533

มูลนิธิมหามกุฏราชวิทยาลัย เป็นมูลนิธิที่ดูแลผลประโยชน์ของวัดฝ่ายธรรมยุต ซึ่งวัดธรรมิการามวรวิหาร เป็นวัดธรรมยุต จึงไม่แปลกที่มูลนิธิมหามกุฏราชวิทยาลัยจะเข้ามาเป็นผู้จัดการมรดก

วันที่ 21 ส.ค. 2533 หลังจากเป็นผู้จัดการมรดก 10 วัน ก็ได้โอนกรรมสิทธิ์ให้มูลนิธิและมูลนิธิได้โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินทั้งหมดให้กับบริษัท อัลไพน์เรียลเอสเตท และบริษัท อัลไพน์ กอล์ฟ แอนด์ สปอร์ตคลับ ในวันเดียวกันนั้นเอง ราคาเท่าที่ปรากฏ 142 ล้านบาท

บริษัททั้งสองในขณะนั้น ผู้ถือหุ้นมีนามสกุล เทียนทอง และหาญสวัสดิ์

สำหรับปี 2533 คงจำกันได้นะครับว่า เป็นช่วงรัฐบาลชาติชาย ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เฟื่องฟู ราคาที่ดินขึ้นเป็นรายวัน ที่ดินขนาดใหญ่ ที่มีทำเลเหมาะกับการทำสนามกอล์ฟ หาไม่ได้ง่ายเลย

การโอนที่ดินให้บริษัทของตระกูลเทียนทอง มีข้อเท็จจริงที่เป็นประเด็นทางกฎหมายว่า นายเสนาะ เทียนทอง รมช.มหาดไทยในขณะนั้น ใช้อำนาจในฐานะรัฐมนตรีไม่อนุญาตให้โอนที่ให้วัด โดยอาศัยมาตรา 84 ประมวลกฎหมายที่ดิน ที่บัญญัติว่า การได้มาซึ่งที่ดินของวัด ต้องได้รับอนุมัติจากรัฐมนตรี และให้ได้ไม่เกิน 50 ไร่ จึงได้มีการดำเนินการให้โอนที่ดินให้มูลนิธิและโอนให้บริษัททำสนามกอล์ฟ

ต่อมาปี 2541 ได้โอนให้กับคนในตระกูล ชินวัตร ที่ชื่อ พจมาน ในราคา 500 ล้านบาท ก่อนที่คุณเสนาะจะเข้าพรรคไทยรักไทย และเป็นที่มาของการขุดคุ้ยที่ธรณีสงฆ์ผืนนี้

เมื่อปี 2543 กรมศาสนาได้ส่งเรื่องให้กฤษฎีกาตีความ โดยที่ประชุมใหญ่ของกฤษฎีกา มีความเห็นว่า เป็นที่ดินธรณีสงฆ์แล้ว และผู้จัดการมรดกต้องโอนให้วัดเท่านั้น

ต่อมา กรมที่ดินมีคำสั่งให้เพิกถอนการโอนที่ดิน โดยยึดถือตามความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา แต่คุณยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย รักษาการแทนปลัดในขณะนั้น มีคำสั่งให้ยกเลิกคำสั่งของกรมที่ดิน

ปีศาจอัลไพน์ยังคงตามหลอกหลอนผู้ร่วมกระบวนการเอาที่ธรณีสงฆ์ไปเป็นสมบัติส่วนตัว แม้ในทางกฎหมายบ้านเมือง คดีจะขาดอายุความไปแล้ว แต่กฎแห่งกรรมไม่มีอายุความ ยิ่งนาน ดอกเบี้ยยิ่งสูง

ประเด็นข้อกฎหมายที่น่าจะนำมาพิจารณาคือ ประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา 84 ที่บัญญัติว่า “การได้มาซึ่งที่ดินของวัดวาอาราม วัดบาทหลวงโรมันคาทอลิก มูลนิธิเกี่ยวกับคริสตจักร หรือมัสยิดอิสลาม ต้องได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรี และให้ได้มาไม่เกิน 50 ไร่

ในกรณีที่เป็นการสมควร รัฐมนตรีจะอนุญาตให้ได้มาซึ่งที่ดินเกินจำนวนที่บัญญัติไว้ในวรรคแรกก็ได้”

ประเด็นแรก มีเหตุไม่สมควรประการใดที่จะไม่ให้วัดธรรมิการามวรวิหาร ถือครองที่ดินจำนวนนี้ หรือเหตุไม่สมควร เป็นเพราะบริษัทของรัฐมนตรีต้องการที่ดินแปลงนี้

ประเด็นที่สอง บทบัญญัติดังกล่าว ขัดกับประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์บรรพ 6 มรดก เรื่องการแสดงเจตนาทำพินัยกรรมหรือไม่ เพราะบุคคลย่อมมีสิทธิจะจัดการทรัพย์สินของตนเองอย่างไรก็ได้ จะยกทรัพย์มรดกให้ใครจำนวนเท่าใดก็ได้

นอกจากนี้ มาตรา 84 ประมวลกฎหมายที่ดิน น่าจะขัดกับสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนตามที่รัฐธรรมนูญ มาตรา 41 ประกอบมาตรา 29 ที่บัญญัติว่า

มาตรา 41 สิทธิของบุคคลในทรัพย์สินย่อมได้รับความคุ้มครอง ขอบเขตแห่งสิทธิและการจำกัดสิทธิเช่นว่านี้ ย่อมเป็นไปตามที่กฎหมายบัญญัติ

การสืบมรดกย่อมได้รับความคุ้มครอง สิทธิของบุคคลในการสืบมรดก ย่อมเป็นไปตามที่กฎหมายบัญญัติรับรองไว้หรือไม่

มาตรา 29 การจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลที่รัฐธรรมนูญรับรองไว้ จะกระทำมิได้เว้นแต่โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย เฉพาะเพื่อการที่รัฐธรรมนูญนี้กำหนดไว้และเท่าที่จำเป็น และจะกระทบกระเทือนสาระสำคัญแห่งสิทธิและเสรีภาพนั้นมิได้

ยังมีวัดที่ถือครองที่ดินเกิน 50 ไร่เป็นจำนวนมาก กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการเรื่องนี้อย่างใด จะยึดขายตามมาตรา 85 ที่ให้อำนาจอธิบดีกรมที่ดินบังคับขายที่ดินส่วนที่เกิน 50 ไร่ได้

ถ้ากล้าก็ลองทำดู