posttoday

อย.ไม่หลงใช้'สารเร่งเนื้อแดง'ตามฝรั่ง

30 สิงหาคม 2555

ประเทศไทยรณรงค์ต่อต้านการใช้สารเร่งเนื้อแดงในสัตว์เลี้ยงเพื่อเป็นอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสุกรและวัว มาเป็นเวลานานนับ 10 ปี

โดย...กานต์ สุขสุแพทย์

ประเทศไทยรณรงค์ต่อต้านการใช้สารเร่งเนื้อแดงในสัตว์เลี้ยงเพื่อเป็นอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสุกรและวัว มาเป็นเวลานานนับ 10 ปี ด้วยสารดังกล่าวสามารถตกค้างในร่างกายมนุษย์ เช่น สารซาลบูตามอล (Selbutamol) หนึ่งในสารเร่งกลุ่มเบต้า อะโกนิสต์ (B-Agonist) ที่มีอันตรายอย่างยิ่งต่อผู้ป่วยโรคหัวใจ ลมชัก และเบาหวาน เนื่องจากมีผลในการกระตุ้นการเต้นของหัวใจ ส่งผลให้กล้ามเนื้อหัวใจบีบตัวมากกว่าปกติ เกิดอาการมือสั่น กล้ามเนื้อกระตุก กระวนกระวาย ปวดศีรษะ กระทรวงสาธารณสุขจึงออกประกาศกระทรวง (ฉบับที่ 269) พ.ศ. 2546 กำหนดให้อาหารทุกชนิดต้องตรวจไม่พบการปนเปื้อนของสารเคมีกลุ่มเบต้า อะโกนิสต์ และเกลือของสารกลุ่มนี้ รวมถึงสารในกระบวนการ สร้างและสลายของสารดังกล่าว

ประกาศชิ้นนั้นสะท้อนให้เห็นถึงความใส่ใจในสุขอนามัยของประชาชนคนไทยของรัฐบาลในขณะนั้นและยังทันสมัยมาจนถึงขณะนี้ เพราะกลายเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายอาหารปลอดภัย ที่รัฐบาลปัจจุบัน ดำเนินการอยู่ ซึ่งนับเป็นเรื่องที่ดี น่ายกย่อง และรักษาให้คงอยู่ต่อไปแม้ว่าตลอดระยะเวลาที่ภาครัฐรณรงค์อย่างต่อเนื่อง จะพบว่ายังมีผู้ละเมิด หรือลักลอบแอบใช้เพื่อประโยชน์ในเชิงรายได้อยู่บ้าง แต่ก็ยังดีกว่าการปล่อย หรืออนุญาตให้ใช้กันโดยเสรี ซึ่งจะยังผลร้ายต่อสุขภาพของคนในชาติอย่างมาก

มูลเหตุจูงใจที่ทำให้เกษตรกรหรือพ่อค้าที่เห็นแก่ได้ยังลักลอบใช้สารเร่ง เช่น แรคโตพามีน (Ractopamine) ซึ่งเป็นหนึ่งในสารเร่งเนื้อแดงกลุ่มเบต้า อะโกนิสต์ (B-Agonist) ก็เพราะสารนี้ช่วยให้สัตว์มีชั้นไขมันลดลงและเพิ่มปริมาณกล้ามเนื้อ ซึ่งนั่นหมายถึงรายได้ที่เพิ่มขึ้น แม้จะมีความเสี่ยงในกรณีผู้เลี้ยงที่ใช้สารดังกล่าวอย่างไม่ระมัดระวัง เพราะจะมีผลกระทบต่อการขยายตัวของหลอดลมและหลอดเลือด สัตว์เลี้ยงจะมีอาการตื่นตกใจง่าย กล้ามเนื้อขาสั่น และช็อกตายได้ง่ายๆ

อย.ไม่หลงใช้'สารเร่งเนื้อแดง'ตามฝรั่ง

 

ขณะที่ผู้ใช้ก็อาจถูกจับกุม เสียทั้งค่าปรับและเข้าซังเต... มีความเสี่ยงในระดับนี้ยังลักลอบแอบใช้กันอยู่ แสดงว่ารายได้ที่เพิ่มขึ้นจากการใช้สารเร่งเนื้อแดงนี้ คงหวานหอมไม่น้อย

ขณะเดียวกันกลุ่มผู้บริโภคที่ห่วงสุขภาพ หรือกลัวอ้วน มักเลี่ยงอาหารติดมันและพึงพอใจที่จะซื้อเนื้อแดงไม่มีมันกันมาก ทำให้ผลผลิตเนื้อสัตว์ที่ใช้สารเร่งจึงเป็นที่นิยมของผู้บริโภคที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์กลุ่มนี้ มาโดยตลอด ก็เลยยิ่งสนับสนุนให้เกิดการลักลอบใช้อยู่เนืองๆ

ในระดับโลก กระแสคัดค้านการใช้สารเร่งเนื้อแดงเกิดขึ้นตลอดระยะเวลาเกือบ 2 ทศวรรษ แต่แล้วจู่ๆ ก็มีรายงานข่าวจากสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการมาตรฐานอาหารระหว่างประเทศ หรือ CAC ของ Codex ประจำปี 2555 ที่ กรุงโรม อิตาลี ระหว่างวันที่ 2-6 ก.ค. 2555 ได้มีการลงมติลับเรื่องการกำหนดค่า MRLs สาร Ractopamine ซึ่งเป็นประเด็นคงค้างมาเป็นเวลาไม่ต่ำกว่า 10 ปีแล้ว ระหว่าง 2 ค่าย ประเทศสนับสนุน เช่น สหรัฐอเมริกา ซึ่งกฎหมายในประเทศเหล่านั้นอนุญาตให้ใช้ได้ในการเลี้ยงสัตว์และประเทศคัดค้าน เช่น สหภาพยุโรป ซึ่งห้ามใช้สารตัวนี้ในการเลี้ยงสัตว์ ปรากฏว่าที่ประชุมมีมติ 69 ต่อ 67 เสียง เห็นชอบให้กำหนดค่า MRLs ของสาร Ractopamine ในเนื้อสัตว์แล้ว ซึ่งหมายถึงการอนุญาตให้มีการใช้ได้ โดยต้องไม่พบการตกค้างในเนื้อสัตว์

น่าดีใจที่ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ของประเทศไทย ไม่บ้าจี้คล้อยตามฝรั่งค่ายสหรัฐอเมริกา ที่สนับสนุนให้ใช้ ... แต่ยังยืนยันที่จะอยู่เคียงข้างผู้บริโภคคนไทย ไม่ปล่อยให้ในประเทศไทยใช้สารเร่งเนื้อแดงตามมติที่ประชุม CAC นั้น

การที่ อย. โดย ภญ.ศรีนวล กรกรชกร รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ออกมาบอกว่า ห้ามปนเปื้อน “สารเร่งเนื้อแดง” ในหมูโดยเด็ดขาด แม้ว่าในระดับสากลจะยอมรับได้นั้น นับว่าสมควรอย่างยิ่ง เพราะตระหนักในความปลอดภัยของผู้บริโภคชาวไทย

ภญ.ศรีนวล ระบุว่า การสั่งห้ามในครั้งนี้เป็นไปตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 269) พ.ศ. 2546 เรื่อง มาตรฐานอาหารที่มีการปนเปื้อนสารเคมีกลุ่มเบต้า อะโกนิสต์ ซึ่งได้กำหนดให้ต้องตรวจไม่พบการปนเปื้อนสารเคมีกลุ่มนี้ในอาหาร ผู้ที่ฝ่าฝืนระวางโทษปรับไม่เกิน 5 หมื่นบาท และ อย. จะร่วมมือกับกรมปศุสัตว์และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ลงพื้นที่ตรวจสอบอย่างเข้มงวดมากขึ้นอีกด้วย

ประเทศไทยกำหนดนโยบายเรื่องความปลอดภัยทางอาหาร หรือ Food Safety มาตั้งแต่ปี 2547 ทำให้ส่วนของการผลิตสัตว์ โดยเฉพาะในธุรกิจสุกรต้องพัฒนาไปสู่การผลิตเนื้อสุกรและผลิตภัณฑ์ที่สะอาด ถูกสุขอนามัย ตั้งแต่การเลี้ยงภายในฟาร์ม การฆ่าชำแหละ จนถึงการแปรสภาพและแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ มีการผลิตที่มีคุณภาพและมาตรฐานในระดับสากล เพื่อเป็นการปกป้องและคุ้มครองผู้บริโภค ซึ่งหมายรวมถึงการเข้มงวดในการลักลอบใช้สารเร่งเนื้อแดงด้วย โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ หลายหน่วยงาน ได้แก่ สำนักงาน อย. กรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่มีมาตรการเข้าควบคุมตรวจสอบสุกร ทั้งในส่วนของฟาร์มเลี้ยงและโรงฆ่าสัตว์ และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ทำหน้าที่ตรวจสอบเนื้อสุกรที่วางจำหน่าย และให้ความรู้แก่ผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง รวมถึงสัตยาบันของเกษตรกรที่จะไม่ใช้สารเร่งเนื้อแดงในการเลี้ยง

หากภาครัฐของไทยเข้มแข็งและยึดมั่นในจุดยืนเรื่องความปลอดภัยในอาหารตลอดจนรณรงค์ป้องปรามให้ไทยปลอดสารเร่งเนื้อแดงอย่างที่ทำมานับ 10 ปีเช่นนี้ ย่อมสร้างความมั่นใจในการบริโภคของคนไทย ตลอดจนสร้างความเชื่อมั่นในสินค้าอาหารส่งออกจากประเทศไทย... วิสัยทัศน์สู่ “ครัวโลก” ของประเทศก็คงไม่ไกลเกินเอื้อม

 

ข่าวล่าสุด

ถ่ายทอดสด ไบรท์ตัน พบ ซันเดอร์แลนด์ พรีเมียร์ลีก วันนี้ 20 ธ.ค.68