posttoday

คืบก็คุก ศอกก็คุก

25 สิงหาคม 2555

“ใครไม่กลัวคุกบ้าง ยกมือขึ้น”

“ใครไม่กลัวคุกบ้าง ยกมือขึ้น”

คงจะไม่มีใครยกมือยกเว้นคนที่สติสตังไม่ดีหรือคนที่ชอบลองของ แต่ถ้าใครเคยเฉียดกรายโดยไม่ต้องถึงขั้นถูกขังอยู่ในคุกก็อาจจะสัมผัสได้ว่า คุกนั้นน่ากลัวขนาดไหน และยิ่งไปถามคนที่เคยถูกขังคุก (คุกจริงๆ ในเรือนจำนั่นแหละครับ ไม่ใช่คุกชั่วคราวตามโรงพักที่เป็นคนละบรรยากาศกัน) ก็จะได้รับคำตอบว่า “ไม่เอาอีกแล้ว” (แต่มีตัวเลขของกรมราชทัณฑ์เก็บเป็นสถิติไว้ว่า ผู้ต้องขังกว่า 1 ใน 3 เมื่อพ้นโทษหรือได้รับอภัยโทษออกไป ต้องกลับคืนมาใช้ชีวิตในคุกอีก แต่นั่นก็เป็นเพราะเหตุผลที่ถูกสังคมภายนอกปฏิเสธ หรือไม่ก็เป็นคนขี้คุกจนติดแน่นในสันดาน)

ผู้เขียนไม่เคยติดคุก แต่มีประสบการณ์ในคุกและเดินเข้าออกอยู่เป็นประจำ เพราะมหาวิทยาลัยที่ผู้เขียนทำงานอยู่มีการเปิดโอกาสให้ผู้ต้องขังได้ศึกษาและรับปริญญา นัยว่าช่วยสร้างพลเมืองดีหรือเสริมเพิ่มอะไรดีๆ ให้แก่ผู้ต้องขังเหล่านั้น ซึ่งบางคนก็มีเวลาว่างมากเพราะต้องติดคุกอยู่เป็นสิบๆ ปี จึงให้ใช้เวลาดังกล่าวอ่านตำราไปสอบ อ่านแล้วก็สอบอีกสี่ห้าปีก็จบรับปริญญาไปตามระเบียบ บางคนได้รับปริญญาถึง 56 ใบ เพราะถูกจำคุกหลายสิบปี บางคนเรียนตั้งแต่ กศน. เพราะยังไม่จบชั้นมัธยมแล้วจึงมาต่อ มสธ. ที่ประหลาดมากคือมีผู้ต้องขังชาวแอฟริกันที่ต้องโทษในคดียาเสพติดถูกจำขังตลอดชีวิต แต่สารภาพศาลจึงลดโทษให้กึ่งหนึ่งเหลือ 50 ปี ตานี่ต้องเริ่มจากเรียนภาษาไทยให้หัดอ่านหัดเขียนเป็น แล้วต่อ กศน.ตั้งแต่ชั้นประถม กว่าจะจบมัธยมก็ใช้เวลาเกือบ 10 ปี ทว่าเรียนจบปริญญามาได้ 2 ใบแล้วทั้งที่ยังเหลือโทษอีก 10 กว่าปี เพราะได้รับการลดโทษมาเป็นระยะ จึงอาจจะเรียนได้ปริญญาอีกสักใบสองใบก็เป็นได้

คุกที่ว่านี้คือเรือนจำกลางบางขวาง จ.นนทบุรี ที่เป็นเรือนจำสำหรับนักโทษมหันตโทษที่มีโทษอย่างต่ำ 30 ปี ไปจนถึงตลอดชีวิต รวมทั้งที่ต้องโทษประหารชีวิตและรอการประหารชีวิตนั้นด้วย ผู้เขียนเคยเดินเข้าไปชมแท่นประหารแถมยังลูบคลำฐานประทับเล็งปืนที่เพชฌฆาตชื่อดัง “มุ่ย จุ้ยเจริญ” ใช้ปลิดชีพนักโทษประหารนับสิบคน สมัยที่ยังใช้การลั่นกระสุนเป็นชุดๆ เจาะเข้ากลางอกนักโทษเหล่านั้น สมัยนั้นหนังสือพิมพ์จะรายงานข่าวอย่างละเอียด ตั้งแต่นักโทษกินข้าวมื้อสุดท้ายมีอะไรบ้าง คำสั่งเสียสุดท้าย และกลิ่นเลือดที่ไหลนองแท่นประหาร จนถึงการแบกโลงศพออกทางประตูด้านข้างไปที่วัดแพรกใต้ข้างๆ เรือนจำ เพื่อจัดการเผาให้เรียบร้อย บางฉบับนั้นบรรยายได้ “สยอง” มาก ถึงขั้นผู้อ่านขนหัวลุกหรือนอนไม่หลับก็มี

ลูกศิษย์ของผู้เขียนที่ดังๆ ก็เช่น หมอเสริมในคดีฆ่าเจนจิราแฟนสาว หมอบัณฑิตในคดีฆ่าศยามลผู้เป็นภรรยา และหน้าห้องนักการเมืองในคดียาเสพติด (ไม่กล้าระบุชื่อเพราะนักการเมืองผู้นี้ยังมีตำแหน่งใหญ่โตอยู่ในพรรคการเมืองใหญ่พรรคหนึ่ง) จะเห็นได้ว่าคนเหล่านี้เป็นคนระดับ “มันสมอง” ทั้งสิ้น โดยสังเกตว่านักโทษที่มาจากท้องไร่ท้องนาหรือเป็นคนรากหญ้าที่มาเรียนในระดับปริญญาตรีนี้มีไม่มาก และที่มีจำนวนมากที่สุดที่เข้ามาเป็นนักศึกษาก็คือข้าราชการ โดยเฉพาะข้าราชการตำรวจที่ร่วมหากินกับอาชญากรรมร้ายแรงทั้งหลายเหล่านั้น

นอกจากที่บางขวางแล้ว ผู้เขียนยังเคยไปสอนและไปคุมสอบในเรือนจำอื่นๆ อีกหลายแห่ง เช่น ทัณฑสถานพิเศษกรุงเทพ หรือเรือนจำลาดยาว ที่คนทั่วไปเรียกว่า “คุกวีไอพี” เพราะมักจะใช้เป็นที่คุมขังผู้ต้องหาในคดีสำคัญ อย่างหัวโจกแดงที่กำลังเป็นประเด็นถอนหรือไม่ถอนประกันอยู่ในเวลานี้ หรือ กกต.ชุดสามหนาห้าห่วง นำโดย พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ ก็เคยมาอยู่ที่นี่เป็นการชั่วคราวก่อนที่จะได้รับการประกันตัวสู้คดีอยู่ในระหว่างนี้ และที่กำลังรับโทษหลังจากศาลฎีกาตัดสินเรียบร้อยแล้วก็คือ พล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศ ในคดีฆ่ารีดทรัพย์แม่ลูกตระกูลศรีธนะขัณฑ์ หรือเจ้าแม่แชร์คนดัง “ชม้อย ทิพย์โส” ที่น่าจะพ้นโทษออกมาแล้ว

อีกแห่งหนึ่งที่เคยไปปฏิบัติราชการและมีความตื่นเต้นมาก (ในสภาพชีวิตของผู้ต้องขังที่นั่น) ก็คือทัณฑสถานวัยหนุ่มธัญบุรี จ.ปทุมธานี อันเป็นที่จำขังสำหรับวัยรุ่นชายจำนวนนับพันๆ คน ที่นั่นมีสนามมวยขนาดมาตรฐานให้คนหนุ่มเหล่านี้ได้ระบายพละกำลัง รวมทั้งสนามกีฬาและสถานที่ออกกำลังต่างๆ นัยว่าช่วยลดอาการ “ตกมัน” ที่คนในวัยนี้มีมากเป็นพิเศษ แม้พวกเราที่เป็นผู้ชายจะเดินเข้าไปเป็นกลุ่มก็ยังได้รับคำเตือนจากเจ้าหน้าที่ของกรมราชทัณฑ์ว่า ระวังอย่าไปสบตากับผู้ต้องขัง เพราะคนพวกนี้จะมีอาการหื่นกระหายไม่เว้นแม้แต่ผู้ชายด้วยกัน

หลายครั้งผู้เขียนไปคุมสอบที่ต่างจังหวัดซึ่งมหาวิทยาลัยก็จัดสอบในเรือนจำให้แก่นักศึกษาที่เป็นผู้ต้องขังในเรือนจำเหล่านั้น มีจังหวัดหนึ่งคือที่ จ.เพชรบูรณ์ ทางโรงเรียนจัดให้อาจารย์ผู้หญิงไปร่วมคุมสอบร่วมกับผู้เขียน อาคารที่ใช้จัดสอบอยู่ด้านหน้าข้างในเรือนจำห่างจากแดนคุมขังราวร้อยเมตรเศษ แต่ระหว่างคณะคุมสอบของเราเดินเลียบรั้วของกำแพงคุกที่สูงท่วมหัวเพื่อจะไปยังอาคารดังกล่าว ก็ต้องประสบกับ “เสียงสยอง” ดังโฮกฮากไปทั่วบริเวณ นั่นคือเสียงหายใจแรงๆ ของคนคุกจำนวนหลายร้อยที่เกาะหน้าต่างแดนคุมขังมองมายังอาจารย์สาวในคณะของเรา ซึ่งอาจารย์ท่านนั้นก็ต้องรีบกลับไปในทันที เพราะขืนอยู่ไปก็อาจจะทำให้ “คุกแตก” ได้

ตามทฤษฎีอาชญาวิทยากล่าวถึงคุกหรือทัณฑสถานว่ามีความจำเป็นสำหรับสังคมอยู่ 3 ประการ หนึ่ง คือ ควบคุมอาชญากรหรือบุคคลที่เป็นภัยแก่สังคมไว้ในสถานที่ที่ควบคุมอย่างเข้มแข็งไม่ให้ออกไปทำร้ายใครๆ ในสังคมได้อีก สอง คือ ปรับเปลี่ยนหรือแก้นิสัยสันดานของผู้กระทำความผิดให้ดีขึ้นก่อนที่จะปล่อยกลับคืนสู่สังคม และสาม คือ ไว้ลงโทษแก่ผู้กระทำความผิดเผื่อว่าจะเข็ดหลาบ หรือหากไม่ก็ต้องได้รับโทษทัณฑ์ เช่น ประหารชีวิต แต่ถ้ามองในแง่สังคมวิทยาแล้ว การคุมขังนี้คือการจำกัดเสรีภาพ ซึ่งในความเป็นมนุษย์นั้นเสรีภาพมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เพราะถ้าใครขาดซึ่งเสรีภาพที่จะทำอะไรได้ตามความต้องการของตนแล้ว ก็ไม่อาจเรียกคนคนนั้นว่าเป็นมนุษย์โดยสมบูรณ์

เขียนเรื่องนี้ขึ้นมาเพื่อเตือนสติว่า ใครที่ว่าแน่นั้นให้ลองไปสัมผัสกับบรรยากาศของคุกดูสักครั้ง และสิ่งนี้เราก็ได้เห็นแล้วจากกรณีของแกนนำคนเสื้อแดง (ที่จริงรวมถึงคนเสื้อเหลืองด้วย แต่ศาลพิจารณาแยกกัน) ที่ดูจะ “หงอๆ” กับการคิดจะเล่นลองดีกับศาล อย่างเมื่อวันพุธที่ 22 ส.ค.ที่ผ่านมา ที่ท่านเจ๋งถึงกับจ๋อยเดินหน้าเหี่ยวๆ เข้าที่คุมขังไป เนื่องจากศาลท่านเพิกถอนการประกันตัว ส่วนที่เหลือแม้จะให้ประกันตัวต่อไปได้ก็ซ่าไม่ออกเช่นเดียวกัน เพราะคนพวกนี้ก่อนหน้านั้นก็เคยอยู่ในคุกกันมาคนละหลายๆ วันแล้ว จึงน่าจะ “เข็ดขี้อ่อนขี้แก่” หรือกลัวคุกจนขึ้นหัวนั้นแล้ว

ถ้าจะสังเกตอีกอย่างหนึ่งก็คือกรณีของคุณวีระกานต์ มุสิกพงศ์ ที่เงียบจนผิดปกติ ไม่แสดงความเห็นหรือแสดงบทบาทอะไรเลย ทั้งนี้ก็เพราะคุณวีระกานต์เคยติดคุกมาแล้วช่วงหนึ่งในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ซึ่งทุกข์ร้อนทรมานแสนสาหัสอย่างใดก็เคยรับรู้มาแล้ว จนต้องดิ้นรนขออภัยโทษไปทั่วสิบทิศจึงพ้นคุกออกมาได้ หรือไม่ก็ไปถาม “เจ๊เพ็ญ” ที่หลบหนีคดีหมิ่นเบื้องสูงอยู่เช่นกันว่า ตอนที่ถูกจำขังระหว่างรอประกันตัวจนออกมาได้และหลบหนีไปอยู่ระหว่างนี้นั้น เจ๊ต้องเผชิญกับเสียงหื่นโฮกฮากจากคนคุกที่จ้องทะลวงเจ๊นั้นอย่างไร

โบราณท่านจึงว่า “คืบก็ทะเล ศอกก็ทะเล” คนที่ไม่เคยลงทะเลก็จะประมาททะเล เพราะไม่มีประสบการณ์ว่าทะเลนั้นน่ากลัวอย่างไร เหมือนคนที่ไม่คุ้นคุกก็จะไม่กลัวคุก อย่างนักการเมืองทั้งหลายที่เริงร่าปาหี่อยู่ในรัฐสภากันในขณะนี้

แต่บางคนก็กลัวคุกยิ่งกว่าการรัฐประหารถ้าไม่กลัวคงกลับมาเข้าคุกไปนานแล้ว

ข่าวล่าสุด

ถ่ายทอดสด เบรนท์ฟอร์ด พบ ลีดส์ ยูไนเต็ด พรีเมียร์ลีก วันนี้ 14 ธ.ค.68