เดินป่า 20 กิโล หนีตาย ปากคำระทึกพม่าไล่ยิงชาวบ้านไทย
ร่วม 3 วันแล้ว นับจากช่วงบ่ายวันที่ 4 ก.ค. ที่ทหารพม่ากว่า 200 นาย เข้าปิดล้อมบ้านอินทนิลขวาง
โดย...อำนาจ ทองดี
ร่วม 3 วันแล้ว นับจากช่วงบ่ายวันที่ 4 ก.ค. ที่ทหารพม่ากว่า 200 นาย เข้าปิดล้อมบ้านอินทนิลขวาง ตรงข้ามบ้านในกรัง หมู่ 9 ต.จ.ป.ร. อ.กระบุรี จ.ระนอง ซึ่งมีคนไทยตั้งชุมชนอยู่ประมาณ 300 ครัวเรือน ควบคุมตัวคนไทยจำนวนหนึ่ง ฐานบุกรุกเข้ามาปลูกยางพาราในเขตแดนประเทศพม่า
หลังเกิดเรื่องขึ้นจนถึงช่วงบ่ายวันที่ 6 ก.ค. มีคนไทยหนีข้ามกลับเข้ามาในเขตไทยได้ประมาณ 40 คน
แต่ที่น่ากังวลมากที่สุด คือ ยังไม่มีฝ่ายใดระบุได้แน่ชัดว่าคนไทยที่ถูกควบคุมตัวมีจำนวนเท่าไหร่
ธนิต กุลสุนทร นายอำเภอกระบุรี เปิดเผยว่า มีราษฎรอยู่อาศัยในพื้นที่ดังกล่าวประมาณ 200-300 คน แต่ยังไม่ทราบจำนวนที่แน่นอน เนื่องจากพม่าไม่อนุญาตให้เจ้าหน้าที่ไทยเข้าพื้นที่ไปพบราษฎรที่ถูกควบคุมตัว ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาพยายามขอเข้าเยี่ยมเด็กและผู้หญิง รวมทั้งผู้สูงอายุและผู้ป่วย
แต่ปากคำของชาวบ้านที่หนีกลับเข้ามาเขตไทยได้ ทำให้น่ากังวลยิ่ง น้อย อายุ 28 ปี เธอไม่อยากเปิดเผยชื่อจริง เพราะเกรงว่าอาจมีผลทำให้ไม่ได้กลับเข้าพื้นที่ ซึ่งทุ่มเททั้งกำลังทรัพย์ กำลังกาย เธอเล่าว่า ทหารพม่าได้เริ่มปิดล้อมจากทางด้านชายแดนไทย เพื่อสกัดไม่ให้คนไทยในหมู่บ้านหนีเข้ามายังเขตไทย เมื่อทหารเริ่มยิงปืน ทุกคนต่างวิ่งหนี บางคนถูกจับได้ ส่วนเด็กและผู้สูงอายุยังอยู่ในบ้าน น้อย วิ่งหนีออกมาทางสวนด้านหลังหมู่บ้านกับเพื่อนอีกคนหนึ่ง
ในช่วงเวลาแห่งความสับสนอลหม่าน เสียงปืนดังระงมจนแยกไม่ออกว่ามาจากทางทิศไหน อารามตกใจทำให้ชาวบ้านหลายคนวิ่งจนหกล้ม บ้างก็วิ่งชนบ้านเรือนสิ่งกีดขวางจนบาดเจ็บหลายราย
“ที่เป็นห่วงในขณะนี้ คือ ยังมีหลายคนที่ยังหลบอยู่ในป่า ซึ่งอาจจะหลงทาง เนื่องจากพื้นที่บางจุดยังคงเป็นป่าอุดมสมบูรณ์ ฉันเดินทางตามลำธารและข้ามภูเขา ซึ่งเพื่อนที่เดินทางมาด้วยเคยเดินป่าบริเวณดังกล่าว เพื่อทะลุมายัง ต.พันวาล อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร”
ขณะที่ สุขุม อายุ 43 ปี ชาว อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี บอกว่า ขณะเกิดเหตุเป็นเวลาประมาณ 13.30 น. วันที่ 4 ก.ค. เขากำลังอยู่ในสวนยางพารา ได้ยินเสียงปืนดัง 3 นัดต่อเนื่อง และเห็นทหารพม่า 5 นาย กำลังปิดล้อมหมู่บ้าน จึงวิ่งหนีขึ้นเขาอ้อมมายังที่ตั้งของทหารไทย ใช้เวลาหลบหนีโดยเดินทางในป่า 1 วัน กับ 1 คืน ระยะประมาณ 20 กิโลเมตร
“ชาวบ้านคนอื่นก็วิ่งหนีเอาชีวิตรอดเช่นกัน บางคนพยายามขับรถหนีแต่ถูกทหารพม่ายิงยางแตกและขวางเส้นทางไว้ ทำให้รถกระบะกว่า 30 คันยังติดค้างอยู่”
หลังข่าวทหารพม่าบุกเข้าจับกุมคนไทยที่บ้านอินทนิลขวางแพร่ออกไป ญาติพี่น้องของผู้ที่อยู่ในหมู่บ้านจากพื้นที่ต่างๆ ทยอยเดินทางเข้ามายังบ้านในกรัง เพื่อติดตามข่าวคราวของญาติพี่น้อง
สมศักดิ์ เชาว์น เดินทางมาจาก อ.พระแสง จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อมาติดตามข่าวคราวญาติ 5 คน ที่เข้าไปทำสวนยางในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งยังไม่ทราบชะตากรรม
“อยากจะทราบว่าญาติทั้ง 5 คนถูกจับกุมไว้ หรือว่าหลบหนีอยู่ในป่า ถ้าจับกุมไว้ก็จะสบายใจ เพราะมีข้าวกิน แต่ถ้าอยู่ในป่าคงน่าเป็นห่วง”
สมศักดิ์ ข้องใจว่า เมื่อกว่า 5 ปีก่อน ซึ่งชาวบ้านเริ่มเข้าไปบุกเบิกพื้นที่ ทำไมไม่เคยมีปัญหา และทหารพม่าก็ยอมรับว่าเป็นดินแดนไทย ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวอยู่ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำกระบุรีซึ่งเป็นฝั่งไทย เรื่องนี้เจ้าหน้าที่น่าจะทำความชัดเจนกว่านี้
ขณะที่ ธนิต นายอำเภอกระบุรี ยืนยันว่าเขตแดนไม่มีความสับสน ชาวบ้านในพื้นที่เข้าใจดี แต่ที่สับสัน คือ ชาวบ้านซึ่งมาจากถิ่นอื่นที่เข้าใจผิด
ด้าน พล.ท.วรวิทย์ ดรุณชู เจ้ากรมกิจการชายแดน กองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยว่า ระหว่างที่ทหารพม่าเคลื่อนกำลังเข้าไปในหมู่บ้าน มีการยิงต่อสู้กันประปราย เนื่องจากมีชาวบ้านบางส่วนพกพาอาวุธติดตัวไประหว่างเดินทางตามแนวชายแดน แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต
คงต้องติดตามกันอย่างใกล้ชิดถึงชะตากรรมคนไทยในเงื้อมมือทหารพม่า
แต่อย่างไรก็ตาม นี่คือบทเรียนที่ทุกฝ่ายต้องพิจารณาอย่างถี่ถ้วนทุกแง่มุม ทุกมิติ ใช่เพียงแค่ปัญหาความมั่นคง การปักปันเขตแดน แต่ยังรวมถึงแนวโน้มความร่วมมือของพื้นที่ชายแดน ในยุคที่กำลังก้าวสู่การรวมตัวเป็นประชาคมทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาคอาเซียน


