คนเดียวแต่ไม่เดียวดาย
“คนเราจะอยู่คนเดียวไปตลอดชีวิตได้ยังไง...”
โดย...เพ็ญแข สร้อยทอง
“คนเราจะอยู่คนเดียวไปตลอดชีวิตได้ยังไง...”
แม่พูดเป็นครั้งที่เท่าไหร่ฉันก็คร้านจะจำ และนับจากนี้ไปจนชั่วชีวิตคนโสด ฉันคงจะได้ยินได้ฟังถ้อยคำห่วงใยและคำแนะนำทำนองนี้ไปอีกหลายๆ ครั้ง
“คนเราต้องอยู่กันเป็นคู่นะจะได้มีความสุข”
“การแต่งงานคือ การเติบโตเป็นผู้ใหญ่อย่างเต็มที่ ใครๆ ต่างก็มีคู่และมีความสุข ยกเว้นเธอ ”
ความเป็นจริงที่รับรู้กันอยู่คือ บางคู่นั้นทุกข์ระทม หลายครั้งการแต่งงานก็ต้องจบสิ้นอย่างโศกเศร้า ซึ่งฉันก็ไม่นึกอยากนำตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่นๆ เมื่อแม่ถามเป็นครั้งที่ล้าน (ไม่ใช่ก็อาจจะใกล้เคียง) ว่า เมื่อไหร่จะลงหลักปักฐานกับใครสักทีฉันก็เพียงบอกว่า
“หนูรู้สึกขอบคุณที่แม่อยากให้หนูมีความสุข แต่ตอนนี้หนูเริ่มรู้สึกว่า แม่อยากจะรู้ว่า เมื่อไหร่หนูจะมีคู่มากกว่าที่จะอยากรู้ว่า หนูมีความสุขดีอยู่แล้วที่ได้อยู่ตามลำพัง”
ถึงอย่างนั้นก็ดูเหมือนว่า แม่หรือใครๆ จะไม่ (พยายาม) เข้าใจ สิ่งที่ฉันพยายามอธิบายนัก
ฉันอยู่คนเดียวในกรุงเทพฯ เพราะสมาชิกครอบครัวทั้งหมดใช้ชีวิตที่ต่างจังหวัด แม้จะมีญาติอยู่ที่นี่บ้าง แต่ก็ไม่ได้สนิทสนมมากมายนัก ฉันมีเพื่อน ทั้งเพื่อนใหม่ เพื่อนเก่า เพื่อนร่วมงาน และคนรู้จักอีกจำนวนไม่ได้น้อยซึ่งมีบทบาทอยู่ในชีวิตของฉัน แต่ถึงอย่างไรฉันก็ชื่นชอบการอยู่คนเดียวมากกว่า คุ้นเคยกับชีวิตแบบนี้มากกว่า หลายคนห่วงใยกับการใช้ชีวิตลำพังของฉัน กระทั่งคนเคยรักยังสำนึกผิดและคิดว่าเขาเป็นต้นเหตุ แต่เชื่อสิ... ทุกอย่างฉันเลือกเอง
สำหรับฉันการอยู่คนเดียวหรือเป็นโสดไม่ต่างกับเป็นโอกาสอันยิ่งใหญ่ที่จะเติบโตในฐานะคนคนหนึ่ง เพื่อรื่นรมย์กับชีวิตของตัวเอง ทุกๆ ความสัมพันธ์ไม่ว่าจะกับคนในครอบครัวหรือเพื่อน เราต้องทำอะไรหลายๆ อย่างเพื่อรักษาความสัมพันธ์นั้นไว้ กับตัวเองก็เช่นกัน เราต้องทำบางสิ่งบางอย่างเพื่อรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับตัวเองไว้ เราต้องรู้จักตัวเองว่า อยากมีชีวิตอยู่กับคนแบบไหน และเราก็ต้องเป็นคนแบบนั้นให้ได้ หากเราเรียนรู้ที่จะทานทนกับความรู้สึกเมื่อต้องอยู่ตามลำพังได้ เราก็สามารถจะมีชีวิตอยู่กับใครๆ ได้
แต่กว่าจะมาถึงจุดที่สามารถอยู่คนเดียวได้โดยไม่รู้สึกเดียวดาย ฉันยอมรับว่า เคยเหงาเมื่อต้องอยู่ลำพัง เพราะเหงาทำให้เราไขว่คว้าที่จะมีใครสักคน แต่เพื่อนแท้สักคนซึ่งสามารถรับฟังทุกเรื่องราวของเรานั้นหายาก การนำเสนอตัวตนที่แท้จริงออกมามากเกินไปบางครั้งก็ทำให้คนอื่นกลัว ในเวลาอยู่ร่วมกับใครๆ แบบต้องพึ่งพาอาศัยทางความรู้สึก เราอาจจะเคยตั้งคำถามว่า ฉันเป็นที่ต้องการของผู้คนเหล่านี้จริงหรือ แล้วคนเหล่านี้คือ คนที่ฉันต้องการจริงๆ หรือ บางครั้งเรารู้สึกว่า ตัวเองเป็นคนแปลกหน้าสำหรับเพื่อนๆ และความรู้สึกไม่เป็นที่ต้องการคือ ความเจ็บปวดที่แม้แต่ความมึนเมายังทำให้ลืมเลือนไม่ได้ ความเจ็บปวดจากการอยู่ตามลำพังกระตุ้นให้เราพยายามมองหาให้สักคน เพื่อจะรักษาเยียวยาความรู้สึก แต่ความสัมพันธ์แบบกลวงๆ ไม่สามารถเติมเต็มความรู้สึกโดดเดี่ยวเงียบเหงาได้
แล้วจึงได้ค้นพบในเวลาต่อมาว่า ไม่มีอะไรที่โหดร้ายมากไปกว่า ความเหงาท่ามกลางผู้คนหรือความเหงาในชีวิตคู่ ความเหงาซึ่งทำให้อยากตะโกนบอกความรู้สึกของตัวเองออกมา แต่ใครล่ะจะเข้าใจหรือสนใจ บางขณะที่กำลังพูดคุยกับผู้คน ความรู้สึกเปล่าเปลี่ยวข้างในทำให้อยากตะโกนออกมาว่า ฟังฉันหน่อย ฉันอยู่นี่ แต่เหมือนกับว่า ไม่มีใครได้ยิน เหมือนเราเป็นเพียงของชิ้นหนึ่งในห้องเท่านั้น เสียงพูดคุยจึงเป็นเช่นเสียงรบกวน เพราะฉันติดอยู่ในความเหงา และไม่รู้ว่าจะหลุดพ้นไปได้อย่างไร
ความรู้สึกเหงาจึงไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าเราอยู่คนเดียวหรืออยู่กับใครๆ ไม่ได้ขึ้นอยู่ว่าเราเป็นโสดหรือมีคู่ ความเหงาเป็นสิ่งที่ยากจะต้าน ความเหงาจะเพิ่มดีกรีร้ายกาจในช่วงเทศกาลที่ใครๆ ต่างมีคนรักคนสนิทสนมแวดล้อมอยู่ด้วยกัน ต่างนัดหมายจะเฉลิมฉลองและทำกิจกรรมต่างๆ ด้วยกัน แต่ในเวลานั้นก็มีบางคนที่ไม่รู้ว่าจะไปไหน ไม่รู้ว่าจะทำอะไรกับใคร พวกเขาไม่ใช่คนไร้บ้านหรือพเนจร แต่อาจจะเป็นคนหนึ่งที่เรารู้จัก เป็นคนที่ใช้ชีวิตอยู่ใกล้ๆ เรา ทำงานกับเรา อาศัยอยู่บ้านข้างๆ เรา
ก่อนจะเข้าสู่ช่วงอยู่คนเดียวได้แบบไม่เดียวดาย ฉันค้นพบว่า เราสามารถอยู่คนเดียวได้โดยไม่รู้สึกเหงา หากใส่ใจกับเรื่องราวหรือกิจกรรมที่ชื่นชอบและมีความหมายสำหรับตัวเอง ชีวิตคือ สิ่งที่มหัศจรรย์ หากเรามีใครสักคนมาร่วมแบ่งปันความรู้สึก อาจจะไม่ใช่คู่ครอง ไม่ใช่ครอบครัว ไม่ใช่เพื่อน แต่เป็นใครสักคนในสังคมในโลก ผู้ต้องการวงแขนและอ้อมกอด แบ่งปันชีวิตและยื่นมือออกไปสัมผัสกับชีวิตอื่นๆ เพื่อให้เขารู้ว่า ไม่ได้อยู่ลำพัง เพื่อให้พวกเขารู้ว่าเป็นที่ต้องการ ลดทอนความเหงาไปจากชีวิตของพวกเขา และเราก็จะได้รับสิ่งเหล่านั้นคืนกลับมาด้วย
ชีวิตคือ สิ่งมหัศจรรย์หากเราแบ่งปัน อย่าผัดผ่อนตัวเอง เข้าร่วมกับชุมชนใดชุมชนหนึ่ง แล้วเปล่งเสียงของความรู้สึกออกไปให้ใครสักคน ไม่ว่าจะเป็นทารกกำพร้าในบ้านสงเคราะห์ เด็กพิการช่วยตัวเองไม่ได้ ผู้ป่วยโรคเอดส์ คนชรา พระสงฆ์ที่อาพาธ ฯลฯ แบ่งปันสิ่งที่เรามีไปสู่คนอื่น อย่ายืนหยัดอยู่กับความโดดเดี่ยวเดียวดาย เพราะตรงนั้นมันมืดมิดเกินไป ไปปลดปล่อยแสงของตัวเองให้คนอื่นได้รับความอบอุ่น เชื่อในพลังของตัวเองและค้นหาใครบางคนเพื่อแบ่งปัน ใครบางคนที่ใส่ใจและต้องการ เพราะว่าเราเห็นความมืดมิดมามากเกินไปแล้ว เราต้องการแสงสว่าง และช่วยให้คนอื่นๆ ได้พบกับความสว่างเช่นเดียวกัน
แม้ว่าวันนี้ฉันจะอยู่คนเดียวในบ้านของตัวเองแต่ก็ไม่เคยรู้สึกเดียวดาย เพราะส่วนหนึ่งของชีวิตฉันได้แบ่งปันให้กับผู้คนมากมายที่อยู่ข้างนอก และได้รับกลับคืนมามากพอ จนเกินกว่าจะเงียบเหงาโดดเดี่ยว m
หมายเหตุ: ขอบคุณสำหรับแรงบันดาลใจในการเขียนจาก “เพื่อน” คนที่อยู่คนเดียว แต่ไม่เคยเดียวดาย


