พระเจ้าบรมวงศ์เธอฯ กรมหลวงอดิศรอุดมเดช
พลโท พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศุขสวัสดิ กรมหลวงอดิศรอุดมเดช เมื่อประสูติทรงพระนามว่า พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าชายศุขสวัสดิ
โดย...วิมลพรรณ ปีตธวัชชัย
พลโท พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศุขสวัสดิ กรมหลวงอดิศรอุดมเดช เมื่อประสูติทรงพระนามว่า พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าชายศุขสวัสดิ พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ประสูติแต่เจ้าจอมมารดาจันทร์ เมื่อวันศุกร์ เดือน 4 ขึ้น 9 ค่ำ ปีเถาะ สัปตศก จ.ศ. 1217 ตรงกับวันที่ 15 มี.ค. 2397 มีพระอนุชาร่วมเจ้าจอมมารดาเดียวกันคือ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเกษมศรีศุภโยค กรมหมื่นทิพากรวงค์ประวัติ (ต้นราชสกุลเกษมศรี) ทรงได้รับการศึกษาชั้นต้นในพระบรมมหาราชวัง เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำริที่จะจัดตั้งกรมทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ในต้นรัชกาล จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าศุขสวัสดิ ซึ่งในเวลานั้นทรงเจริญพระชนมายุแล้วให้เข้ารับราชการสนองพระเดชพระคุณในตำแหน่งคะเด็ตทหารมหาดเล็ก (Cadet นักเรียนนายร้อย) พอถึงปี 2414 จึงได้เป็นนายดาบ ในกองร้อยที่ 5 กรมทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์
ในปี 2416 ได้เลื่อนพระยศเป็นนายร้อยเอกในตำแหน่งผู้บังคับกองร้อยที่ 5 กรมทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ และในปีนี้เอง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงสถาปนาตำแหน่งราชองครักษ์ขึ้นเป็นปฐม ซึ่งสมัยนั้นเรียกว่า ราชเอดเดอแกมป์ (AiddeCamp) จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าศุขสวัสดิ เป็นราชองครักษ์พระองค์แรกก่อนบุคคลอื่น ดังนั้นเมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินประพาสเมืองต่างประเทศ มี มลายู ชวา และอินเดีย พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าศุขสวัสดิ ก็ได้โดยเสด็จในหน้าที่ราชองครักษ์ทุกแห่งไป และในปีต่อมาทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เป็นผู้กำกับแตรวงในกรมทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์อีกตำแหน่งหนึ่งด้วย
ปี พ.ศ. 2419 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาเป็นพระองค์เจ้าต่างกรมและให้ออกวัง มีพระนามตามจารึกในพระสุพรรณบัฏว่า พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นอดิศรอุดมเดช ครุฑนาม ทรงศักดินา 15000 ตามพระราชกำหนดอย่างพระองค์เจ้าต่างกรมในพระบรมมหาราชวัง แล้วให้ทรงตั้งเจ้ากรมเป็นหมื่นอดิศรอุดมเดช ถือศักดินา 600 ปลัดกรมเป็นหมื่นภูเบศรบริรักษ์ ถือศักดินา 400 และสมุห์บัญชีเป็นหมื่นประจักษ์พลขันธ์ ถือศักดินา 300 โดยในการออกวังให้ทรงย้ายจากพระตำหนักสวนกุหลาบในบริเวณพระบรมมหาราชวัง และโปรดเกล้าฯ ให้สร้างวังท้ายวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามพระราชทาน แล้วเสด็จพระราชดำเนินพระราชทานพระสุพรรณบัฏที่วังตามประเพณีซึ่งใช้อยู่ในเวลานั้น
ปี พ.ศ. 2430 ได้ทรงเป็นผู้แทนผู้บังคับการทหารล้อมวัง ซึ่งปัจจุบันคือกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์
ปี พ.ศ. 2431 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เป็นนายพันเอกผู้บังคับการทหารราบในกรมทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ จนได้เลื่อนเป็นนายพลตรี
ปี พ.ศ. 2433 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มาว่าการในหน้าที่ปลัดทหารบกใหญ่
ปี พ.ศ. 2435 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เป็นผู้บังคับการกรมทหารหน้า ซึ่งปัจจุบันคือกรมทหารราบที่ 4
นอกจากการรับราชการทหารอันเป็นหน้าที่เฉพาะแล้ว พลตรี พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศุขสวัสดิ กรมหมื่นอดิศรอุดมเดช ยังเคยทรงทำหน้าที่พิเศษถวายพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว คือ เป็นช่างถ่ายรูป ผู้บัญชาการมหาดเล็กตั้งเครื่องด้วย
ปี พ.ศ. 2455 ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ พลตรี พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศุขสวัสดิ กรมหมื่นอดิศรอุดมเดช เป็นผู้บัญชาการกองพลทหารบกที่ 10
ปี พ.ศ. 2456 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ย้ายมาเป็นผู้บัญชาการกองพลทหารบกที่ 4 และในปีนี้เอง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เลื่อนพระอิสริยยศเป็นกรมหลวง มีพระนามตามจารึกในพระสุพรรณบัฏว่า พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงอดิศรอุดมเดช ครุฑนาม ทรงศักดินา 15000 ตามพระราชกำหนดอย่างพระองค์เจ้าต่างกรมในพระบรมมหาราชวัง แล้วให้ทรงเลื่อนเจ้ากรมเป็นหลวงอดิศรอุดมเดช ถือศักดินา 800 ปลัดกรมเป็นขุนภูเบศร์บริรักษ์ ถือศักดินา 600 สมุห์บัญชีคงเป็นหมื่นประจักษ์พลขันธ์ ถือศักดินา 400 แล้วทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ย้ายมาเป็นผู้บัญชาการกรมพระคชบาล
ปี พ.ศ. 2460 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ย้ายมาเป็นจเรสัตว์พาหนะทหารบกและการทหารม้า และดำรงตำแหน่งนี้จนตลอดพระชนมายุ และในปีนี้ได้ทรงดำรงตำแหน่งนายทหารพิเศษประจำกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์
ปี พ.ศ. 2462 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เป็นนายพลโท
ปี พ.ศ. 2463 มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้เป็นนายทหารพิเศษประจำกรมทหารบกม้ากรุงเทพฯ รักษาพระองค์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
ในตอนปลายพระชนมายุ พลโท พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศุขสวัสดิ กรมหลวงอดิศรอุดมเดช มีพระอาการประชวรพระปัปผาสะ ครั้นถึง ณ วันที่ 16 เม.ย. 2468 ก็สิ้นพระชนม์โดยสงบ แวดล้อมด้วยพระโอรส พระธิดา ชายา และพระประยูรญาติอันสนิท เป็นที่เศร้าโศกสลดเสียดายแก่ผู้ใกล้ชิดพระองค์ทั่วกัน สิริพระชันษาได้ 69 ปี 1 เดือน 13 วัน ทรงเป็นต้นราชสกุลศุขสวัสดิ
สำหรับราชสกุลศุขสวัสดินั้น พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามสกุลอันเป็นมงคลนาม “ศุขสวัสดิ” ณ วันที่ 23 เม.ย. ปี 2458 พร้อมการเขียนเป็นตัวอักษรโรมันว่า “Sukhasvasti” ซึ่งคนโดยทั่วไปมักอ่านออกเสียงด้วยวิธีการอ่านตามสมัยนิยม ว่า “สุกสะหวัด” แต่โดยที่คำว่า “ศุข” นั้น เป็นคำสันสกฤตที่มีตัวสะกดอ่านออกเสียงเหมือนตัว ก ซึ่งหลักอักขรวิธีของไทย ได้กำหนดไว้ว่าเมื่อไปเข้าสมาสหน้าคำใดๆ จะต้องอ่านเสียงตัวสะกดนั้นอย่างมีสระ อะ ในเสียงกึ่งมาตราประสมอยู่ด้วยเสมอ ดังนั้นจึงควรอ่านออกเสียงนามราชสกุลที่พระราชทานนี้ ว่า “สุกขะสะหวัดดิ” ซึ่งน่าจะถูกต้องตามหลักภาษาและสอดคล้องกับคำโรมันที่พระราชทานไว้
ปัจจุบันสมาชิกในราชสกุลได้เขียนนามสกุลแตกต่างกันออกไป เป็น “ศุขสวัสดิ์” บ้าง หรือ “สุขสวัสดิ์” บ้าง แทนที่จะใช้ “ศุขสวัสดิ” ตามที่ได้รับพระราชทาน ทั้งนี้คงเนื่องมาจากในสมัยหนึ่งได้มีการกำหนดให้ตัดตัวอักษรภาษาไทยออกไปหลายตัว รวมทั้ง “ศ” และ “ษ” โดยให้คงไว้แต่ตัว “ส” ทำให้นามราชสกุลต้องเปลี่ยนผิดเพี้ยนไป ทั้งการเติมทัณฑฆาตก็คงเกิดขึ้นในช่วงเวลานี้ แม้ภายหลังเมื่อได้มีการกลับฟื้นฟูให้มีการใช้พยัญชนะและสระตามรูปแบบเดิมแล้ว แต่สมาชิกในราชสกุลบางท่านก็เปลี่ยน บางท่านก็ไม่เปลี่ยน หรือเปลี่ยนแล้วแต่ก็ยังคงให้มีทัณฑฆาตไว้ ทำให้เกิดการเขียนชื่อราชสกุลแตกกันออกไปเป็นถึงสามแนว โดยสมาชิกในราชสกุลที่ยังคงใช้นามราชสกุลตามต้นคำที่ได้รับพระราชทานนั้นมีอยู่ไม่มาก จนกลายเป็นชนหมู่น้อยในกลุ่มใหญ่ที่เขียนแปลกแตกต่างจากหมู่พวกไปอีก ทั้งยังพบว่ามีผู้ที่มิได้เกี่ยวดองเป็นผู้สืบราชตระกูล ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานทะเบียนท้องที่ให้จดทะเบียนนามสกุลของตนว่า “สุขสวัสดิ์” โดยมีกระจายอยู่ตามภูมิภาคต่างๆ บางท่านก็เป็นผู้มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก
ดังนั้น หากจะบ่งชี้ว่าผู้ใดเป็นผู้สืบราชตระกูลก็ต้องดูว่ามีการระบุฐานันดรหน้านามหรือมีสร้อยคำ “ณ อยุธยา” อันเป็นเครื่องหมายแสดงความเป็นราชตระกูลต่อท้ายนามสกุลอยู่หรือไม่
พลโท พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศุขสวัสดิ กรมหลวงอดิศรอุดมเดช ทรงมีหม่อม 12 คน มีพระโอรสพระธิดา 37 พระองค์ พระโอรสที่เป็นรู้จัก คือ พลเอก พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอลงกฎ กรมหมื่นอดิศรอุดมศักดิ์ ม.จ.ประสมสวัสดิ์ สุขสวัสดิ์ และ ม.จ.ประสพสุข ศุขสวัสดิ์ มีพระนัดดาที่มีชื่อเสียงในสังคมปัจจุบัน คือ ม.ร.ว.อรฉัตร ซองทอง ธิดาในม.จ.ประสมสวัสดิ์ และ ม.จ.กาญจนฉัตร ฉัตรชัย กับ ม.ร.ว.อุษณิสา ศุขสวัสดิ์ ธิดาใน ม.จ.ประสพสุข และ ม.จ.กฤษณาพักตร์พิมล ดิศกุล


