สภาลงมติ272:2เลื่อนปรองดองเป็นวาระด่วน
ขุนค้อนหักดิบให้โหวตลงมติเลื่อนร่างพ.ร.บ.ปรองดองขึ้นเป็นวาระด่วน หลังกมธ.ยันไม่เข้าข่ายกม.การเงิน เริ่มถก 1 มิ.ย. ฝ่ายค้านฉุนเขวี้ยงของใส่
ขุนค้อนหักดิบให้โหวตลงมติเลื่อนร่างพ.ร.บ.ปรองดองขึ้นเป็นวาระด่วน หลังกมธ.ยันไม่เข้าข่ายกม.การเงิน เริ่มถก 1 มิ.ย. ฝ่ายค้านฉุนเขวี้ยงของใส่
เมื่อวันที่ 31 พ.ค. คณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญทั้ง 35 คณะลงมติหลังจากใช้เวลาหารือนานกว่า 5 ชม.ตั้งแต่เวลา 11.30 น.เพื่อพิจารณาประเด็นว่าร่าง พ.ร.บ.ปรองดองแห่งชาติ จะถือเป็น พ.ร.บ.ทางการเงินด้วยหรือไม่นั้น ล่าสุดได้มีมติ 22:1 ยืนยันว่าพ.ร.บ.ปรองดองไม่ใช่ พ.ร.บ.การเงิน โดยต่อจากนี้จะนำ ร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวเข้าหารือในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรต่อไป
อย่างไรก็ตาม ในการลงมติครั้งนี้ทางตัวแทนของพรรคประชาธิปัตย์ได้วอลค์เอ้าท์ออกจากที่ประชุม โดยไม่ร่วมลงมติ โดยขั้นตอนต่อจากนี้ จะมีการนำร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการปรองดองแห่งชาติ เข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อลงมติว่าจะมีการเลื่อนขึ้นมาพิจารณาเป็นวาระเร่งด่วนหรือไม่
ต่อมา เมื่อเวลา 16.30 น.ได้เปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรอีกครั้งหนึ่ง โดยมีนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม โดยได้แจ้งผลการประชุมร่วมกันของประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ทั้ง 35 คณะ มีมติ 22 ต่อ 1 ว่าร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติ พ.ศ... ทั้ง 4 ฉบับ ไม่เกี่ยวกับการเงิน ดังนั้น จึงขอดำเนินการต่อหลังจากที่.นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน พรรคเพื่อไทย เสนอญัตติขอเลื่อนให้ขึ้นมาพิจารณาก่อนต่อจากเมื่อวาน (30พ.ค.)
ด้านนายธนา ชีรวินิจ สส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายว่า ตนและสส.พรรคได้ไปร่วมประชุมร่วมกับกรรมาธิการ ด้วย ซึ่งที่ประชุมบอกว่าพวกตนไม่มีสิทธิไปชี้แจงข้อสงสัยในกมธ. เราก็เคารพ ท่านจะคิดว่ามีคะแนนเสียงที่เบ็ดเสร็จแล้วก็ว่ากันไป แต่เมื่อกลับมายังการประชุมสภาฯ แล้วต้องปล่อยให้มีการซักถามว่ากมธ.ประชุมแล้วมีผลอย่างไร ไม่เป็นกฎหมายการเงินตรงไหน ต้องชี้แจงให้ที่ประชุมทราบ
"เรื่องนี้เป็นเรื่องของประเทศ ต้องชี้แจงให้ที่ประชุมทราบก่อนว่ากมธ.ไปพิจารณาความสงสัยของสมาชิกอย่างไร นี่คือการทำหน้าที่ของสภาฯ เพราะเรื่องนี้สำคัญมีเงินภาษีของประชาชน 4.6 หมื่นล้านบาท เป็นเดิมพัน แต่ถ้ามีความผิดพลาดเกิดขึ้นท่านจะยอมรับชดใช้ค่าเสียหายของแผ่นดินหรือไม่ไนยธนากล่าว
จากนั้น นายพีรพันธุ์ พาลุสุข สส.ยโสธร พรรคเพื่อไทย ประท้วงว่า เมื่อประธานได้แจ้งต่อที่ประชุมถึงผลการประชุมของกรรมาธิการแล้ว เรื่องก็ยุติ ประธานก็ต้องดำเนินการต่อไป เรื่องที่ยังค้างอยู่คือเรื่องที่เสนอให้เลื่อนหรือไม่เลื่อน ดังนั้น ตนขอให้ประธานได้ดำเนินการต่อไป
ด้านนายสุนัย กล่าวสนับสนุนว่า นายธนาไม่ได้เป็นกรรมาธิการ เราคุยกันกว่า 5 ชั่วโมงเศษ รวมทั้งสส.พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้วอคเอ้าท์ไปทั้งหมด เพราะมีมติ 22 ต่อ 1 คือ ซึ่ง 1 เสียงนั้น คือ นายเชน เทือกสุบรรณ สส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ ที่นั่งอยู่ในห้อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าขณะที่นายประกอบ รัตนเพียร สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ชี้แจงว่า การประชุมกรรมาธิการที่ใช้เวลากันนานนั้น เป็นการถกเถียงกัน โดยที่ไม่ได้คุยกันในรายละเอียดเลย ตนเสนอให้ดูกันทีละรายมาตรา และเรื่องการเชิญหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องมาร่วมประชุมด้วย
ทั้งนี้ ที่ประชุมไม่เปิดโอกาสให้มาซักถาม หรือเปิดโอกาสให้หน่วยงานมาชี้แจง ซึ่งตนได้ถามพล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน หัวหน้าพรรคมาตุภูมิ กับนายสามารถ แก้วมีชัย สส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ผู้เสนอร่าง ทำให้นายสมศักดิ์ เริ่มตัดบทไม่ให้นายประกอบพูดต่อ โดยระบุว่าเป็นการใช้สิทธิประท้วง ไม่ได้ให้ใช้สิทธิในการอภิปราย ซึ่งทำให้นายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล สส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ ตะโกนขึ้นมาว่า “ฟังหน่อยสิครับท่านประธาน”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสมศักดิ์พยายมตัดบทโดยให้มีการลงมติญัตติว่าจะขอเลื่อนวาระหรือไม่ ระหว่างนี้เองที่สส.พรรคปะชาธิปัตย์เริ่มมีการลุกขึ้นยืนประท้วง พร้อมด้วยการส่งเสียงตะโกนโห่ฮาอยู่เป็นระยะ จนทำให้นายสมศักดิ์ กล่าวอย่างมีอารมณ์ว่า นี่คือสภาผู้แทนราษฎร
ทั้งนี้ จะอนุญาตให้อภิปรายได้อีกไม่กี่คน ซึ่งเป็นอำนาจของประธานว่าจะให้พูดหรือไม่ ขณะนั้นเองนายวัชระ เพชรทอง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ท่านต้องให้ตำรวจสภาปลดอาวุธก่อน เพราะมีการพกอาวุธเข้ามาในที่ประชุม
จากนั้น นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวว่า ตนอยากสอบถามประธานในฐานะที่เป็นประธานในที่ประชุมกมธ.ว่าที่มาที่ไปของมติเป็นอย่างไร และขอทราบเรื่องกระบวนการพิจารณาจนกระทั่งเป็นที่มาของมติ แต่นายพิชิต ชื่นบาน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ได้ประท้วงว่า กระบวนการจบไปแล้ว ถ้าจะมาสอบถามอีกก็จะผิดรัฐธรรมนูญ
ทำให้นายสมศักดิ์ชี้แจงว่า ยืนยันว่ามติว่าร่างพ.ร.บ.ปรองดองทั้ง 4 ฉบับไม่เป็นกฎหมายการเงิน ไม่มีเหตุอะไรที่เกี่ยวกับกฎหมายเงิน ดังนั้น ควรต้องดำเนินการต่อ ถ้าไม่มีใครเห็นเป็นอื่น ตนจะขอมติว่าจะให้เลื่อนวาระดังกล่าวขึ้นมาพิจารณาหรือไม่ พร้อมทั้งขอตรวจสอบองค์ประชุม ซึ่งทำให้ส.ส.ประชาธิปัตย์พากันส่งเสียงโห่แล้วพากันลุกขึ้นไปประท้วงอยู่ที่หน้าบัลลังค์นำโดยนพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก นพ.สุกิจ อัตโถปกรณ์ ส.ส.ตรัง นายอรรถพร พลบุตร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายจุมพล จุลใส ส.ส.ชุมพร โดยที่บนบัลลังค์ของประธานมีตำรวจสภายืนคุ้มกันอยู่ทั้งสองข้างของประธาน แต่นายสมศักดิ์ก็ยังให้มีการตรวจสอบองค์ประชุม ด้วยการพูดอย่างรวดเร็วไม่ฟังเสียงประท้วงของส.ส.พรรคประชาธิปัตย์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผลการแสดงตนปรากฎว่ามีองค์ประชุม 276 คน ถือว่าครบองค์ประชุม จากนั้นประธานก็ให้สมาชิกลงมติว่าจะเห็นด้วยหรือไม่กับการเลื่อนญัตติ ท่ามกลางเสียงโห่ร้องของส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ สุดท้ายผลการลงมติเห็นด้วยให้เลื่อนร่างพ.ร.บ.ปรองดองขึ้นมาพิจารณาเป็นลำดับแรก 272 ต่อ 2 เสียง งดออกเสียง 1 และไม่ลงคะแนนเสียง 1 เสียง ซึ่งเมื่อลงคะแนนเสร็จนายสมศักดิ์ได้แจ้งนัดประชุมในวันพรุ่งนี้ (1 มิ.ย.) เวลา 09.30 น. และได้สั่งปิดการประชุมในทันทีเวลา 17.05 น.
หลังจากนายสมศักดิ์กดออดปิดประชุม ทำให้ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ที่ยืนอยู่หน้าบัลลังก์ของประธานเกิดความไม่พอใจอย่างมาก โดยนพ.วรงค์ นายอรรถพร และนายจุมพล ได้พากันขว้างปาเอกสารและหนังสือข้อบังคับการประชุมของเจ้าหน้าที่ที่วางอยู่หน้าบัลลังค์ปาขึ้นไปยังที่นั่งประธานจนโดนตัวนายสมศักดิ์บริเวณหน้าอกข้างซ้าย ทำให้นายสมศักดิ์ต้องรีบลุกออกจากบัลลังก์ไปในทันที โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจสภากันตัวนายสมศักดิ์ออกไปยังด้านหลัง ท่ามกลางการขว้างปาเอกสารของส.ส.พรรคประชาธิปัตย์
นอกจากนี้ ยังมีความวุ่นวายอื่นๆ คือ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ สส.กทม. พรรคเพื่อไทย ได้เดินไปต่อว่านายธานี เทือกสุบรรณ สส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ ด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจ ขณะที่นายการุณ โหสกุล สส.กทม. พรรคเพื่อไทย ก็ปรี่เข้าไปจะร่วมวงด้วย ทำให้ตำรวจสภาต้องรีบไปกันตัวออก เพราะเกรงว่าจะเกิดการปะทะกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ภายหลังจากปิดการประชุม นายสมศักดิ์ รวมถึงรองประธานสภาฯ และสส.ของพรรคเพื่อไทย ได้รีบขึ้นรถออกจากรัฐสภาไปในทันที


