เลือกตั้งซ่อม...เชียงใหม่ พท.เสียวสันหลัง
เลือกตั้งซ่อมเขต 3 จ.เชียงใหม่ แทน“ชินณิชา วงศ์สวัสดิ์” ซึ่งถูกตัดสิทธิการเมือง 5 ปี
โดย...ธนพล บางยี่ขัน
เลือกตั้งซ่อมเขต 3 จ.เชียงใหม่ แทน“ชินณิชา วงศ์สวัสดิ์” ซึ่งถูกตัดสิทธิการเมือง 5 ปี ด้วยปมปัญหาการแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ ถือเป็นอีกเดิมพันสำคัญของ “เพื่อไทย” หรือยิ่งกว่านั้น อาจถือเป็นเดิมพันสำคัญของตระกูลชินวัตร
แน่นอนว่าการรักษาแชมป์ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นฐานที่มั่นของทั้งพรรคเพื่อไทยและคนเสื้อแดงแทบไม่ใช่เรื่องยากเย็น โดยเฉพาะในวันที่คู่แข่งสำคัญอย่างประชาธิปัตย์ยังไม่อาจพลิกตำราหากลยุทธ์เข้าไปเจาะฐานเพื่อไทยได้
ส่องดูผลการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 3 ก.ค. 2554 “ชินณิชา” หลานสาวแท้ๆ ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่ลงสนามในฐานะ “นอมินี” เจ๊แดง เยาวภา และสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ สามารถเอาชนะ “วีระวุฒิ เทพเรือง” ผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ ไปแบบไม่เห็นฝุ่นทิ้งห่างเกือบ 4 เท่าตัว 81,863 ต่อ 21,987 คะแนน สอดรับกับคะแนนบัญชีรายชื่อในพื้นที่ 81,284 ต่อ 20,302 คะแนน
แต่การเลือกตั้งซ่อม เขต 5 จ.ปทุมธานี ที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้
จากพื้นที่สีแดงเหนียวแน่น แต่ “เกียรติศักดิ์ ส่องแสง” ผู้สมัคร จากประชาธิปัตย์ สามารถเอาชนะ “สมชาย รังสิวัฒนศักดิ์” ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย แบบพลิกความคาดหมาย
วิเคราะห์ผลหลังการเลือกตั้ง เหตุผลสำคัญทั้งคุณสมบัติส่วนตัวที่ “เกียรติศักดิ์” ทำคะแนนต่อเนื่องในพื้นที่ โดยเฉพาะช่วงน้ำท่วมที่สร้างผลงานโดนใจชาวบ้าน หรือจะเป็นเหตุผลของการแตกกันเองของเสื้อแดงเพื่อไทย จนคะแนนเสียงจากเสื้อแดงในพื้นที่ไม่ได้เทไปยังพรรคเพื่อไทยอย่างที่ควรจะเป็น
ไปจนถึงปมปัญหาเรื่อง “ของแพง” ที่สร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้านต่อเนื่อง โดยที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ไม่ได้แสดงออกถึงความตั้งใจถึงการแก้ปัญหาอย่างจริงจัง จนฉุดกระชากให้คะแนนนิยมตกต่ำกลายเป็นบทเรียนสั่งสอนพรรคเพื่อไทยผ่านการเลือกตั้งพรรค
ไม่ต่างจากสนามเลือกตั้งท้องถิ่น เมื่อผู้สมัครฝั่งเพื่อไทยต้องพ่ายแพ้ไปหลายสนาม ทั้ง “สุเมธ ฤทธาคนี” ซึ่งทิ้งเก้าอี้ สส.ไปลงแข่งชิงเก้าอี้นายก อบจ.ปทุมธานี แต่ก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับแชมป์เก่า “ชาญ พวงเพ็ชร์” แบบหลุดลุ่ย
ถัดมาที่การเลือกตั้งนายกเทศมนตรีนครเชียงราย “วันชัย จงสุทธนามณี” จากฝั่งภูมิใจไทย ตอกย้ำความพ่ายแพ้ให้กับ “สมพงษ์ กูลวงศ์” จากพรรคเพื่อไทยไปอีกดอก ทั้งที่เชียงรายเองก็จัดเป็นอีกพื้นที่สีแดงที่เหนียวแน่น
ไม่เว้นแม้แต่ “พล.ท.มะ โพธิ์งาม” ที่ต้องแพ้ให้กับ “รังสรรค์ รัศมีฤกษ์เศรษฐ์” ผู้สมัครฝั่งประชาธิปัตย์ ในสนามเลือกตั้งนายก อบจ.กาญจนบุรี
ความพ่ายแพ้ในหลายสนามเลือกตั้งที่ผ่านมา ทำให้ “เพื่อไทย” สูญเสียความมั่นใจไปไม่น้อย หลังจากได้รับชัยชนะถล่มทลายในการเลือกตั้งทั่วไปที่ผ่านมา สนามเลือกตั้งซ่อม “เชียงใหม่” เที่ยวนี้จึงเป็นนัดล้างตา ที่เพื่อไทยจะต้องใช้โอกาสนี้ สร้างขวัญกำลังใจและความฮึกเหิมให้พรรค
ดังนั้น เลือกตั้งเที่ยวนี้ จึงย่อมหวังมากกว่า “ชัยชนะ” แต่ต้องมองไปถึงคะแนนเสียงที่มากกว่าเดิม เพื่อ “ฟื้นความมั่นใจ” และสกัดความฮึกเหิมประชาธิปัตย์ ซึ่งหวังใช้โอกาสนี้แซะฐานแดง
เป้าหมาย “ประชาธิปัตย์” จึงอาจไม่ต้องหวังถึงขั้นคว้าชัยชนะปักธงกลางเมืองหลวงแดง เพราะแค่ทำคะแนนให้ได้มากกว่าฐานเดิม 21,987 คะแนน ก็ถือเป็นชัยชนะยกแรกแล้ว หรือหากพรรคเพื่อไทยได้คะแนนน้อยกว่าเดิม 81,863 คะแนน ก็ถือเป็นความพ่ายแพ้ทางการเมือง
“ปทุมธานีโมเดล” จึงยังเป็นปมปัญหาที่ตามหลอกหลอนเพื่อไทย
ยิ่งการเลือกตั้งซ่อมรอบนี้ รอยร้าวระหว่างเสื้อแดงและเพื่อไทย เริ่มก่อตัวในช่วงคัดตัวคนลงสมัคร เมื่อเสื้อแดงเชียงใหม่ออกมาผลักดันคนของตัวเองลงสมัครเลือกตั้งซ่อม จนถึงขั้นหยิบยกประเด็น “ไพรมารีโหวต” ให้พื้นที่มีส่วนเลือกผู้สมัคร
แต่สุดท้าย “เจ๊แดง เยาวภา” ก็ผลักดันคนของตัวเองเสียบลงสมัครเลือกตั้งซ่อมรักษาเก้าอี้ของ “ชินณิชา” ท่ามกลางเป็นที่จับจ้องว่าจะทำให้กระทบกับฐานคะแนนเสื้อแดงบางส่วน
ทว่าหลังเพื่อไทยมีมติส่ง “เกษม” ลงชิงตำแหน่งนี้ “พิชิต ตามูล” แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เชียงใหม่ ก็ออกมาส่งสัญญาณสงบศึก เคารพมติพรรคเพื่อไทยและยุติเรื่องราวความเคลื่อนไหว พร้อมให้การสนับสนุน “เกษม” และรณรงค์ประชาชนมาให้สิทธิเลือกตั้งมากที่สุด เพราะถือเป็นตัวแทนพรรคที่ทุกฝ่ายเห็นชอบแล้ว
ทางฝั่งประชาธิปัตย์เที่ยวนี้ เฟ้นหาตัวว่าที่ผู้สมัครหน้าใหม่ “วีระวุฒิ” แทนผู้สมัครเดิม ซึ่งมีสองรายชื่อสุดท้ายอยู่ระหว่างรอเคาะจากส่วนกลาง ซึ่งทั้งคู่ล้วนแต่เป็นหน้าใหม่ที่มีฐานในพื้นที่ค่อนข้างดี
ทั้ง “จีรพัฒน์ ธาตุอินทร์จันทร์” รองประธานเครือข่ายองค์กรชุมชน จ.เชียงใหม่ และรองประธานลูกเสือชาวบ้าน จ.เชียงใหม่ และ “กัลยกรณ์ เจียมกิจวัฒนา” นักจัดรายการวิทยุชุมชน ภรรยา “เทอดศักดิ์ เจียมกิจวัฒนา” แกนนำกลุ่มทหารเสือพระราชา (เสื้อเหลือง)
ขณะที่ประชาธิปัตย์ เทอดพงษ์ ไชยนันท์ แกนนำภาคเหนือเปรยว่าแค่คะแนนกระเตื้องก็ถือว่าประสบความสำเร็จ
งานนี้ “เพื่อไทย” ไม่อาจนิ่งนอนใจปล่อยให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเหมือนเลือกตั้งอื่นๆ ที่ผ่านมา ทั้งทัพใหญ่ ทัพย่อย ล้วนแต่เดินหน้าช่วยหาเสียงในพื้นที่ โดยเฉพาะวันที่ 12 พ.ค. ที่นายกฯ ยิ่งลักษณ์ จะนำทัพไปช่วยหาเสียงในพื้นที่ รวมทั้งจัดทีมคณะรัฐมนตรี (ครม.) และ สส.หมุนเวียนลงไปพบปะชาวบ้าน ในช่วงวันหยุดราชการและวันที่ไม่มีการประชุมสภาทุกสัปดาห์
จากนี้จึงต้องรอลุ้นผลเลือกตั้งซ่อมสนามนี้ที่เดิมพันด้วยศักดิ์ศรี ต้องพิสูจน์กันในวันที่ 2 มิ.ย. 55


