น้ำเริ่มมาแล้ว...เตือน15จ.รับมือฝนตกหนัก-น้ำท่วม
กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศเตือนภัย “ฝนตกหนัก น้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก” ในพื้นที่ 15 จังหวัด ประกอบด้วย
โดย...ทีมข่าวภูมิภาค
กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศเตือนภัย “ฝนตกหนัก น้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก” ในพื้นที่ 15 จังหวัด ประกอบด้วย เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง แพร่ น่าน อุตรดิตถ์ สุโขทัย ตาก กำแพงเพชร พิษณุโลก เพชรบูรณ์ อุทัยธานี กาญจนบุรี และราชบุรี ระหว่างวันที่ 7-9 พ.ค.นี้ ผลพวงจากอิทธิพลลมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมประเทศไทย ยังคงมีกำลังค่อนข้างแรง ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมภาคเหนือ ลักษณะเช่นนี้ทำให้ทางตะวันตกของประเทศและภาคตะวันออกยังมีฝนหนาแน่น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งโดยเฉพาะในภาคเหนือ
ทั้งนี้ พื้นที่ จ.ลำปาง หลังเกิดฝนตกหนักติดต่อกัน 3 วัน 3 คืน ส่งผลให้ท่อระบายน้ำในเขตตัวเมืองน้ำไหลไม่ทันทะลักท่วมในพื้นที่ลุ่มต่ำ อาทิ ถนนสายหลักกลางเมืองลำปาง บริเวณตั้งแต่แยกประตูชัยหน้าสำนักงานการบินลำปาง ร้านค้าที่อยู่สองฝั่งต้องหากระสอบทรายมาปิดหน้าร้าน แผงลอยต้องยกสิ่งของไว้บนที่สูง ตำรวจต้องนำแผงจราจรมาปิดกั้นทั้งสองฝั่ง เพื่อไม่ให้รถเล็กวิ่งผ่านเนื่องจากปริมาณน้ำสูง
ขณะเดียวกันที่ถนนสายซูเปอร์ไฮเวย์ลำปางงาว บริเวณด้านหน้าสนามกอล์ฟค่ายสุรศักดิ์มนตรี น้ำป่าที่ไหลลงจากภูเขาได้ท่วมถนนระดับน้ำสูงเกือบ 40 ซม. เจ้าหน้าที่ต้องปักป้ายเตือนและนำกรวยมาวางเป็นระยะ ทำให้รถที่วิ่งผ่านต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากบริเวณดังกล่าวมักจะมีรถได้รับอุบัติเหตุเนื่องจากน้ำท่วมขังเป็นประจำ
นอกจากนี้ ยังพบว่าน้ำได้ท่วมขังเพิ่มเติมอีก คือ บริเวณถนนสายซูเปอร์ไฮเวย์ลำปาง-งาว บริเวณแยกภาคเหนือ (หลักกิโลยักษ์) น้ำจากคันคลองชลประทานได้ไหลทะลักเอ่อถนนเพิ่มขึ้น เจ้าหน้าที่ต้องมาคอยอำนวยความสะดวกเกรงจะเกิดอันตราย ขณะที่ในหมู่บ้านทองประเสริฐ ซึ่งเป็นที่ลุ่มต่ำ น้ำจากท่อระบายนน้ำได้เอ่อขึ้นมาท่วมถนนกลางหมู่บ้านเพิ่มขึ้นอีกเช่นกัน
ที่ จ.แพร่ ฝนตกหนักติดต่อกัน 2 วัน ทำให้ถนนสายเด่นชัย-ลำปาง ระหว่างหลัก กม.ที่ 36-37 ต.บ่อเหล็กลอง อ.ลอง ดินได้ทรุดตัวลงเป็นระยะทางยาวกว่า 300 เมตร ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเร่งนำเอาแผงกั้นและป้ายเตือนมาตั้งขวางถนนไว้ และห่างจากจุดถนนทรุดตัวประมาณ 500 เมตร ก็มีดินสไลด์ลงมาทับเส้นทางระหว่าง กม.ที่ 37-38 ซึ่งเดิมทางเจ้าหน้าที่ได้เร่งซ่อมแซมของเดิมที่เสียหาย แต่ก็ต้องหยุดชะงักเนื่องจากดินได้สไลด์ลงมาทับต่ออีกจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ได้ปิดเส้นทางให้รถเดินได้ทางเดียว
ที่ จ.อุตรดิตถ์ ฝนกระหน่ำติดต่อกัน 2 วัน ทำให้ถนนศรีชาววังที่เพิ่งสร้างใหม่เมื่อปลายเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งเชื่อมระหว่างเขตเทศบาลเมืองอุตรดิตถ์กับเทศบาลตำบลบ้านเกาะ อ.เมือง เกิดการทรุดตัวตลอดทั้งสองข้างถนน มีความยาวตลอดทั้งสายกว่า 2 กิโลเมตร บางช่วงทรุดเป็นทางยาว บางช่วงยุบเป็นโพรงลึกลงราว 1-2 ฟุต บางช่วงที่มีเสาไฟฟ้าแรงสูงสามารถมองเห็นได้ชัดเจนว่า เสาไฟหลายต้นมีสภาพเอียง ทำให้ชาวบ้านไม่กล้าที่จะเดินบนทางเท้า เนื่องจากทรายด้านล่างยุบตัวเกรงจะได้รับอันตรายได้ จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งทำการซ่อมแซมอย่างเร่งด่วน
สุรชัย ธัชกวิน ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จ.อุตรดิตถ์ กล่าวว่า ฝนที่ตกหนักติดต่อกัน 2 วัน ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมขังพื้นที่ทำการเกษตร โดยเฉพาะในพื้นที่ ต.น้ำพี้ อ.เมือง และเขต อ.ทองแสนขัน แต่ยังไม่มีรายงานความเสียหาย เนื่องจากเป็นเพียงน้ำหลาก ส่วนที่ ต.น้ำไผ่ อ.น้ำปาด ที่ถูกดินโคลนถล่มเมื่อช่วงต้นเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา ได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ ปภ. และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ได้เฝ้าระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากยังมีบางจุดที่ยังเสี่ยงภัยอยู่ หากเกิดเหตุให้รีบเร่งอพยพชาวบ้านออกมาอยู่ที่ปลอดภัย ซึ่งขณะนี้ได้เตรียมพร้อมรับมือแล้ว เช่นเดียวกับทั้ง 9 อำเภอก็มีการแจ้งเดือนแล้วเช่นกัน
จำลอง เกิดเทวา เกษตรกรผู้ปลูกต้นหอมบ้านบึงพระ ต.บึงพระ อ.เมือง จ.พิษณุโลก กล่าวว่า ฝนตกลงมาในช่วงนี้ ทำให้เกษตรกรต้องรีบเก็บผลผลิตทางการเกษตรส่งขายให้กับพ่อค้าคนกลาง เนื่องจากกลัวว่าผลผลิตที่ปลูกไว้จะเสียหายหมด อีกทั้งราคาในช่วงนี้ก็มีการรับซื้อราคาที่สูงขึ้น เช่น หัวหอม ที่ตอนปลูกไว้กว่า 1 งาน จะมีพ่อค้าคนกลางมารับซื้อถึงแปลง
“ก่อนหน้านี้ต้นหอมจะรับซื้อกิโลกรัมละ 25 บาท แต่ขณะนี้ราคารับซื้ออยู่ที่กิโลกรัมละ 35 บาท เมื่อไปขายตามท้องตลาดก็จะปรับราคาขึ้น 5-10 บาท ซึ่งราคาที่ขยับขึ้นถือว่าช่วยเหลือเกษตรกรได้มากขึ้น เพราะที่ผ่านมาผลผลิตจะได้น้อย เพราะสภาพอากาศที่แห้งแล้ง ราคารับซื้อก็ไม่สูง” เกษตรกรผู้ปลูกต้นหอมบ้านบึงพระ กล่าว


