ครม.ให้สุรพงษ์ประสานพม่าแก้หมอกควันเหนือ
ครม.สั่งสุรพงษ์ดูข้อตกลงขอความร่วมมือพม่าลดปัญหาหมอกควัน มอบ"เฉลิม"ลงพื้นที่ตามความคืบหน้า 3 วัน
ครม.สั่งสุรพงษ์ดูข้อตกลงขอความร่วมมือพม่าลดปัญหาหมอกควัน มอบ"เฉลิม"ลงพื้นที่ตามความคืบหน้า 3 วัน
นายภักดีหาญส์ หิมะทองคํา รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ขอให้รายงานสภาพปัญหาหมอกควันในพื้นที่ 9 จังหวัดภาคเหนือ ซึ่งมีปริมาณสูงกว่าเกณณฑ์มาตรฐานทรี่กำหนดให้ไม่เกิน 120 ไมโครกรัม
นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รายงานถึงการลงตรวจพื้นที่ 9 จังหวัด โดยมีการกำชับให้นำกฎหมายที่เกี่ยวข้องมาบังคับใช้ให้มีประสิทธิภาพ ทั้งกฎหมายสาธารณสุข ที่เกี่ยวกับมลภาวะเป็นพิษ พ.ร.บ.จราจรทางบก มาตรา 20 กรณีที่มีผู้ทำให้เกิดเพลิงไหม้ไหล่ทางมีความผิด พร้อมกันนี้ขอให้นำดาวเทียมจิสด้า มาถ่ายดูผลการปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่และหลังปฏิบัติมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร
แหล่งข่าวจากที่ประชุม ครม.เปิดเผยว่า มีการรายงานว่า สถานการณ์หมอกควันที่มากเกินเกณฑ์ปกติ ส่วนใหญ่มาจากประเทศพม่า ลุกลามมาถึงภาคเหนือของประเทศไทย นายกฯจึงขอให้ นายสุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ ไปพิจารณากรอบข้อตกลงต่างๆที่ทำกับประเทศพม่า เพื่อหาช่องทางคุยกับพม่าในการช่วยลดปัญหาหมอกควันได้หรือไม่ ขณะที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ ได้รับมอบหมายให้ลงพื้นที่เป็นเวลา 3 วัน โดยเริ่มตั้งแต่วันพรุ่งนี้( 7 มี.ค. ) เพื่อติดตามความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหา ทั้ง 9 จังหวัด
นพ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ รมช.สาธารณสุข เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้หารือกันถึงการแก้ปัญหาหมอกควันในพื้นที่ 8 จังหวัดภาคเหนือ ซึ่งมีรายงานเพิ่มเติมว่าได้กระจายไปอีก 1 จังหวัด ทำให้มีจังหวัดประสบภัยแล้ว ได้แก่ จ.ลำปาง แพร่ ลำพูน เชียงราย พะเยา เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน น่าน และ ตาก
นพ.สุรวิทย์ กล่าวว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กำชับให้ รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่และหาวิธีการแก้ปัญหาโดยเร็ว รวมถึงให้กระทรวงมหาไทย นำมาตรการทางกฎหมายมาบังคับใช้ให้มีประสิทธิภาพกับผู้เผาป่า
ทั้งนี้ ได้นำเสนอนายกฯว่า วิธีหนึ่งที่จะแก้ปัญหาได้ คือการรณรงค์ให้เกษตรกรเปลี่ยนวิธีเผามาเป็นการนำเศษใบไม้ใบหญ้ามาทำปุ๋ยชีวภาพ ซึ่งเป็นผลการวิจัยของมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ในการจัดทำเครื่องย่อยสลายใบไม้ เมื่อย่อยสลายใบไม้ซางข้าวโพด ก็นำมาเข้าสู่กระบวนการทำปุ๋ยชีวภาพต่อไป โดยปัจจุบัน เครื่องย่อยสลายใบไม้มีจำหน่ายในท้องตลาดแล้ว ราคาเครื่อง 1.5 แสนบาท พร้อมกับใบมีด 3 หมื่นบาท รวม 1. 8 แสนบาท สามารถจัดซื้อให้ อบต. 917 ตำบตำบลที่ได้รับผลกระทบ ตำบลละ 1 เครื่อง คิดเป็นงบประมาณ 160 ล้านบาท โดยนายกฯเห็นด้วยกับข้อเสนอ ส่งเรื่องให้กระทรวงมหาดไทยนำไปพิจารณาต่อไป


