posttoday

บราซิล:เสือเศรษฐกิจตัวใหม่

16 มกราคม 2555

สัปดาห์ที่แล้วเขียนเกี่ยวกับกลุ่มประเทศเกิดใหม่และกำลังจะกลายเป็นมหาอำนาจทางด้านเศรษฐกิจของโลกที่เรียกกันว่า

โดย...รวิภาส  กล่ำทวี

สัปดาห์ที่แล้วเขียนเกี่ยวกับกลุ่มประเทศเกิดใหม่และกำลังจะกลายเป็นมหาอำนาจทางด้านเศรษฐกิจของโลกที่เรียกกันว่า “กลุ่มประเทศบริกส์” อันประกอบไปด้วยบราซิล รัสเซีย อินเดีย และจีน ซึ่งเมื่อนำเอาประชากรมารวมกันทั้ง 4 ประเทศแล้ว ก็มีจำนวนมากเกือบครึ่งโลก และถ้านำเอาตัวเลขทางเศรษฐกิจ (เฉพาะตัวเลขจีดีพี) มารวมกัน ก็จะกลายเป็นกลุ่มที่ทรงพลังด้านมหาอำนาจเศรษฐกิจโลกทันที แซงหน้าสหรัฐและยุโรปอย่างไม่ยากเย็น

สัปดาห์นี้ผู้เขียนจะว่าต่อด้วยเรื่องราวด้านเศรษฐกิจเกี่ยวกับบราซิล ซึ่งถือเป็นประเทศอักษรตัวแรกของกลุ่ม เนื่องจากเป็นอีกหนึ่งประเทศที่น่าจับตามองและต้องการดูว่าบราซิลมีปัจจัยอะไรที่มีส่วนผลักดันให้มีการพัฒนาด้านเศรษฐกิจจนน่าประหลาดใจ โดยเฉพาะในรอบ 1 ทศวรรษ

บราซิลในปัจจุบันมีประชากรราว 180 ล้านคน มากกว่ารัสเซียอยู่ประมาณ 40 ล้านคน ในช่วงก่อนหน้าทศวรรษที่ผ่านมาถือได้ว่าเป็นประเทศที่ประสบปัญหาด้านเศรษฐกิจพอสมควร โดยเฉพาะปัญหาเงินเฟ้ออย่างรุนแรง (Hyperinflation) จนทำให้ค่าเงินของบราซิลแทบจะไม่มีความหมายและเป็นปัญหาใหญ่ที่ทำให้นักลงทุนระหว่างประเทศไม่กล้าไปลงทุน

ปัจจุบันบราซิลกลายเป็นประเทศที่บรรดาบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านการลงทุนทางการเงินในยุโรปตะวันตกและสหรัฐต่างแย่งกันเข้าไปเป็นเจ้าของและจับจองทรัพย์สินของบราซิลกันอย่างอลหม่าน เพราะพวกเขาคาดว่าเศรษฐกิจของบราซิลจะดีขึ้นเรื่อยๆ ตลอด 1-2 ทศวรรษหน้า ตัวเลขขนาดเศรษฐกิจของบราซิลเมื่อปีที่แล้ว อยู่ที่ 2.1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ (ของจีนอยู่ที่ 6 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ) และถ้าบราซิลสามารถรักษาระดับความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจให้ได้ในระดับปัจจุบันอีกภายในปี 2050 (จากการคาดการณ์ของโกลด์แมน แซคส์) ระบุว่าตัวเลขขนาดเศรษฐกิจของบราซิลจะสูงถึง 10 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ และจะใหญ่กว่าขนาดเศรษฐกิจของเยอรมนีและญี่ปุ่น

ตั้งแต่ปี 1950 เป็นต้นมา อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของบราซิล (ตัวเลขจีดีพี) จะเฉลี่ยต่อปีประมาณ 5.3% แต่ช่วงระหว่างปี 1995-2005 ตัวเลขดังกล่าวถอยลงมาอยู่ที่ประมาณ 2.9% ต่อปี ซึ่งเป็นเพราะเป็นช่วงที่รัฐบาลบราซิลกำลังเข้าสู่ช่วงของการปรับเปลี่ยนนโยบายด้านเศรษฐกิจเพื่อให้เติบโตในระยะยาว ต่อมาระหว่างปี 2008-2009 ขณะที่เศรษฐกิจในสหรัฐและยุโรปกำลังแย่ แต่บราซิลกลับกลายเป็นประเทศที่เข้มแข็ง มีบทบาทสูงทั้งด้านเศรษฐกิจและการเมืองระหว่างประเทศ (โดยเฉพาะเป็นหนึ่งในประเทศแถวหน้าของกลุ่มประเทศจี20)

ปัจจัยอะไรที่ทำให้บราซิลกำลังกลายเป็นเสือเศรษฐกิจ ที่เด่นๆ เห็นจะเป็นดังต่อไปนี้ 1) ผู้กำหนดนโยบายทางเศรษฐกิจและการเมือง 2) สภาพแวดล้อมทางการเมืองที่เอื้อต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศและเป็นแม่เหล็กดึงดูดนักลงทุนต่างประเทศ 3) จุดขายด้านทรัพยากร ไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรม การกีฬา (โดยเฉพาะฟุตบอล) ทรัพยากรธรรมชาติและสถานที่ท่องเที่ยว

ตั้งแต่ช่วงปี 1990 เป็นต้นมา บราซิลต้องเผชิญกับปัญหาเงินเฟ้ออย่างรุนแรง เมื่อประธานาธิบดีเฟอร์นานโด เอ็นริเก คาร์โดโซ เข้ามารับตำแหน่งเมื่อประมาณปี 1995 เขาได้ตัดสินใจอย่างเด็ดขาดที่จะต้องแก้ไขปัญหาเงินเฟ้อให้สำเร็จ แม้ว่าจะต้องเผชิญกับปัญหามากมายที่เป็นผลพวง สิ่งที่ประธานาธิบดีบราซิลแสดงออกให้โลกเห็น ได้แก่ วิสัยทัศน์ที่เด็ดเดี่ยวและแน่นอน ที่จะต้องนำพาประเทศไปสู่อนาคตที่ดีและก้าวหน้า ที่สำคัญก็คือ รู้ปัญหาอย่างแท้จริงและสามารถกำหนดกลยุทธ์ในการแก้ไขปัญหาระยะยาวได้อย่างอดทนและไม่คิดถึงประโยชน์ทางการเมือง

ผู้นำคนต่อมาชื่อ ลูอิซ อินาซิโอ ลูลา ดาซิลวา ซึ่งเป็นผู้ที่มีแนวคิดทางการเมืองแตกต่างจากคาร์โดโซ ก็ยอมเดินตามนโยบายของคาร์โดโซ เพื่อเห็นแก่ประเทศชาติ จนกระทั่งถึงผู้นำคนปัจจุบันซึ่งเป็นสุภาพสตรีชื่อประธานาธิบดีดิลมา รุสเซฟ ก็ยังคงนโยบายด้านการปฏิรูปเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องต่อจากดาซิลวา เพื่อความเจริญเติบโตด้านเศรษฐกิจของประเทศ กล่าวโดยสรุปคือ ผู้นำประเทศของบราซิลให้ความสำคัญกับนโยบายที่มั่นคงและความเจริญของประเทศเป็นหลักมากกว่าความสำเร็จทางการเมืองของตนเองอย่างในหลายประเทศกำลังพัฒนา (รวมทั้งไทย)

จากการที่นโยบายด้านเศรษฐกิจและการเมืองที่มั่นคงและไม่เปลี่ยนแปลง ทำให้เกิด “ความมีเสถียรภาพทางการเมือง” ในบราซิล ที่เป็นปัจจัยทำให้นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศมั่นใจที่จะดำเนินการลงทุนในภาคเศรษฐกิจที่พวกเขาเหล่านั้นถนัดและมีกำไร จะเห็นว่าการเมืองและเศรษฐกิจเป็นเรื่องที่แยกจากกันไม่ออก ถ้าการเมืองดีมีความมั่นคงเศรษฐกิจก็จะมีความมั่นคงตามไปด้วย เมื่อนำเอาความเป็นผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ก้าวไกลมารวมเข้ากับทรัพยากรต่างๆ ที่มากมายและเข้มแข็งภายในประเทศก็เป็นจุดที่ทำให้บราซิลสามารถควบคุมเงินเฟ้อได้ในที่สุดและกำลังเดินหน้าไปอย่างต่อเนื่องและไม่มีทีท่าว่าจะฉุดอยู่ (ถึงแม้ว่าอาจจะตามหลังจีนไม่ทันก็ตาม)

ในปี 2014 บราซิลจะเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก และในปี 2016 จะเป็นเจ้าภาพกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อนในเมืองหลวงรีโอเดจาเนโร ก็คงไม่ต้องสงสัยว่าบราซิลจะต้องเตรียมการอะไรเป็นอย่างดีบ้าง จากสิ่งที่เขียนมาทั้งหมดจะเห็นว่า “ถ้าการเมืองมีความมั่นคงหรือมีเสถียรภาพ ทั้งผู้นำประเทศและผู้แทนประชาชนมีความรู้ มีวิสัยทัศน์ เห็นแก่ประเทศชาติเป็นหลัก ไม่เสียเวลาทะเลาะเบาะแว้งกันเหมือนเด็ก ความเจริญด้านเศรษฐกิจย่อมเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน”

 

ข่าวล่าสุด

ตลาดหุ้นสหรัฐปิดผสม หุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์–พลังงานกดดัน S&P 500