posttoday

ชีวิตคนทวนน้ำริมคลองรังสิต

22 ตุลาคม 2554

เมื่อเหตุการณ์เป็นแบบนี้ทำไมรัฐบาลไม่บอกความจริงประชาชน ทำให้คน กทม. เข้าใจผิดมาตลอดว่ารัฐบาลรับมือน้ำท่วมกทม.ได้ ท้ายที่สุดรัฐบาลเอาไม่อยู่และตอนนี้กรุงเทพฯ กำลังประสบวิกฤตจลาจลครั้งใหญ่

เมื่อเหตุการณ์เป็นแบบนี้ทำไมรัฐบาลไม่บอกความจริงประชาชน ทำให้คน กทม. เข้าใจผิดมาตลอดว่ารัฐบาลรับมือน้ำท่วมกทม.ได้ ท้ายที่สุดรัฐบาลเอาไม่อยู่และตอนนี้กรุงเทพฯ กำลังประสบวิกฤตจลาจลครั้งใหญ่

โดย..ปริญญา ชูเลขา

 

ชีวิตคนทวนน้ำริมคลองรังสิต

บริเวณริมคลองรังสิตคลอง 1 แม้จะมีการสร้างคันดินเหนียวและกระสอบทรายกั้นน้ำล้นข้ามคลองรังสิตประยูรศักดิ์เข้าท่วมชุมชนด้านล่างของคลองตลอดแนว แต่ระดับน้ำก็เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องทุกวันจนปริ่มเสมอถนนรังสิตนครนายก ขณะที่ระดับน้ำจากช่วงรังสิตคลอง 1-3 ห่างคันกั้นน้ำไม่เกิน 20 เซนติเมตร แต่เฉพาะชุมชนชนบริเวณคลอง 1 ถือว่าได้รับเดือดร้อนมากที่สุด ด้วยเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำที่สุด ขณะเดียวกันปริมาณน้ำจากประตูน้ำพระอินทร์ราชามุ่งหน้ามาลงคลอง 1 ต่อเนื่อง ขณะที่การระบายออกจากคลอง 1 ไปลงคลองหกวาก็เป็นไปด้วยความอืดอาด

ด้วยระดับน้ำที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทำให้ถนนและชุมชนบริเวณนี้บางช่วงน้ำเข้าท่วมแล้วในระดับ 80 เซนติเมตร ประชาชนจำนวนหนึ่งจึงได้ทยอยอพยพฝ่าน้ำระดับเอวถึงหน้าอกไปหาที่ปลอดภัยอาศัยอย่างทุลักทุเล แต่ยังมีชาวบ้านบางส่วนได้ยึดพื้นที่ชั้นสองของบ้านสู้กับวิกฤตชีวิตต่อไปจนกว่าจะไม่สามารถรับมือไหว

ประสาน นุ่นเนียม ปลัดเทศบาลนครรังสิต ให้ข้อมูลล่าสุดว่า พื้นที่ประมาณ 3 แสนไร่ ของทุ่งรังสิตบริเวณ ต.หนองเสือ ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี มาณน้ำอาจท่วมสูงประมาณ 1-1.5 เมตรทุกพื้นที่ ประชาชนบางส่วนจึงได้อพยพออกนอกพื้นที่แล้ว  แต่คนที่ยังปักหลักอยู่ต่ออย่าง สุทิวา บุญญวงศ์ วัย 55 ปี ชาวบ้านรังสิตคลอง 1 ให้เหตุผลว่า ต้องการอพยพออกไปเช่นเดียวกับคนอื่นๆ แต่ไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหน ด้วยญาติใน กทม.ก็โดนน้ำท่วมเหมือนกันหมด จะกลับบ้านต่างจังหวัดก็ไปลำบาก เพราะต้องเดินทางไกลมาก อีกทั้งถนนหลายเส้นถูกตัดขาด แถมรถติดติดหนัก

“ที่ดอนเมืองก็แออัดเจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้นำสัตว์เลี้ยงไปด้วยก็เลยไม่อยากไป อยู่บ้านตัวเองดีกว่า ซึ่งยังพออยู่ได้ถ้าไม่ตัดน้ำตัดไฟเสียก่อน ก็พอหุงหาอาหารอยู่ได้ไปสัก 2 อาทิตย์" สุทิวา ตะโกนเล่าขณะอยู่บนระเบียงชั้นสองของบ้าน

ด้าน ปัทมา สุขแสงชู อาศัยอยู่หมู่บ้านพฤกษา 13 รังสิตคลอง 3 ได้ติดต่อขอความช่วยเหลือไปยังศูนย์ปฏิบัติการผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) ให้นำรถยนต์ขนาดใหญ่ลุยน้ำมารับตัวเองและครอบครัวอีก 2 ชีวิตคือสามีและลูกชาย แต่ผ่านไป 2 วันแล้ว ศปภ. ก็ไม่ติดต่อกลับ ซึ่งเข้าใจดีว่ามีคนเดือดร้อนจำนวนมาก ต่อจากนี้จึงขอช่วยเหลือตัวเองไปก่อน

 “วันนี้จะอยู่บนชั้นสองต่อไปจนกว่าเหตุการณ์จะดีขึ้น ซึ่งอาหารแห้งที่ตุนไว้พอมีประทังชีวิตอยู่ได้สักเดือน จะอดทนให้ถึงที่สุด เพราะทราบจากข่าวและมองโลกในแง่ดีว่าน้ำคงไม่ท่วมเกิน 1.5 เมตรก็ยังพอรับได้ ถึงอย่างไรก็ยังมีเพื่อนบ้านอีกหลายคนที่ยังไม่ไปไหน พอมีกำลังใจอยู่บ้างไม่ได้โดดเดี่ยวแต่หากน้ำท่วมสูงกว่านี้และท่วมไปอีกนาน คงจะย้ายไปอยู่ต่างจังหวัดที่น้ำไม่ท่วมไปเลย คงไม่ไปศูนย์อพยพของรัฐบาลหรอก เพราะไม่เชื่อรัฐบาลแล้วอยากถามว่าจะไปหาอาหารที่ไหนมาเลี้ยงประชาชน เพราะไม่มีใครบริจาคของกันแล้วทุกคนต่างตุนเสบียงเอาตัวรอด” ปัทมา เล่าอย่างมีอารมณ์

มนต์ชัย ภูสีเขียว ข้าราชการวัยสี่สิบต้นๆ ซึ่งเพิ่งผ่อนบ้านราคาร่วม 3 ล้านบาท ได้ไม่ถึงปี บอกว่า เหตุที่ไม่อพยพ เพราะขณะนี้ในกทม.ก็วิกฤตหนักทุกคนต่างแย่กันกักตุนอาหาร ข้าวของทุกอย่างแพงไปหมดจนถึงขั้นขาดแคลนแล้ว และฟังข่าวว่าที่ ศปภ.ดอนเมืองของกินของใช้ที่คนกรุงเทพฯ เคยนำมาบริจาคเริ่มน้อยลง เนื่องจากน้ำกำลังท่วม กทม. เช่นกัน ทุกคนจึงต่างพากันตุนเสบียง

“เมื่อเหตุการณ์เป็นแบบนี้ทำไมรัฐบาลไม่บอกความจริงประชาชน ทำให้คน กทม. เข้าใจผิดมาตลอดว่ารัฐบาลรับมือน้ำท่วมกทม.ได้ ท้ายที่สุดรัฐบาลเอาไม่อยู่และตอนนี้กรุงเทพฯ กำลังประสบวิกฤตจลาจลครั้งใหญ่ ฉะนั้น ทุกคนต้องช่วยตัวเองก่อนอย่าหวังพึงรัฐบาลอีกเลย” มนต์ชัย ระบุ

 

ชีวิตคนทวนน้ำริมคลองรังสิต

เขาไม่เห็นด้วยที่รัฐบาลสั่งให้ประชาชนอพยพทั้งที่ยังไม่มีความพร้อมด้านสถานที่ อาหารหรือการอำนวยความสะดวกต่างๆ เช่น ห้องน้ำ สถานที่เลี้ยงสัตว์ เป็นต้น ที่สำคัญรัฐบาลไม่สามารถควบคุมราคาสินค้าและการกักตุนสินค้าได้ ส่งผลให้สินค้าหมวดอาหารแพงอย่างมาก

“เพื่อนผมเป็นพนักงานบริษัททำขนมปังยี่ห้อดังแห่งหนึ่งบ้านน้ำท่วม แต่ขาดงานไม่ได้ หากหยุดบริษัทจะตัดเงินเดือน 25% ที่หยุดไม่ได้เพราะขนมปังขายดีมากในช่วงวิกฤต เพราะคนตื่นตระหนกไปซื้อตุน บริษัทก็ได้ทีจึงไม่สนใจชะตามกรรมลูกจ้างตัวเองที่ถูกน้ำท่วมเลยว่าลำบากในการเดินทางแค่ไหน แต่ยังบังคับให้ไปทำงานอีก แย่มากคนพวกนี้” มนต์ชัย เล่าชะตากรรมของเพื่อน

ข้าราชการรายนี้ ยังเล่าประสบการณ์ในห้างสรรพสินค้าด้วยว่า เขาเองแทบไม่เชื่อว่า คนที่มีเงิน แต่งตัวดีๆ จะลงมือเอามีดกรีดลังกระดาษแย่งซื้อกันซื้อบะหมี่สำเร็จรูปและปลากระป๋อง หรือแม้แต่ในศูนย์อพยพบางแห่งมีคนแย่งกันขอข้าวกินอย่างน่าเวทนา

ด.ต.ณสกล ยาใจ เจ้าหน้าที่ตำรวจหนุ่มใหญ่ สน.จุฬาลงกรณ์ อาศัยอยู่ถนนรังสิตนครนายก ซอย 8 หมู่บ้านภัณฑิรา  มีเหตุผลต่างจากคนในชุมชนบริเวณเดียวกัน ด้วยเขามีเรือเตรียมไว้ 1 ลำ จึงทำหน้าที่คอยให้บริการเพื่อนบ้านที่ต้องการเดินทางออกไปยังปากซอยริมถนนรังสิตนครนายก รวมถึงคอยอำนวยความสะดวกเรื่องต่างๆ แก่ประชาชนที่ยังไม่ยอมอพยพ และไว้ใช้ตรวจการ กระทั่งให้บริการชาวบ้านที่มาซื้อของชำที่บ้านเพื่อกลับบ้านด้วย

ข่าวล่าสุด

ALATi “สยาม เคมปินสกี้” เมดิเตอร์เรเนียนโมเมนต์ สำหรับวันธรรมดาที่สุดพิเศษ