มัจจุราชปริศนา…ฆ่าดีเจดังผับอาร์ซีเอ
ยาอันตรายประเภทนี้กำลังระบาดหนักในหมู่นักเที่ยวกลางคืน ตามสถานบันเทิงและอพาร์ทเมนท์ คอนโด ใกล้สถานศึกษา
ยาอันตรายประเภทนี้กำลังระบาดหนักในหมู่นักเที่ยวกลางคืน ตามสถานบันเทิงและอพาร์ทเมนท์ คอนโด ใกล้สถานศึกษา
โดย...ชณิกานต์ กาญจนสาลี / อินทรชัย พานิชกุล
ภาพคลุ้มคลั่งของ “ชัชพงศ์ จันทร์เกตุ” หรือ “ดีเจซินเดอเรลล่า” คลับดีเจแห่งร้านสลิม ผับดังย่านอาร์ซีเอ ตามคำบอกเล่าของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และผู้รู้เห็นเหตุการณ์ จนนำไปสู่การเสียชีวิตอย่างเงื่อนงำ เกิดคำถามมากมายในเวลาต่อมาว่า แท้จริง เขาตายเพราะเสพยามากเกินขนานหรือ “โอเวอร์ โดส” หรือมีปมเงื่อนอื่นซุกซ่อนอยู่ในคดีนี้
เสียงสะท้อนจากคลับดีเจชื่อดัง …ดีเจซี๊ด-นรเศรษฐ หมัดคง บอกว่า แม้ตำรวจจะสันนิษฐานเบื้องต้นว่าชัชพงศ์ น่าจะเสียชีวิตจากการเสพยาเกินขนาด ตามที่ปรากฏเป็นข่าว “แต่ผมไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าเขายุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด”
“ผมรู้จักกับเขามานานหลายปีแล้ว เจอกันตามงานปาร์ตี้ดีเจหลายครั้ง เขาเป็นคนน่ารัก อารมณ์ดี ยิ้มแย้มแจ่มใส มีแต่เรื่องสนุกๆ ผมเลยตกใจมากที่รู้ข่าวว่าเขาตายเพราะยาเสพติด เพราะไม่เคยรู้ข่าวมาก่อนว่าดีเจซินเดอเรลล่าเล่นยา ในวงการคลับดีเจ พวกเรารู้กันว่าดีเจคนไหนเล่นยา คนไหนไม่เล่น”
เมื่อเพื่อนร่วมอาชีพจากไปอย่างไม่มีวันกลับ ในแวดวงคลับดีเจต่างก็ได้แต่แสดงความเสียใจ รวมถึงต่างวิพากษ์วิจารณ์เหตุการณ์นี้กันอย่างเผ็ดร้อน
สำหรับชื่อเสียงของดีเจซินเดอเรลล่า แม้จะไม่ใช่เป็นระดับแถวหน้าของเมืองไทย แต่ก็โด่งดังเป็นที่รู้จักในหมู่ดีเจและนักท่องราตรีอย่างมาก โดยเฉพาะช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา หลังจากเขาไปคว้าแชมป์การแข่งขันดีเจในรายการ “ไพโอเนียร์โปรดีเจไทยแลนด์” ที่จัดขึ้นเมื่อปี 2548
“ดีเจซินเดอเรลล่า เป็นดีเจแนวเพลงเฮาส์และเทคโนที่โดดเด่นหาตัวจับยาก เปิดเพลงสนุก แถมยังมีความสามารถในการเอ็นเตอร์เทนที่ใครๆ ก็ชอบ ๆเป็น Ressident (ดีเจที่เล่นประจำ) ที่ร้านสลิม อาร์ซีเอ ซึ่งการเป็นดีเจเล่นประจำในผับดังขนาดนี้ต้องเป็นคนที่มีฝีมือมากๆ รายได้ของเรสซิเดนท์ (ดีเจประจำผับ) จะอยู่ราวๆ 2,000-5,000 บาทต่อคืน เป็นรายได้แน่นอนมั่นคง แต่อาจจะไม่เท่าการรับจ้างไปเล่นตามงานปาร์ตี้ หรือตามเทศกาลดนตรีต่างๆ
การเป็นดีเจประจำผับต้องไปตั้งแต่หัวค่ำ สแตนด์บายอยู่ที่ร้านตลอดทั้งคืน จนร้านปิดหรือปาร์ตี้เลิก ทำให้ต้องรู้จักคุ้นเคยสนิทสนมกับแขกประจำที่มาเที่ยวบ่อยๆ หลายคน ซึ่งที่อาร์ซีเอมีแขกมาเที่ยวหลากหลายกลุ่ม ความเสี่ยงที่ทำให้อาชีพดีเจไปข้องเกี่ยวกับยาเสพติด จึงมีมากที่สุด
ใครไปเล่นก็เกิดจากความสัมพันธ์กับแขกประจำที่คุ้นหน้าคุ้นตากัน บางคนอาจจะไปสะกิดตอนช่วงผับใกล้ปิด ชวนไปปาร์ตี้ต่อ จ้างไปเปิดเพลงต่อ แขกก็จะไปอัพยากัน หรือแขกบางคนอาจจะขายยาด้วยซ้ำ หลังจากนั้นก็คงต้องขึ้นอยู่กับคนๆ นั้นแล้วว่าจะเอาด้วย หรือไม่เอา การชวนกันไปต่อหลังผับปิด เป็นตัวเชื่อมสำคัญที่จะนำพาไปรู้จักกับโลกของยาเสพติด” ดีเจซี๊ด เล่าถึงชีวิตนักเปิดแผ่น
นรเศรษฐ เล่าอีกว่า แม้จะมีธรรมเนียมคนเที่ยวกลางคืนที่ได้ยินกันมานานว่า “ถ้าจะหายา ต้องไปที่บู๊ธดีเจ” เพราะดีเจจะเป็นผู้ที่รู้ความเป็นไปในผับมากที่สุด แต่จากประสบการณ์ในการเป็นคลับดีเจกรุงเทพฯ มานาน ยืนยันว่าในผับเมืองไทยไม่มีเรื่องนี้แน่นอน
“ผับเมืองไทยไม่มีแน่นอนครับ โดยเฉพาะดีเจห้ามยุ่งเกี่ยวกับเรื่องยาเสพติดโดยเด็ดขาด ในสัญญาการเป็นดีเจที่ทำกับร้านบอกไว้ชัดว่าต้องทำงานอย่างมีสติสัมปชัญญะถ้วนสมบูรณ์ ทางร้านก็จะใช้วิธีตัดไฟตั้งแต่ต้นลมคือจะไม่จ้างดีเจที่ยุ่งกับยาเสพติด”
ดีเจมือโปร บอกด้วยว่า ผลกระทบจากข่าวนี้ ส่งผลเสียต่อแวดวงคลับดีเจแน่นอน 100% ดีเจทุกคนคงโดนเหมารวมว่าเล่นยา ส่งผลให้การทำงานต่อจากนี้ลำบากมากขึ้น ไม่ว่าจะโดนตรวจค้น ตรวจฉี่หรือถูกจ้างไปเล่นตามผับต่างๆ
“มันไม่คุ้มหรอกครับถ้าโดนจับ มันส่งผลกระทบต่ออาชีพการงาน” นรเศรษฐ ระบุ
Club Drugs ชื่อที่รู้กันของนักอัพยา
แม้การเสียชีวิตอย่างปริศนาของ ดีเจซินเดอเรลล่า คลับดีเจย่านอาร์ซีเอ จะยังไม่ทราบแน่ชัดว่ามาจากสาเหตุใดแน่ แต่ในแวดวงนักเสพยารู้กันดีว่า เส้นทางสร้างความสุขทางลัด ด้วยการใช้สารเสพติดที่เรียกกันว่า “คลับดรั๊ก” นั้นหาได้จากที่ไหน คลับดรั๊กเป็นยาเสพติดในรูปสารกระตุ้นสมองส่วนกลาง ประเภท “ยาไอซ์” หรือ “ยาเลิฟ” ตระกูลเดียวกับ “ยาบ้า” แต่มีฤทธิ์แรงกว่าถึง 10 เท่า
นพ.บุญเรือง ไตรเรืองวรรัตน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ ในฐานะผอ.ศูนย์ต่อสู้เอาชนะยาเสพติด กระทรวงสาธารณสุข บอกว่า ยาอันตรายประเภทนี้กำลังระบาดหนักในหมู่นักเที่ยวกลางคืน ตามสถานบันเทิงและอพาร์ทเมนท์ คอนโด ใกล้สถานศึกษา ซึ่งนักเที่ยวมัก “อัพ” เพื่อหวังให้เกิดฤทธิ์กระตุ้นสมองส่วนกลาง กระตุกการเต้นของหัวใจ สร้างอารมณ์สนุกสนานคึกคัก เพื่อให้การเที่ยวในยามค่ำคืนมีสีสันและเชื่อว่าจะช่วยสร้างอารมณ์ทางเพศให้ลุกโชน เร้าใจมากขึ้นได้
“ฤทธิ์ของยานี้เหมือนยาบ้า แต่สกัดบริสุทธิ์กว่านับ 10 เท่า เสพแบบไม่ต้องลองครั้งเดียวก็จะหลงไหล คิดถึงไม่เลิก เพราะฤทธิ์ของยาเป็นสารกระตุ้นสมองที่ทำให้มองดูสิ่งใดก็เพิ่มอารมณ์ เห็นใครก็สวยงามน่าชื่นชม น่าสัมผัส จับต้องไปหมด” หมอบุญเรือง ระบุ
เฉลยต่อด้วยว่า ความจริงฤทธิ์ที่เสือหนุ่ม-สาว เข้าใจผิดคิดว่าเป็นยากระตุ้นเซ็กซ์นั้น ล้วนเป็นเรื่องเข้าใจไปเองทั้งสิ้น เพราะยาเหล่านี้สร้างอารมณ์หลอกให้นักเที่ยวคิดฝันไป มีความกล้ามากขึ้น และเข้าใจไปว่าจะส่งผลต่อการมีเพศสัมพันธ์ ทั้งที่นอกจากไม่เพิ่มสมรรถภาพแล้ว ยังทำให้สมรรถภาพเสื่อมถดถอยลงอีกด้วย
ที่สำคัญกว่านั้นยาประเภทนี้ส่วนใหญ่ผู้เสพใช้เพียงครั้งก็มักติดใจ เพิ่มขนานการเสพให้มากขึ้นเอง โดยไม่รู้ว่าเงามัจจุราชกำลังค่อยๆ คืบคลานเข้ามาใกล้ตัว
“เม็ดเดียวต่อคืนก็ออกฤทธิ์แรงถึงเช้า บางคนกลัวไม่สะใจก็เพิ่มปริมาณอีก เป็นอันตรายทำให้เกิดการกระตุกของกล้ามเนื้อ และนำมาสู่การคลุ้มคลั่ง หมดสติ เพราะหัวใจทำงานหนักเกินไป เสียชีวิตหลายต่อหลายราย”
คุณหมอบอกว่า ปัจจุบันสถิติการใช้ยากำลังพุ่งสูงอย่างน่าเป็นห่วง ยาบ้าจะตกราคาเม็ดละ 150-300 บาท แต่ยาตระกูลเดียวกับยาไอซ์นี้ มีราคาสูงถึงเม็ดละ 1,500-2,000 บาท แต่ก็ไม่วายที่นักเที่ยวจะหาซื้อมาเสพ
ตัวเลขจากสถาบันธัญญารักษ์ สถาบันรักษาผู้ป่วยยาเสพติด พบว่า ผู้ป่วยที่เสพยากระตุ้นประสาทตระกูลยาบ้า มีมากที่สุดที่เข้ามารับการบำบัดรักษาอายุตั้งแต่ 15-24 ปี มีถึง 70% อายุน้อยสุดคืออายุ 10 ขวบ ช่วงวัยประมาณ ป.3-ป.4 แบ่งเป็นชายประมาณ 80% หญิง 20% แนวโน้มการระบาดยิ่งเพิ่มขึ้น โดยช่วง เม.ย. 2552- ก.ย. 2552 มีผู้เข้ารับการรักษาทั่วประเทศ 1 แสนคน และในปี 2553 ล่าสุดพบว่ามียอดผู้เข้ารับการรักษาทะลุ 4 หมื่นคนเข้าไปแล้ว
“ทุกวันนี้ยาเสพติดชนิดนี้มันหาง่ายขึ้น พื้นที่ขาย พื้นที่เสี่ยงก็มีมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นร้านเหล้าปั่น สถานบันเทิง หรือในอพาร์ทเมนท์ส่วนตัวที่เจ้าหน้าที่มักจะมองข้ามไม่ค่อยเข้าไปตรวจค้น” หมอบุญเรืองวิเคราะห์
ครอบครัวต้องเฝ้าระวัง
คุณหมอบุญเรือง ไตรเรืองวรรัตน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ บอกว่า มาตรการการบำบัดการติดยานรกเหล่านี้ ผู้ปกครองควรดูแลบุตรหลานที่รักและผู้ใกล้ชิด ต้องช่วยกันจับสัญญาณเตือนว่าคนที่คุณรักกำลังเข้าใกล้ยาอันตรายหรือไม่ เริ่มต้นต้องรู้ก่อนว่า ผู้เริ่มเสพยาจะมีอาการปล่อยตัว ไม่สนใจกิจวัตรปกติที่เคยทำ ไม่ไปเรียน ไม่ทำงาน ตื่นสาย ขาดงาน กลับดึก ต่อมาก็เริ่มขาดงาน ไม่สนใจข้าวปลาอาหาร ไม่อยากอาหาร เพราะฤทธิ์ของสารกระตุ้นสมองประเภทนี้มีการทำงานแบบเดียวกับยาลดความอ้วน ใบหน้าหมองคล้ำอย่างเห็นได้ชัด และอารมณ์ก้าวร้าวหงุดหงิดรุนแรงแบบเปลี่ยนเป็นคนละคน
“พ่อแม่ผู้ปกครอง ต้องสังเกตลูกว่าเขามีความผิดปกติรูปแบบนี้หรือไม่ เพราะถ้ารู้ทันก็ยับยั้งให้เลิกหรือห่างยาได้ทัน แต่ถ้าผู้ปกครองมองข้ามไม่สนใจ เมื่อมารักษาก็ลำบาก และส่วนใหญ่ไม่ค่อยมารักษาเอง นอกจากจะถูกจับกุมและต้องเข้ารับการบำบัดตามกฎหมายบังคับเท่านั้นถึงจะยินยอม” หมอบุญเรือง แนะ


