posttoday

โจรหยามตร.กรุงเก่าบุกปล้นทองหน้าป้อมวัดพระญาติ

16 กุมภาพันธ์ 2553

บุกเดี่ยวปล้นทอง 1 บาทหน้าป้อมตำรวจวัดพระญาติกรุงเก่าหนีลอยนวล

บุกเดี่ยวปล้นทอง 1 บาทหน้าป้อมตำรวจวัดพระญาติกรุงเก่าหนีลอยนวล

ร.ต.ท.คเน เนตรกูล พนักงานสอบสวน สภ.พระนครศรีอยุธยา ได้รับแจ้งเหตุคนร้ายก่อเหตุชิงทรัพย์ภายในร้านค้าทองคำ ชื่อห้างทองพระญาติ เลขที่ 242 ติดสี่แยกตลาดวัดพระญาติ ถนนโรจนะ  ม.5  ต.ไผ่ลิง อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา  ที่ตั้งฝั่งตรงข้ามป้อมตำรวจเพียง 20 เมตรเท่านั้น หลังรับแจ้งพร้อมด้วย พ.ต.อ.สมบัติ ชูชัยยะ ผกก.สภ.พระนครศรีอยุธยา ตรวจสอบที่เกิดเหตุ

โจรหยามตร.กรุงเก่าบุกปล้นทองหน้าป้อมวัดพระญาติ

พบน.ส.เพ็ญ หวังทรัพย์ พนักงานประจำร้านค้าทอง ที่ทำหน้าที่หน้าขายทองขณะถูกคนร้ายชิงทรัพย์ ยืนอยู่ด้วยความตกใจ พร้อมให้ปากคำว่า มีคนร้ายเป็นชายสูงประมาณ 170 ปี รูปร่างสูงใหญ่ ล่ำ สวมเสื้อยืดคอปก สีครีมไข่ไก่ สวมกางเกงสีเข้ม  ไม่ได้สวมหมวกหรือสิ่งปิดปังใบหน้า  โดยคนร้ายมาในรูปแบบของคนที่มาซื้อร้านทองทั่วไป 

โดยก่อนเข้าร้านคนร้ายได้ถอดรองเท้าแตะยี่ห้อ spot ไว้ที่หน้าร้าน เพราะหน้าร้านมีป้ายชัดเจนว่ากรุณาถอดรองเท้า  เมื่อคนร้านถอดรองเท้าเสร็จเดินเข้ามาในร้าน ก็ทักทายว่าเป็นไงกันบ้าง อยู่คนเดียวหรือ  ตนเองก็ตอบไปว่า อยู่คนเดียวคนอื่นกินข้าวอยู่หลังร้าน 

จากนั้นคนร้ายก็ขอดูสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท เอาลายตัน ๆ  เมื่อตนเองหยิบให้ดู คนร้ายก็ฉวยเอาซึ่งหน้านำทองวิ่งหลบหนีออกไปจากร้าน  โดยไม่ได้สวมรองเท้ากลับไปด้วย และคนร้ายวิ่งเท้าเปล่าไปขึ้นรถ จักรยานยนต์ฮอนด้า รุ่นเวฟ สีเหลือง ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน ที่จอดติดเครื่องรออยู่ริมถนนหน้าร้าน และหลบหนีไปทางวัดพระญาติ 

ขณะที่น.ส.ปิ่นเพชร พินิจกุล เจ้าของร้านทอง กล่าวว่า ทางร้านมีภาพวงจรปิดและสามรรถจับภาพคนร้ายขณะเข้ามาก่อเหตุได้จัดเจน โดยระหว่างเกิดเหตุมีเพียงนางสาวเพ็ญพนักงานขายอยู่หน้าร้านเท่านั้น เพราะพวกตนเองไปทำธุระที่หลังร้านพอดี   ซึ่งเมื่อปี 2552 ร้านของตนเองก็ถูกโจรเข้ามาชิงทรัพย์มาแล้ว 1 ครั้ง

ในครั้งนั้นมีคนร้าย 1 คนเข้ามาก่อเหตุ แต่โชคดี มีพนักงานประปาภูมิภาคเข้ามาทำธุระที่ร้าน เป็นพลเมืองดีสามารถจับโจรไว้ได้   แต่ครั้งนี้ปี 2553 เกิดเหตุแล้วพวกตนเองกะสัญญาณแจ้งตำรวจ แต่ตำรวจกลับมาช้า

 

 

ข่าวล่าสุด

สธ. ปั้นนโยบายขึ้นทะเบียนยา ATMPs ‘เร็วที่สุดในอาเซียน’ ดัน 'Medical Economy'