posttoday

ปชป.ชี้ทักษิณเจรจาก๊าซน้ำมันในอ่าวไทยไม่เหมาะ

24 สิงหาคม 2554

ปชป.ชำแหละทักษิณเจรจาก๊าซน้ำมันในอ่าวไทยกับกัมพูชาไม่เหมาะ มีผลประโยชน์ทับซ้อน รมว.พลังงานโต้ ไม่มีใครได้ประโยชน์ ยันเดินหน้าเพื่อคนไทย

ปชป.ชำแหละทักษิณเจรจาก๊าซน้ำมันในอ่าวไทยกับกัมพูชาไม่เหมาะ มีผลประโยชน์ทับซ้อน รมว.พลังงานโต้ ไม่มีใครได้ประโยชน์ ยันเดินหน้าเพื่อคนไทย

23.00 น.วานนี้ (23 ส.ค. )นางอานิก อัมระนันทน์ สส.ปาร์ตี้ลิสต์ พรรคประชาธิปัตย์  อภิปรายเรื่อง ความมั่นคงทางด้านพลังงานการพัฒนาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล ระหว่างไทย-กัมพูชา โดยอ้างอิงจากบทสัมภาษณ์ของ พิชัย นริพทะพันธ์ รมว.พลังงาน  ผ่านหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง ว่าเป็นนโยบายระยะสั้นที่ต้องเร่งทำ แต่ MOU 44 ที่ได้เคยทำไว้ พื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา มีขนาดใหญ่มากถึง 2.6 หมื่นตารางกิโลเมตร  แบ่งเป็น 2 ส่วนใหญ่ คือ พื้นที่กำหนดเขตแดนให้ชัดเจน และพื้นที่ที่ต้องพัฒนาร่วมกัน โดยเท่าที่ผ่านมา ฝ่ายกัมพูชาเสนอให้พื้นที่ต้องพัฒนาร่วมกันนั้น แบ่งประโยชน์แบบ 50% แต่ไทยเสนอว่าให้แบ่งเป็น 3 ส่วนเท่ากัน โดยมีจุดระหว่างกลางแบ่ง 50% และอีก 2 ส่วนใกล้ประเทศไหนให้ใช้สัดส่วน 90 ต่อ 10% ขณะเดียวกันที่ผ่านมากัมพูชาต้องการขายพื้นที่ตรงกลางให้มากขึ้น และปรับสัดส่วนประเทศที่อยู่ใกล้ให้น้อยลง ซึ่งหากทำเช่นนั้นจะมีผลกระทบต่อประเทศไทย เพราะส่วนฝั่งตะวันตก มีศักยภาพทางปิโตรเลียมสูงกว่าส่วนอื่น ผลประโยชน์ของไทยจะลดน้อยถอยลง

นางอานิก กล่าวว่า เมื่อเปรียบเทียบการเจรจา MOU ปี 2544 กับ JDA ไทย-มาเลย์ ที่มีการเจรจาเริ่มต้นจากพื้นฐานการใช้กฎหมายเป็นส่วนสำคัญ มีการตรวจสอบการอ้างสิทธิ์ของเส้นต่างๆ ของทั้ง 2 ฝ่ายร่วมกัน มีการตกลงกันว่า เส้นอย่างไรถึงจะยอมรับได้ของแต่ละฝ่าย และจึงตกลงร่วมกันว่าจะพัฒนาแบ่งกัน 50/50 ทั้งหมดจะพบว่าวิธีการเจรจาระหว่าง 2 ประเทศจะแตกต่างกัน ทำให้รัฐบาลอภิสิทธิ์มีมติ ครม. ยกเลิก MOU ปี 2544 แต่เป็นเรื่องที่ยังไม่ได้เข้าสภา

 "ตอนนี้น่าจะเป็นโอกาสในการยกเลิก และเสนอกรอบข้อตกลงใหม่ ที่ใช้หลักเกณฑ์ระหว่างประเทศที่เป็นธรรมมากกว่านี้ หากทำได้จะเป็นการสร้างผลงานไว้ให้กับประเทศชาติ  สิ่งที่ระวังที่สุดคือผลประโยชน์ขัดแย้งระหว่างบุคคล กับ ผลประโยชน์ชาติ เพราะมีข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณมีผลประโยชน์ทับซ้อนด้านพลังงาน นอกจากนี้ยังใกล้ชิดกับกัมพูชามากพิเศษ ควบคู่เหนือการเป็นพรรคแกนนำสมัยเป็นพรรคพลังประชาชน  เป็น 2อย่าง ที่เกิดการขัดกันแห่งผลประโยชน์ชัดเจน ดังตัวอย่างหลังเพื่อไทยชนะเลือกตั้ง รมว.ตปท.กัมพูชา รีบเชิญรัฐบาลใหม่รีบขุดเจาะทางทะเลให้เร็วที่สุดเพื่อเจรจาแหล่งผลประโยชน์ที่คาดว่า จะมีมูลค่าถึง 10 ล้านล้านบาท” สส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าว

นายพิชัย ชี้แจงว่า ถึงเวลาที่ประเทศนี้ต้องเอาประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก ยืนยันไม่มีใครได้ประโยชน์เรื่องนี้ นอกจากประเทศไทยและคนไทย เรามีก๊าซเหลือใช้อยู่ 15-16 ปี เราต้องมองอนาคต รัฐบาลเพื่อไทยต้องการเห็นความเจริญ เราต้องการให้มีก๊าซใช้อีก 30 ปี " ผมจะทำเรี่องนี้ให้สำเร็จ ถ้าผมตายไปเลิกเล่นการเมือง ผมจะนึกถึงสิ่งนี้ ไม่มีมีใครได้ประโยชน์เรื่องนี้ ผมเขียนเรื่องนี้ในมติชนกับโพสต์ทูเดย์ วันนี้ผมยังไม่คุยกับกัมพูชาซักคน”  รมว.พลังงาน กล่าว

นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ ชี้แจงว่า เรื่องปัญหาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล 2.6 หมื่นตารางกิโลเมตร สมัยนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกฯ ได้พูวดคุยกับกัมพูชาไว้แล้ว โดยตัวเลขการตกลงแบ่งประโยชน์ของสองประเทศครั้งนั้น ค่อนข้างชัดเจนว่า ส่วนไหนของทะเลที่ใกล้กับประเทศไหนไม่ว่า ไทยหรือกัมพูชา  ประเทศนั้นก็จะได้ประโยชน์มาก  แต่ตนไม่อยากพูดตัวเลข เพราะมันอาจเปลี่ยนแปลงได้ในอนาคต   เมื่อรัฐบาลอภิสิทธิ์ขึ้นมาบริหารประเทศ ครม.เห็นชอบในหลักการให้กระทรวงการต่างประเทศบอกเลิกเอ็มโอยูเมื่อ 10 พ.ย. 2552 เหตุผล เพราะรัฐบาลกัมพูชา แต่งตั้งอดีตนายกฯทักษิณเป็นที่ปรึกษานายกฯกัมพูชา  เพราะเกี่ยวข้องกับการทำเอ็มโอยู  สำคัญที่สุด แม้ว่า ครม.มีมติบอกเลิกเอ็มโอยู แต่ก็ยังไม่ได้มีการบอกเลิกเอ็มโอยูอย่างเป็นทางการกับกัมพูชา จากนั้นครม.มีมติ 25 พ.ย. 2553 หรือ 1 ปีให้หลัง แต่งตั้ง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นประธานกรรมการร่วมภายใต้กรอบเอ็มโอยู  ซึ่งก็ไม่เข้าใจว่า  รัฐบาลอภิสิทธิ์กำลังทำอะไรเพราะมติครม.บอกให้เลิกไปแล้ว ดังนั้น หลังแถลงนโยบายเสร็จ วันที่ 25 ส.ค. ตนจะดูเรื่องนี้อย่างละเอียด แต่ไม่อยากพูดอะไรให้กระทบความสัมพันธ์ใดๆ อีกต่อไป แต่เราต้องอยู่ร่วมกันได้ไม่ว่าไทยหรือกัมพูชา

 

ข่าวล่าสุด

นายกฯอนุทินหาทางช่วยคนไทยตกค้างกัมพูชากลับประเทศปลอดภัย