posttoday

ศาลยืนประหารแท็กซี่ฆ่าหั่นศพน้องโช

10 สิงหาคม 2554

ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืนประหาร “ สิริพงษ์ ” คนขับแท็กซี่ ฆ่าหั่นศพ แม่- ลูกมาคิโน ขณะที่เจ้าตัว พร้อมรับโทษประหาร ไม่คิดฎีกาสู้คดี ระบุสวดมนต์ นั่งสมาธิตลอด 

ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืนประหาร “ สิริพงษ์ ” คนขับแท็กซี่ ฆ่าหั่นศพ แม่- ลูกมาคิโน ขณะที่เจ้าตัว พร้อมรับโทษประหาร ไม่คิดฎีกาสู้คดี ระบุสวดมนต์ นั่งสมาธิตลอด 

ที่ห้องพิจารณา 711 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันที่ 10 ส.ค.นี้ เมื่อเวลา 10.00 น. ศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีหมายเลขดำ อ.4099/2552  ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 7 เป็นโจทก์ ฟ้อง นายสิริพงศ์ หรือใหญ่ กาญจนนิวิฐ หรือ กาญนชมพู อายุ 43  ปี อาชีพขับรถแท็กซี่ เป็นจำเลย ในความผิดฐานฆ่า และพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน , ลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยมีอาวุธปืน , หน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น ให้ปราศจากเสรีภาพในร่างกาย , กระทำอนาจารแก่เด็กอายุไม่เกิน 15 ปี โดยเด็กนั้นไม่ยินยอม , ซ่อนเร้นหรือย้ายทำลายศพ หรือส่วนของศพเพื่อปิดบังการตาย หรือเหตุแห่งการตาย และพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร โดยไม่ได้รับอนุญาต ตามประมวลกฎหมายอาญา  มาตรา 199 ,279 ,288 ,289,310 ,335 ,336 ทวิ, 371 กรณีเมื่อวันที่ 10 ต.ค.52 เวลา 24.00 น.จำเลยได้ใช้อาวุธปืนพก รีวอลเวอร์ ขนาด .38 ยิงนางสุนันท์ ศรีสุวรรณ และด.ช.โช มาคิโน่ บุตรชายของนางสุนันท์ หลายนัดจนถึงแก่ความตาย แล้วหั่นศพ ด.ช.โช แยกทิ้ง และจำเลยยังใช้อาวุธปืนยิง ด.ญ.พิชญา หรือน้องมิ้นท์ จงงามวิไล อายุ 13 ปีเศษ บุตรสาวของนางสุนันท์ หลายนัดจนได้รับบาดเจ็บสาหัส

ขณะที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 21 ก.ย.53 ให้ประหารชีวิตฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ส่วนข้อหาพยายามฆ่า ด.ญ.พิชญา ให้จำคุกตลอดชีวิต , จำคุก 6 ปีฐานชิงทรัพย์ฯ , ฐานหน่วงเหนี่ยวกักขังฯ ให้จำคุก 2 ปี , ฐานกระทำอนาจารเด็กหญิงอายุไม่เกิน 15 ปี ให้จำคุก 6 ปี , ฐานซ่อนเร้นทำลายศพฯจำคุก 1 ปี และข้อหาพกพาอาวุธปืนในทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต ให้จำคุก 1 ปี แต่อย่างไรก็ตามเมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้วคงให้ลงโทษประหารชีวิตจำเลยสถานเดียว

ศาลอุทธรณ์ประชุมตรวจสำนวนและประชุมปรึกษาหารือกันแล้ว คดีมีประเด็นต้องวินิจฉัยว่า จำเลยกระทำผิดตามฟ้องหรือไม่ เห็นว่า โจทก์มี ด.ญ.พิชญา เบิกความว่า เมื่อวันที่ 10 ต.ค.52 เวลา 22.30 น. จำเลยได้ขับรถแท็กซี่ไปรับนางสุนันท์ มารดาและ ด.ช.โช ที่สนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อเดินทางมายังคอนโดมิเนียมที่พัก บริเวณรัชดาภิเษก แต่ระหว่างทางจำเลยได้ขับรถออกนอกเส้นทาง เมื่อนางสุนันท์ มารดาสั่งหยุดรถ  จำเลยจึงหยิบอาวุธปืนในรถ หันมายิงมารดา  แล้วเมื่อ ด.ช.โช ร้องไห้จำเลยจึงได้ยิงซ้ำจนเสียชีวิต ส่วน พยานเมื่อถูกยิงพยานจึงแกล้งหมดสติ

ศาลเห็นว่า พยานดังกล่าว แม้ช่วงเกิดเหตุจะเป็นเวลากลางคืน แต่ ด.ญ.พิชญา น่าจะจดจำใบหน้าจำเลยได้ เพราะจำเลยมีความสนิทสนม ซึ่งเคยเป็นผู้เลี้ยงดู ด.ญ.พิชญามาก่อน อีกทั้งการก่อเหตุยิงก็อยู่ในระยะประชิด จึงเชื่อว่าพยานไม่น่าจะให้การปรักปรำจำเลย เพราะไม่เคยมีสาเหตุโกรธเคืองจำเลยมาก่อน ที่ศาลชั้นพิพากษาลงโทษจำเลยนั้น ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วย แต่ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนเพียงกรรมเดียวกันนั้น ศาลอุทธรณ์ไม่เห็นด้วย เนื่องจากการกระทำของจำเลยเป็นการกระทำความผิดต่อเนื่อง 2 กรรม จึงเห็นควร พิพากษาแก้ลักษณะความผิดเป็นว่า ให้พิพากษาลงโทษจำเลยฐานฆ่าผู้อื่น ฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 (4) 2 กรรม นอกจากนี้ให้เป็นไปตามศาลชั้นต้นพิพากษา

ภายหลังฟังคำพิพากษา นายสิริพงษ์ จำเลย กล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า ขอยอมรับโทษประหารชีวิตที่ศาลมีคำพิพากษา โดยจะไม่ขอยื่นฎีกาสู้คดีอีก รวมทั้งไม่คิดที่จะขออภัยโทษด้วย ต้องการให้เป็นไปตามธรรมชาติ เพราะที่ผ่านมาตนก็ยอมรับสารภาพมาโดยตลอด หลังจากนี้ตนก็จะได้เตรียมความพร้อมรับโทษต่อไป ซึ่งขณะที่ถูกคุมขังในเรือนจำตนก็ยังกินอิ่มนอนหลับ และได้สวดมนต์นั่งสมาธิทุกวัน   

 

 

 

ศาลยืนประหารแท็กซี่ฆ่าหั่นศพน้องโช นายสิริพงศ์ หรือใหญ่ กาญจนนิวิฐ โชเฟอร์แท็กซี่ฆ่าหั่นศพน้องโช

 

 

 

 

 

 

ข่าวล่าสุด

LIVE ถ่ายทอดสด นิวคาสเซิ่ล พบ เชลซี พรีเมียร์ลีก วันนี้ 20 ธ.ค.68