posttoday

ปิดฉาก"สรยุทธ์"เจ้าพ่อนักเล่าข่าว

21 มกราคม 2563

ทีมข่าวโพสต์ทูเดย์

โดย...ทีมข่าวโพสต์ทูเดย์

***************************

ปิดม่านเก็บฉากลงไปเรียบร้อยแล้วสำหรับกรรมกรข่าวพันล้าน"สรยุทธ สุทัศนะจินดา"หลังศาลได้ตัดสินจำคุก 6 ปี 24 เดือน คดีสนับสนุนเจ้าพนักงานของรัฐกระทำผิดด้วยการยักยอกเงินค่าโฆษณาเกินเวลาในรายการ 'คุยคุ้ยข่าว' ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 9 อสมท เป็นเงินกว่า 138 ล้านบาท

ทั้งนี้"สรยุทธ์" ถือเป็นพิธีกรและผู้ดำเนินรายการนักเล่าข่าวที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในประเทศไทยโดยเฉพาะในช่วงปี 2546-2559 จากรายการเรื่องเล่าเช้านี้ และเรื่องเด่นเย็นนี้ ที่ช่อง 3 ซึ่งทำให้เขาเป็นผู้ดำเนินรายการที่ทรงอิทธิพลที่สุด ซึ่งแทบทุกวงการต้องวิ่งเข้าหา ไม่ว่าจะเป็นดารา นักแสดง นักร้อง หรือแม้แต่นักการเมือง

"สรยุทธ"เริ่มต้นด้วยการเป็นนักข่าวหนังสือพิมพ์เดอะเนชั่น ในยุคนั้นภายใต้การนำของ "สุทธิชัย หยุ่น " โดยทำข่าวสายรัฐสภาและทำเนียบรัฐบาล ก่อนได้เลื่อนตำแหน่งมาเป็นหัวหน้าข่าวการเมือง ในปี 2540 ได้มาเป็นบรรณาธิการข่าว และจัดรายการวิเคราะห์ข่าวให้สถานีโทรทัศน์ช่องต่าง

ผลงานที่สร้างชื่อก็เริ่มจากรายการเก็บตกจากเนชั่นเมื่อ 2543 รายการถึงลูกถึงคน ทางโมเดิร์นไนน์ทีวี 2546 คุยคุ้ยข่าว ทางโมเดิร์นไนน์ทีวี 2547 จับเข่าคุย ช่อง 3 เรื่องเล่าเช้านี้ ช่อง 3 เรื่องเด่นเย็นนี้ ช่อง 3 และเรื่องเล่าเสาร์-อาทิตย์ ทางช่อง 3 ก่อนที่จะต้องลาจอไปเพราะคดีดังกล่าว

ขณะเดียวกันจากการที่ได้มีการรวบรวมผลประกอบการทางธุรกิจของ "สรยุทธ"ในหลายสำนัก พบว่า นับจากปี 2547 จนถึงสิ้นปี 2559 บริษัทของ"สรยุทธ" 2 แห่ง คือ บริษัท ไร่ส้ม จำกัด และ บริษัท ชัดถ้อย ชัดคำ จำกัด มีรายได้ รวม 5,577,382,054 บาท (ตัวเลขกลมๆ 5.5 พันล้าน) กำไรสุทธิรวม 2,483,439,996 บาท โดย"สรยุทธ์"ได้เขียนหนังสือชื่อ"กรรมกรข่าว" เล่าถึงการทำงานของตัวเอง จนได้รับฉายาว่า "เจ้าพ่อกรรมกรข่าวพันล้าน"

อย่างไรก็ตาม แม้ว่า "สรยุทธ"จะยุติบทบาทการเป็นพิธีกรรายการข่าวทางสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ไปแล้ว แต่เขายังได้รับความนิยมจากบรรดาผู้ที่ชื่นชอบซึ่งเขาได้เปิดเฟซบุ๊กแฟนเพจ "สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว" ขึ้นเมื่อเดือน ธ.ค.ปีที่ผ่านมา โดยใช้เป็นช่องทางการในรายงานข่าวผ่านการทำเฟซบุ๊กไลฟ์ รวมทั้งพูดคุยกับบรรดาผู้ติดตาม ปัจจุบัน เฟซบุ๊กแฟนเพจของเขามีผู้ติดตามมากกว่า 1 ล้านคน และมียอดไลก์มากกว่า 8 แสน 4 หมื่นไลก์

*************************