posttoday

"ชาติพัฒนา" No Problem ร่วมรัฐบาลได้ทุกขั้ว

17 มีนาคม 2562

"สุวัจน์ ลิปตพัลลภ"ชูสโลแกน "ชาติพัฒนา ไม่มีปัญหา No Problem ทางการเมืองกับขั้วใด" พร้อมร่วมรัฐบาลได้ทุกขั้ว

"สุวัจน์ ลิปตพัลลภ"ชูสโลแกน "ชาติพัฒนา ไม่มีปัญหา No Problem ทางการเมืองกับขั้วใด" พร้อมร่วมรัฐบาลได้ทุกขั้ว

***********************

โดย...ปริญญา ชูเลขา

โค้งสุดท้ายสู่วันเลือกตั้ง 24 มี.ค.นี้ วันชี้ชะตาอนาคตประเทศไทยจะไปทิศทางใด บุคคลหรือพรรคใดจะได้จัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ ท่ามกลางการต่อสู้ระหว่างขั้วใหญ่ทางการเมือง

แต่ “ม้านอกสายตา” ที่อาจจะสอดแทรกแซงทางโค้ง “พรรคชาติพัฒนา” ถือธงนำโดย“สุวัจน์ ลิปตพัลลภ” ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนา ลุยหาเสียงอย่างหนัก โดยชูสโลแกน ชาติพัฒนา ไม่มีปัญหา No Problem ทางการเมืองกับขั้วใด จึงน่าจับตาว่าหลังเลือกตั้ง “สุวัจน์”  จะแตะมือกับพรรคใด โอกาสนี้หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์สัมภาษณ์พิเศษถึงกลยุทธ์ช่วงโค้งสุดท้ายที่เหลืออยู่

“สุวัจน์” โลดแล่นในวงการเมืองมายาวนานกว่า 30 ปี แต่ยังประเมินไม่ได้ว่าการเลือกตั้งครั้งนี้พรรคชาติพัฒนาจะได้กี่ที่นั่ง เพราะมีปัจจัยหลายประการซับซ้อน เช่น กติกาการเลือกตั้งแบบใหม่บัตรใบเดียว เทคโนโลยีด้านการสื่อสารหรือโซเชียลมีเดียเข้ามามีบทบาทสูง หรือคนรุ่นใหม่ที่มีสิทธิเลือกตั้งในครั้งนี้ มีพฤติกรรมการเลือกตั้งเป็นอย่างไรไม่อาจคาดการณ์ได้ และสังคมไทยห่างหายจากการเลือกตั้งมานานกว่า 5 ปี จึงประเมินยากว่าแต่ละพรรคจะได้คะแนนเท่าไร

“นับจากนี้ไปการเมืองเริ่มเข้มข้น และคาดการณ์ยากมากว่าแต่ละพรรคจะได้กี่ที่นั่ง เพราะมีตัวแปรด้านคะแนนเสียงจากคนรุ่นใหม่ 7-8 ล้านคนเข้ามาเป็นตัวแปร คนรุ่นใหม่ตื่นตัวทางการเมืองสูงมากจากกระแสปฏิรูปการเมือง และการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัยและเทคโนโลยี” สุวัจน์ กล่าว

สุวัจน์ กล่าวอีกว่า หลังการเลือกตั้งในวันที่ 24 มี.ค.นี้ มีความมั่นใจว่าเมื่อมีรัฐบาลใหม่ที่มาจากการเลือกตั้งแล้วจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับต่างชาติมาท่องเที่ยวและเข้ามาลงทุนเพิ่มสูงขึ้นอย่างแน่นอน

ไม่ว่าพรรคการเมืองใดเข้ามา จะไม่มีคำว่า แพ้หรือชนะ ซึ่งไม่สำคัญว่าพรรคจะแพ้หรือชนะเช่นกัน แต่ขอให้ประเทศไทยชนะและกลับมาดีเป็นสิ่งสำคัญมากกว่า เมื่อบ้านเมืองมีประชาธิปไตยเป็นสากล ต่างชาติก็จะกลับมาลงทุน ส่วนความขัดแย้งทางการเมือง ทางพรรคชาติพัฒนาไม่มีปัญหาเพราะพรรคทำงานการเมืองเหมือนเล่นกีฬา

เมื่อครั้ง “น้าชาติ” หรือ พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ อดีตนายกรัฐมนตรี ทำการเมืองแบบจบเป็นยกๆ แพ้ก็รออีก 4 ปี ต้องเป็นสุภาพบุรุษ และต้องเป็นคนรู้จักแพ้รู้จักชนะ ดังนั้นการเล่นการเมืองไม่ใช่ชนะแล้วต้องไม่เหลิง หรือชนะกันแค่เพียงเสียงเดียวก็พอแล้ว หากเสียงชนะกันด้วยคะแนนสูสี เป็นรัฐบาลผสมทางรัฐบาลกับฝ่ายค้านจะมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันกว่ารัฐบาลเสียงข้างมาก เพราะรัฐบาลผสมทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลคะแนนเสียงสูสีกัน ฝ่ายค้านเสนอแนะอะไรไปทางรัฐบาลจะรับฟัง หรือเวลาฝ่ายค้านท้วงติงอะไรไปฝ่ายรัฐบาลย่อมนำไปปรับปรุงแก้ไข คือ เกรงใจซึ่งกันและกัน

“พรรคชาติพัฒนา เล่นการเมืองแบบเอาประเทศชาติเป็นหลัก ต้องไม่ใจร้อนในการทำงานต้องฟังเสียงในสภา ถ้าไม่ฟังสภา แล้วออกมาเล่นการเมืองบนท้องถนน แบบนั้นก็ไม่จบย่อมก่อความขัดแย้ง แต่ถ้าเคารพกติการับรองบ้านเมืองไม่มีปัญหา No Problem

พรรคชาติพัฒนา มีความพร้อมทุกบทบาท ทั้งเป็นฝ่ายรัฐบาลที่จะทำตามที่ได้สัญญาไว้ แต่หากเป็นฝ่ายค้าน จดไว้หมดว่าใครสัญญาอะไรไว้จะติดตามตรวจสอบว่ารัฐบาลสัญญาอะไรไว้หากทำไม่ได้ต้องมีการตรวจสอบ

“การเมืองแบบเก่าๆ ต้องหมดไป คือ การไปสัญญาแล้วทำไม่ได้ และการเมืองยุคใหม่ คือ ต้องมีน้ำใจเป็นนักกีฬาเหมือนพรรคชาติพัฒนา ทุกอย่างต้องจบในห้องประชุม ไม่ออกมาเดินเรียกร้องบนท้องถนนสร้างปัญหาให้กับประเทศต้องไม่มีอีก” สุวัจน์ กล่าว

"ชาติพัฒนา" No Problem ร่วมรัฐบาลได้ทุกขั้ว

อย่างไรก็ตาม จากการเดินทางไปหาเสียงในหลายๆ พื้นที่ “สุวัจน์” มั่นใจว่าได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี และมั่นใจว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในสิ่งที่ดีขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะเศรษฐกิจและปัญหาความขัดแย้งต่างๆ ในบ้านเมือง เพราะจากการพูดคุยกับพี่น้องประชาชนในทุกพื้นที่ที่ได้ลงไปสัมผัส และฟังเสียงจากปากพี่น้องเกษตรกรและคนยากคนจนในชนบท บอกเหมือนกันว่า ต้องการเห็นการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ และอยากเห็นบ้านเมืองสงบเรียบร้อย หรือ การเมืองนิ่ง นี้คือโจทย์ใหญ่ที่พรรคชาติพัฒนารับไว้เพื่อจะสานต่อให้สำเร็จ

สุวัจน์ย้ำตลอดว่า พรรคได้ยึดแนวทาง “No Problem” ซึ่งเป็นที่มาแนวคิดของ พล.อ.ชาติชาย เมื่อครั้งวันที่ท่านเป็นนายกรัฐมนตรี เชื่อหรือไม่ การเมืองนิ่ง ไม่มีความขัดแย้งหรือไม่มีการแบ่งแยกสีหรือแบ่งฝักแบ่งฝ่ายทางการเมือง โดยนโยบายเศรษฐกิจ น้าชาติได้แปรสนามรบเป็นสนามการค้า เศรษฐกิจในยุคน้าชาติ ก่อให้เกิดความร่ำรวยแก่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หรือ อีสาน ภาคที่ใครๆ เห็นว่าเป็นภาคที่ยากจนที่สุดกลับมารุ่งเรืองได้

“โคราชเป็นสนามการเมืองใหญ่มากๆ ทุกพรรคการเมืองต่างหมายปอง แต่ถือว่าเป็นเรื่องดีที่พรรคใหญ่ๆ อยากเข้ามาเจาะ เพราะประชาชนจะได้มีทางเลือกเยอะๆ พรรคใดประชาชนคิดว่าดีสามารถเลือกได้ ถ้าเห็นว่าทำประโยชน์ให้คนโคราช สำหรับ พรรคชาติพัฒนา จะแพ้หรือชนะไม่เป็นไร แต่ขอให้ประชาชนกินดีอยู่ดี เพราะสิ่งที่พรรคต้องการทำ คือ สิ่งที่น้าชาติ ได้ทำไว้ ด้วยการทำให้การเมืองต้องนิ่ง และสานต่อนโยบายเศรษฐกิจของโคราช และอีสาน ด้วยสโลแกน No Problem หัวใจของนโยบาย คือ ทำให้พี่น้องประชาชนได้กินดีอยู่ดีขึ้น การเมืองนิ่ง เหมือนที่พรรคชาติพัฒนา และน้าชาติได้ทำมากว่า 20 ปี” สุวัจน์ กล่าว

ในสนามการเมืองทุกพรรคต่างจ้องเจาะสนามโคราช “สุวัจน์” กล่าวอย่างมั่นใจว่า พื้นที่โคราช จะรักษาฐานเสียงเดิมไว้ได้ เพราะประชาชนชื่นชอบ
นโยบายเศรษฐกิจและการเมือง เพราะพรรคชาติพัฒนาเล่นการเมืองแบบรู้แพ้รู้ชนะรู้อภัย และสิ่งใดดีต่อประชาชนทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลต้องร่วมสนับสนุน และฝ่ายใดได้เสียงข้างมากก็ต้องชนะจัดตั้งรัฐบาล ดังนั้นการเมืองต้องฟังเสียงข้างมาก แม้จะไม่เห็นด้วย แต่ต้องยอมรับและเคารพเสียงข้างมาก คือต้องฟังเสียงประชาชน จึงเป็นที่มาของพรรคชาติพัฒนา No Problem

“ก่อนเลือกตั้ง พล.อ.ชาติชาย เรียกว่า การเมือง เพราะต้องสู้กันให้เต็มที่ แต่พอจบเลือกตั้ง นักการเมืองต้องคุยกัน ท่านจึงเรียกว่า บ้านเมือง เพราะทุกฝ่ายต้องช่วยกันคุยกันเพื่อบ้านเมือง ดังนั้น การเมืองในวันนี้ต้องใช้หลักข้อนี้ คือ ก่อนเลือกตั้งสู้กันให้เต็มที่ แต่หลังเลือกตั้งต้องคิดถึงบ้านเมือง แม้ว่าฝ่ายหนึ่งเป็นรัฐบาล อีกฝ่ายเป็นฝ่ายค้าน แต่ต้องคุยกันเพื่อบ้านเมือง” สุวัจน์ กล่าว