ประชันโฉม! "ว่าที่นายกรัฐมนตรี"
โฉมหน้าว่าที่นายกรัฐมนตรีคนต่อไปเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ หลังพรรคการเมืองทยอยเปิดรายชื่อบุคคลที่จะเป็นแคนดิเดตในบัญชีของพรรค
โฉมหน้าว่าที่นายกรัฐมนตรีคนต่อไปเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ หลังพรรคการเมืองทยอยเปิดรายชื่อบุคคลที่จะเป็นแคนดิเดตในบัญชีของพรรค
******************************
โดย...ทีมข่าวการเมืองโพสต์ทูเดย์
โฉมหน้าว่าที่นายกรัฐมนตรีคนต่อไปเริ่มปรากฏเค้าลางชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ภายหลังพรรคการเมืองทยอยเปิดรายชื่อบุคคลที่จะเป็นแคนดิเดตในบัญชีของพรรคตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งจะต้องชี้ขาดกันที่คะแนนเสียงที่แต่ละพรรคจะได้รับในการเลือกตั้งครั้งนี้
เริ่มตั้งแต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ซึ่งล่าสุดพรรคพลังประชารัฐได้ส่งเทียบเชิญมาเป็นแคนดิเดตในบัญชีนายกรัฐมนตรีของพรรคอย่างเป็นทางการ ด้วยจุดเด่นที่อยู่ในอำนาจมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่หลังรัฐประหาร ทั้งในฐานะหัวหน้า คสช.และนายกรัฐมนตรีมายาวนานกว่า 4 ปี รวมทั้งได้เริ่มต้นบรรดานโยบายสำคัญไว้หลายเรื่อง โดยเฉพาะนโยบายที่เกี่ยวข้องและต่อยอดจากโครงการประชารัฐทั้งหลาย
ในแง่ประวัติส่วนตัว พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 12 เติบโตจากกรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ หรือ “ทหารเสือราชินี” เริ่มมาจากตำแหน่ง
ผู้บังคับการกองพัน จนถึงผู้บังคับการกรม จากนั้นจึงย้ายไปอยู่ที่กองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ และรับตำแหน่งรองแม่ทัพภาคที่ 1 ก่อนขยับขั้นมาสู่ตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในปี 2553
ถัดมา คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย หนึ่งใน 3 รายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ที่ถูกชูขึ้นมาเป็นว่าที่นายกรัฐมนตรีหญิงอีกคนหนึ่งของพรรค ด้วยจุดเด่นเรื่องประสบการณ์การทำงานตั้งแต่สมัยพรรคพลังธรรม เรื่อยมาจนถึงตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ก่อนจะถูกตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปี ในปี 2550 เพราะเป็นกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ซึ่งถูกยุบในคดียุบพรรคการเมือง พ.ศ. 2549
งานด้านบริหารเคยเป็นรัฐมนตรีหลายกระทรวง ทั้ง รมช.คมนาคม ปี 2537 รมว.สาธารณสุข ปี 2544 รมว.เกษตรและสหกรณ์ ปี 2548 ประวัติการศึกษา จบปริญญาตรีด้านการตลาด จากคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และระดับปริญญาโท บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต จากสถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์
ส่วน อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นแคนดิเดตหนึ่งเดียวในบัญชีของพรรคประชาธิปัตย์ ด้วยจุดเด่นที่คณะกรรมการบริหารพรรคหยิบยกมา 5 ข้อ อาทิ มีความทุ่มเทในการทำงาน ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย ซื่อสัตย์ สุจริต ไม่เคยมีประวัติทุจริตคอร์รัปชั่น และมีประสบการณ์ ความรู้ ความสามารถ เคยเป็นนายกรัฐมนตรี
ประวัติส่วนตัวจบปริญญาสาขาวิชาปรัชญา การเมือง และเศรษฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด เคยเป็นผู้นำฝ่ายค้านในปี 2548 และเป็นนายกรัฐมนตรี
ปี 2551 และต้องบริหารราชการท่ามกลางการประท้วงใหญ่ในเดือน เม.ย. 2552 และเดือน พ.ค. 2553 ในการเลือกตั้งครั้งนี้ อภิสิทธิ์ประกาศไม่จับมือเพื่อไทย และไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี
ด้าน อนุทิน ชาญวีรกูล หนึ่งเดียวจากบัญชีนายกรัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทย ด้วยจุดยืนไม่ได้อยู่ภายใต้การชี้นำของใคร ของตัวเอง ไม่ได้อยู่ข้างใคร และว่ากันว่าจะเป็นอีกตัวแปรสำคัญสำหรับการเมืองรอบนี้ โดยเฉพาะล่าสุดกับการประกาศตัวขอเป็นนายกรัฐมนตรีกลางเวทีสนามช้างอินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต จ.บุรีรัมย์
ในแง่ประสบการณ์ อนุทินเคยรับตำแหน่ง รมช.สาธารณสุข และ รมช.พาณิชย์ เป็นบุตรชาย ชวรัตน์ ชาญวีรกูล อดีตรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย จบการศึกษาด้านวิศวกรรมศาสตร์ จากมหาวิทยาลัย Hofstra ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อปี 2532 ถูกตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปี เนื่องจากเป็นกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ต่อมาได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยเมื่อปี 2555
ด้าน ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ในฐานะแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค เป็นอดีตรองประธานกรรมการบริหารกลุ่มบริษัท ไทยซัมมิท จบการศึกษาภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และมหาวิทยาลัยนอตทิงแฮม ประเทศอังกฤษ
จบปริญญาโท สาขาเศรษฐศาสตร์การเมือง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และปริญญาโทใบที่ 2 สาขาการเงินระหว่างประเทศ ที่โรงเรียนธุรกิจสเติร์น มหาวิทยาลัยนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา และยังปริญญาโทใบที่ 3 สาขากฎหมายธุรกิจระหว่างประเทศ ที่มหาวิทยาลัยซังคท์กัลเลิน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
ส่วน กัญจนา ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา แม้จะเป็นรายชื่อที่พรรคเสนอเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ส่วนตัวระบุว่าการเสนอชื่อดังกล่าวเป็นไปตามกติกาและพรรคพิจารณาเสนอชื่อเท่านั้น พรรคชาติไทยพัฒนาเป็นมิตรกับทุกคน และขอเป็นพันธมิตรกับทุกพรรค
ประวัติ กัญจนา จบปริญญาตรี สถิติศาสตรบัณฑิต (เกียรตินิยมอันดับ 1 เหรียญทอง) จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และปริญญาโท บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต จากมหาวิทยาลัยวิสคอนซิน ประเทศสหรัฐอเมริกา เคยดำรงตำแหน่ง รมช.ศึกษาธิการ ปี 2542
ส่วนใครจะได้ขยับสถานะจากแคนดิเดตเป็นนายกรัฐมนตรีตัวจริงนั้น คงต้องติดตามกันหลังเลือกตั้ง โดยมีคะแนนเสียงของประชาชนจะเป็นตัวชี้ขาด


