posttoday

ครอบครัวที่ถูกลืม...แห่งชุมชนลำปลาทิว

27 ตุลาคม 2553

ครอบครัว “ขวัญใจ” แห่งชุมชนลำปลาทิว ลาดกระบัง ไม่ใช่ผู้เดือดร้อนจากปัญหาน้ำท่วมธรรมดา แต่ถือว่าเดือดร้อนแสนสาหัส เมื่อแม่เป็นอัมพาต ลูกชายเป็นมะเร็งตับขั้นสุดท้าย และพี่เขยที่อยู่บ้านเดียวกันตาบอด

ครอบครัว “ขวัญใจ” แห่งชุมชนลำปลาทิว ลาดกระบัง ไม่ใช่ผู้เดือดร้อนจากปัญหาน้ำท่วมธรรมดา แต่ถือว่าเดือดร้อนแสนสาหัส เมื่อแม่เป็นอัมพาต ลูกชายเป็นมะเร็งตับขั้นสุดท้าย และพี่เขยที่อยู่บ้านเดียวกันตาบอด

โดย....ดำรงเกียรติ มาลา

ขณะที่กระแสน้ำใจและสิ่งของบริจาคจากทั่วประเทศหลั่งไหลไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมในภาคกลางและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่ได้รับความเดือดร้อนอย่างแสนสาหัสจากอุทกภัยครั้งใหญ่ในรอบหลายสิบปี ยังคงมีชาวบ้านอีกกลุ่มหนึ่งที่ถูกหลงลืม ทั้งๆอยู่ในกรุงเทพมหานครนี่เอง

ครอบครัวที่ถูกลืม...แห่งชุมชนลำปลาทิว

คนกลุ่มนี้คือชาวชุมชนลำปลาทิว ในพื้นที่เขตลาดกระบัง ที่ต้องทนทุกข์ทรมานอาศัยอยู่ในพื้นที่น้ำท่วมขังมาเป็นเวลากว่า 1 เดือนแล้ว

ชุมชนลำปลาทิวนั้นเป็นชุมชนริมคลองเก่าแก่ พื้นที่มีลักษณะเป็นแอ่งกระทะ ทำให้ถูกน้ำท่วมขังเป็นประจำทุกปี โดยเฉพาะในฤดูฝน เนื่องจากคลองลำปลาทิวเป็นจุดระบายน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาออกสู่อ่าวไทย เมื่อน้ำเหนือไหลมาพื้นที่แห่งนี้จะได้รับผลกระทบเป็นแห่งแรกๆของกรุงเทพมหานคร

ชาวบ้านในชุมชนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าได้รับความเดือดร้อน จากปัญหาน้ำท่วมซ้ำซ้อนมายาวนานแสนสาหัส ทั้งจากโรคที่มากับน้ำท่วม ปัญหาด้านการสัญจรและผลกระทบต่อการทำมาหากิน 

ลำพังแค่คนปกติก็ถือว่าเดือดร้อนมากพออยู่แล้ว  แต่สำหรับชาวบ้านที่ปัญหาทางด้านสุขภาพหรือทุพพลภาพคงไม่ต้องสงสัยว่าจะต้องเดือดมากขึ้นอีกเป็นทวีคูณ ....

นางศิริ ขวัญใจ หรือคุณยายศิริ อายุ 76 ปี ชาวบ้านหมู่ 3 แขวงลำปลาทิว เขตลาดกระบัง ป่วยเป็นโรคเบาหวาน ความดัน ซ้ำยังเป็นอัมพาตไม่สามารถเดินเหินไปไหนได้ อาศัยอยู่ร่วมกับลูกชาย 2 คน คือนายสมเกียรติและนายณัฐวัตร โดยที่นายสมเกียรติป่วยเป็นมะเร็งตับระยะสุดท้าย

นอกจากนี้ยังต้องรับผิดชอบดูแล ลุงหริ พี่เขยที่ตาบอดโดยกำเนิดอีก การใช้ชีวิตในช่วงปกติก็ยากลำบากอยู่แล้ว แต่เมื่อต้องประสบกับปัญหาน้ำท่วมซ้ำอีกยิ่งทำให้จิตใจยิ่งท้อถอย เพราะสมาชิกในครอบครัวแต่ละคนนั้นไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้เลย มีก็แต่เพียงนายณัฐวัตร ลูกชายคนเล็กของคุณยายศิริเท่านั้น ที่เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการนำเงินมาจุนเจือครอบครัว ด้วยอาศัยขับรถสองแถวรับ-ส่งนักเรียน ซึ่งช่วงนี้เป็นช่วงปิดเทอมทำให้ไม่มีรายได้มาเลี้ยงครอบครัว

“น้ำท่วมครั้งลำบากมาก เวลาน้ำมันท่วมเข้ามาลูกชายก็ต้องคอยอุ้มเข้าไปไว้ในบ้าน ปกติเราก็จะปลูกผักปลูกหญ้าหากินไปเรื่อย พอน้ำมาท่วมมันก็ตายหมด ปลานิล ปลาตะเพียน ที่เลี้ยงเอาไว้ในบ่อก็หลุดไปหมด โชคยังดีที่ลงทุนไปไม่เยอะ บางคนลงทุนไปเป็นหมื่นเป็นแสนก็มี เดี๋ยวนี้จะทำนาก็ทำไม่ได้เพราะน้ำที่ปล่อยมาจากนิคมฯ ทำให้รากข้าวตายหมด” คุณยายศิริ เล่าทั้งน้ำตา 

ครอบครัวที่ถูกลืม...แห่งชุมชนลำปลาทิว

ด้านนายณัฐวัตร เล่าให้ฟังว่า ปกติที่ดินบริเวณบ้านจะมีการปลูกพืชผักและเลี้ยงปลาเอาไว้ ทั้งกินกันเองภายในครอบครัวและหากเหลือก็จะนำไปขายเพื่อสร้างรายได้เล็กๆน้อยๆ แต่ตั้งแต่น้ำท่วมมา ปลาที่ลงทุนเลี้ยงเอาไว้ก็หลุดออกไปกับกระแสน้ำทั้งหมด ผักหญ้าที่ปลุกไว้ก็ทยอยยืนต้นตาย

“ผมต้องพาแม่ไปหาหมอทุกๆ 3 เดือน ซึ่งค่าใช้จ่ายแต่ละครั้งก็หลายพันบาท ไหนจะค่ายาที่ต้องซื้อมาฉีดเองที่บ้านอีก แต่ที่หนักที่สุดคืค่าผ้าอ้อมที่ต้องใช้ทุกวันและเปลี่ยนค่อนข้างบ่อย ก็อยากในหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหรือผู้ใจบุญเข้ามาช่วยเหลือบ้าง” นายณัฐวัตร กล่าวพร้อม ร้องขอให้หน่วยงานภาครัฐเข้ามาช่วยเหลือครอบครัวและชาวบ้านในชุมชนลำปลาทิวบ้าง เนื่องจากช่วงนี้ครอบครัวไม่มีรายได้มากว่า 1 เดือนแล้ว

นอกจากนี้ยังทราบมาว่าผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร เพิ่งจะมาลงพื้นที่สำรวจความเสียหายที่ชุมชนลำปลาทิวเมื่อวันที่ 23 ต.ค. ที่ผ่านมาโดยมีการนำถุงยังชีพและยารักษาโรคมาแจกจ่าย แต่ชาวบ้านในชุมชนแห่งนี้กลับไม่ได้รับความช่วยเหลือเลยแม้แต่น้อย

“จนถึงตอนนี้ หน่วยงานของรัฐยังไม่เคยเข้ามาดูแลเลย ทั้งๆที่สัญญาว่าจะมาช่วยแก้ปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ให้ตอนมาหาเสียง ขณะนี้ผมต้องรับภาระอย่างหนักทั้งต้องดูแลแม่และพี่ชาย ไหนจะลูกเมียอีก งานก็ไม่มีทำ ตอนนี้ยังไม่รู้จะเอาเงินที่ไหนพาแม่ไปหาหมอเลย เมื่อวันก่อนเห็นผู้ว่าฯนำถุงยังชีพและยารักษาโรคมาแจกให้กับชาวบ้านในหมู่ 10 ก็อยากให้เข้ามาช่วยเหลือพวกผมบ้าง เพราะพวกเราก็เดือดร้อนเหมือนกัน” นายณัฐวัตร กล่าวตัดพ้อ

ครอบครัวที่ถูกลืม...แห่งชุมชนลำปลาทิว

ด้าน นางสมศรี สุขสำราญ หรือ ป้าสมศรี เพื่อนบ้านของยายศิริ ซึ่งเป็นเจ้าของร้านขายของชำ เล่าให้ฟังว่า บ้านของเธอถูกน้ำท่วมขังมาเป็นเวลานานกว่า 1 เดือนแล้ว ทำให้ส่งผลกระทบต่อรายได้และธุรกิจครอบครัวซึ่งเป็นร้านขายของชำ เพราะสินค้าหลายชนิดที่จะไปรับมาขายต่อมีการฉวยโอกาสขึ้นราคา ทำให้มีต้นทุนสูงขึ้นขณะที่ขายของได้น้อยลง อีกทั้งการเดินทางที่ยากลำบากก็เป็นอีกหนึ่งอุปสรรค นอกจากนี้ยังเป็นโรคน้ำกัดเท้าจากการที่ต้องอาศัยในบ้านที่น้ำท่วมมานานอีกด้วย

"ปกติพื้นที่ละแวกนี้น้ำจะท่วมขังทุกปี แต่ปีนี้ถือว่าหนักที่สุด จะย้ายออกไปอยู่ที่อื่นก็เป็นห่วงทรัพย์สิน จึงต้องจำใจอยู่ไป คิดซะว่ามีคนที่เดือดร้อนกว่าเราอีกเยอะ นี่ก็เดินลุยน้ำจนเท้ามันเป็นแผลเป็นผื่นไปหมดแล้ว เพราะเราอยู่ใกล้นิคมอุตสาหกรรมด้วย เวลาเขาปล่อยน้ำมาทีปลาตายเป็นเบือ พอตกกลางคืนยุงก็เยอะเพราะน้ำมันขัง มันไม่มีทางระบายออก ช่วงนี้ 2-3 วันมานี่ น้ำก็เริ่มลดลงบ้างแล้ว แต่ก็กลัวว่าน้ำจากต่างจังหวัดจะไหลมาทำให้น้ำกลับมาท่วมสูงอีกครั้ง"นางสมศรี ระบายความในใจ 

หมายเหตุ - สำหรับผู้ที่ต้องการช่วยเหลือ ครอบครัวขวัญใจ สามารถบริจาคเงินช่วยเหลือได้ที่ ชื่อบัญชี นายณัฐวัตร ขวัญใจ เลขที่บัญชี 082-0-30424-7 ธนาคารกรุงไทย สาขาหัวตะเข้ เขตลาดกระบัง กทม.

ข่าวล่าสุด

ตำรวจไซเบอร์-ทหาร ถกเข้มชายแดนสระแก้ว เตรียมรับคนไทยจากกัมพูชากลับบ้าน!