ไม่ละความพยายามแม้ทางตัน
ลุ้นปฏิบัติการช่วยเหลือ สมาชิกทีมฟุตบอลเยาวชน หมูป่า อะคาเดมี่ และ ผู้ช่วยผู้ฝึกสอนรวม 13 คน ที่ติดอยู่ภายในถ้ำหลวง
โดย...ทีมข่าวภูมิภาคโพสต์ทูเดย์
ตั้งแต่ช่วงเช้าวันที่ 27 มิ.ย. กำลังทหาร ตำรวจตระเวนชายแดน และทีมกู้ภัยกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช สนธิกำลังเดินเท้าเข้าสำรวจปล่องถ้ำเหนือเขานางนอน เพื่อช่วยเหลือสมาชิกทีมฟุตบอลเยาวชน หมูป่า อะคาเดมี่ และ ผู้ช่วยผู้ฝึกสอนรวม 13 คน ที่ติดอยู่ภายในถ้ำหลวง วนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน อ.แม่สาย จ.เชียงราย ตั้งแต่ช่วงเย็นวันเสาร์ที่ 23 มิ.ย.
ขณะเดียวกัน ภายในถ้ำ นักทำลายใต้น้ำจู่โจม หรือหน่วยซีล สังกัดกรมรบพิเศษที่ 1 หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ 2 ชุด รวม 42 นาย ก็พยายามดำน้ำวางแนวเชือกพร้อม Chemical Light เพื่อไปยังจุดที่คาดว่าผู้ประสบภัยทั้ง 13 คน ติดอยู่
การสำรวจปล่องถ้ำด้านบนเขานางนอน เจ้าหน้าที่เข้าสำรวจปล่องถ้ำ 2 จุด หรืออยู่ในแนวใกล้เคียงกับจุดที่เรียกว่า หาดพัทยา ซึ่งคาดว่าทั้ง 13 คน ติดอยู่
การตรวจสอบปล่องถ้ำที่ 1 พบว่าเป็นทางตัน ส่วนปล่องถ้ำที่ 2 ทางลงจากปากปล่องค่อนข้างแคบ เมื่อลงไปได้ประมาณ 90 เมตร ทางเข้าก็แคบลงเรื่อยๆ เจ้าหน้าที่จึงถอนกำลังเพื่อตรวจสอบอีกครั้ง
การทำงานของทีมค้นหาทั้งภายในถ้ำและด้านบนเขานางนอน ต่างประสบปัญหาอย่างหนักจากฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ฝนและลมแรงส่งผลต่อการใช้เฮลิคอปเตอร์และโดรนสนับสนุนการค้นหาปล่องถ้ำ ขณะเดียวกันก็ทำให้น้ำที่ไหลเข้าไปภายในถ้ำเพิ่มมากขึ้น ส่งผลต่อการทำงานของหน่วยซีล
กระทั่งช่วงเย็น พล.ต.ฉลองชัย ชัยยะคำ รองแม่ทัพภาคที่ 3 ได้สรุปสถานการณ์ว่า หน่วยซีลยังไม่ถึงหาดพัทยา ออกซิเจน 1 ถัง ไปได้แค่ 200 เมตร แต่ก็ยังทำตลอดไม่หยุด ขณะที่ด้านบนเขานางนอน เจ้าหน้าที่พบปล่องถ้ำที่ลงไปได้ แต่ไม่ถึงด้านล่างภายในถ้ำ กำลังพยายามค้นหาจุดอื่นๆ ทุกจุดมี เจ้าหน้าที่ประจำอยู่ตลอด 24 ชม.
รองแม่ทัพภาคที่ 3 ยืนยันว่า ยังมั่นใจว่าทั้ง 13 คน ยังมีชีวิต และจะหาจุดใหม่ที่จะเข้าไปช่วยเหลือต่อไป
"การพบตัวเป็นความหวังของพวกเราทุกคน จะไม่ละความพยายามจนกว่าจะหาทางเข้าถ้ำช่วยเหลือน้องๆ ได้ มีการลาดตระเวนหาปล่องโพรงถ้ำเพิ่มเติม ส่วนที่พบแล้ว 3 ปล่อง กำลังเร่งตรวจสอบว่าสามารถโรยตัวลงไปได้หรือไม่ อย่างไรก็ตาม หากมีผู้ใดรู้ว่ามีช่องทางเข้าถ้ำได้เพิ่มเติม ให้รีบติดต่อ เจ้าหน้าที่" พล.ต.ฉลองชัย กล่าว
สำหรับการระบายน้ำออกจากภายในถ้ำนั้น รองแม่ทัพภาคที่ 3 บอกว่า ต้องการพร่องน้ำออกเพื่อให้มีช่องอากาศสำหรับผ่านไปได้ ไม่เพียงแต่สูบภายในถ้ำ แต่สูบจากอ่างเก็บน้ำด้านนอกด้วย แล้วตรวจสอบว่าน้ำภายในถ้ำลดลงหรือไม่ จะเร่งมือสูบน้ำทั้งข้างในและรอบนอก เพื่อให้หน่วยซีลทำงานได้ง่ายขึ้น และยอมรับว่ามีการพิจารณาแผนการเจาะถ้ำ ซึ่งกรมทรัพยากรธรณีกำลังหาวิธีการ
"28 มิ.ย.นี้ กองทัพสหรัฐก็จะส่ง เจ้าหน้าที่พร้อมเครื่องมือทันสมัยที่สามารถตรวจจับสัญญาณสิ่งมีชีวิตภายในถ้ำมา ก็จะดำเนินการ ส่วนชุดเดินเท้าบนยอดดอยเราก็เชื่อว่ามีปล่องอื่นๆ อีก เราก็จะสำรวจให้หมด" รองแม่ทัพภาคที่ 3 กล่าว
ก่อนหน้านี้ ณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผวจ.เชียงราย เปิดเผยว่า แม้จะระดมสูบน้ำแต่มีฝนตกต่อเนื่อง จึงสู้น้ำฝนไม่ได้ มีความพยายามใช้กระสอบทรายอุดตาน้ำธรรมชาติ แม้จะมีเครื่องสูบน้ำประมาณ 30 เครื่อง แต่ปริมาณของสายไฟฟ้าที่เข้าไปใช้กับเครื่องสูบน้ำได้ไม่เกิน 10 เครื่อง ส่วนที่เหลือใช้สำหรับสแตนด์บาย อีกทั้งต้องมั่นใจว่าจะไม่มีกระแสไฟฟ้ารั่ว ซึ่งจะเป็นอันตรายต่อหน่วยซีล
"หน่วยซีลน่าจะอยู่ใกล้พัทยาบีช พบปัญหาน้ำขุ่น เจาะได้แล้วเจอโคลนอีก พยายามจะเจาะให้ได้อีก" ผวจ.เชียงราย กล่าว
พล.ร.อ.นริส ประทุมสุวรรณ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) กล่าวว่า มีหน่วยซีลอยู่ในพื้นที่ถ้ำหลวง รวม 45 นาย โดยแบ่งทำงานชุดละ 8 นาย เข้าทำงานครั้งละ 3 ชุด ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันอย่างต่อเนื่องไม่ได้พัก จะต้องช่วยทั้ง 13 คน ออกมาให้ได้ โดยกรมวิทยาศาสตร์ ทร.ได้นำเครื่องตรวจวัดระดับออกซิเจนติดไปกับผู้ปฏิบัติงานด้วย เพื่อดูว่าสภาพอากาศเป็นอย่างไร นอกจากนี้กรมแพทย์ทหารเรือก็เตรียมพร้อมทีมแพทย์สำหรับแก้ปัญหากรณีเกิดอุบัติเหตุใต้น้ำ อุปสรรคในการทำงานคือระดับน้ำ สภาพอากาศ มีฝนตกลงมาตลอด มีปัญหาเรื่องระดับน้ำ เพราะถ้าน้ำปกติจะไม่มีปัญหา แต่เป็นน้ำโคลนที่เป็นอุปสรรคอย่างมาก
"ผมเองก็ติดตามอย่างต่อเนื่อง และจะไป จ.เชียงราย เยี่ยมลูกน้อง แม้จะมีอุปสรรค แต่เราไม่ได้ท้อถอย และพยายามทำต่อไป เราต้องช่วยให้ได้ เราทำเต็มที่ ไม่ได้พัก และเพิ่มเติมกำลังไปแล้ว ก็หวังว่าเราจะทำได้สำเร็จและช่วยทั้ง 13 คน ออกมาได้อย่างปลอดภัย" ผบ.ทร.กล่าว และว่าผลพวงจากครั้งนี้จะเป็นบทเรียนในเรื่องการทำงานและการฝึกของทหาร ควรมีแผนในการป้องกันภัย การกู้ภัย แม้เคยทำไว้แล้วหลายรูปแบบ แต่ควรจะเพิ่มเติมในเรื่องนี้ด้วย
ล่าสุด ในช่วงเย็นวานนี้ก็มีสัญญาณที่ดี การสูบน้ำในจุดซึ่งเป็นอุปสรรคของหน่วยซีลเริ่มทำได้แล้ว โดยตั้งเป้าลดระดับน้ำจากเพดานถ้ำลงประมาณ 30 ซม. เพื่อให้มีช่องอากาศสำหรับหายใจ สลับกับการใช้ถังออกซิเจนขนาดเล็ก เพราะจุดดังกล่าวเป็นพื้นที่แคบไม่สามารถใช้ถังออกซิเจนขนาดใหญ่ได้ ทำให้การดำน้ำไปได้ในระยะสั้นๆ เท่านั้น คาดว่าระยะทางที่จะต้องดำน้ำไปยังจุดที่คาดว่า ผู้ประสบภัยทั้ง 13 คนอยู่นั้นมีระยะทางประมาณ 1 กม.
ทั้งนี้ การสูบน้ำออกมาดังกล่าว ใช้วิธีติดตั้งเครื่องสูบน้ำบาดาล หรือ ซัมเมอร์ส 20 เครื่อง ดูดน้ำจากพื้นที่หาดพัทยามายังโถง 2 จากนั้นใช้เครื่องสูบน้ำแรงดันสูงอีก 8 เครื่อง สูบจากโถง 2 ออกมาภายนอกถ้ำอีกทอดหนึ่ง ซึ่งสามารถสูบน้ำออกมาได้นาทีละประมาณ 20 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ขณะที่ปริมาณน้ำไหลเข้านาทีละ 10 ลบ.ม. หากไม่มีฝนตกลงมาก็จะสามารถพร่องน้ำได้ภายใน 2 ชม. ซึ่งจะทำให้หน่วยซีลสามารถเข้าไปยังหาดพัทยาและค้นหาช่วยเหลือทั้ง 13 คนต่อไปได้
ด้าน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย เปิดเผยว่า จะเดินทางลง พื้นที่ถ้ำหลวงอีกครั้งในวันที่ 28 มิ.ย.นี้ โดยยืนยันว่า ได้รับรายงานจากทหารหน่วยรบพิเศษที่พยายามโรยตัวเข้าโพรงถ้ำที่เชื่อว่าจะทะลุเข้าไปข้างในได้
ขณะที่ นิวัติ บุญนพ ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรณี เขต 1 ก็บอกว่า ในวันที่ 28 มิ.ย.จะใช้โดรนพิเศษ 3 ลำ ซึ่งมีซูเปอร์คาเมรา หรือกล้องพิเศษเพื่อสำรวจว่ามีโพรงถ้ำที่จะผ่านเข้าไปได้หรือไม่
ขณะเดียวกัน โรเบิร์ต ชาร์ลส์ ฮาร์เปอร์ ริชาร์ด วิลเลียม สแตนตัน และจอห์น โวลันเธ็น ผู้ชำนาญการดำน้ำในถ้ำจาก British Cave Rescue Council แห่งสหราชอาณาจักร ก็เดินทางถึงถ้ำหลวงแล้วตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 27 มิ.ย. เพื่อเตรียมให้ความช่วยเหลือทั้ง 13 คนต่อไป