posttoday

"เด็กขาดการแนะแนว"เติมปัญหา"ทีแคส" เพิ่มภาระเรียนแล้วตกงาน

20 มิถุนายน 2561

ปัญหาเด็กขาดการแนะแนว ทำให้นักเรียนจำนวนมากประสบปัญหาเรื่องการค้นพบว่าอยากเรียนอะไรกันแน่

ปัญหาเด็กขาดการแนะแนว ทำให้นักเรียนจำนวนมากประสบปัญหาเรื่องการค้นพบว่าอยากเรียนอะไรกันแน่

*****************************

โดย...ธเนศน์ นุ่นมัน

หลังจากการรับสมัครบุคคลเข้าศึกษาต่อในสถาบันอุดมศึกษา หรือ TCAS (ทีแคส) กลายเป็นทอล์คออฟเดอะทาวน์ เด็กและผู้ปกครองจำนวนมากให้ความสนใจในเรื่องนี้และเข้าใจดีว่าทีแคสยังมีปัญหาอีกหลายด้านที่รอให้ ที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) เข้าไปแก้ไข แต่มีแง่มุมหนึ่งที่น่าหยิบยกมากล่าวถึง นั่นก็คือ ปัญหาการกั๊กที่เรียนจากการเลือกอันดับการสอบทีแคส กำลังสะท้อนถึงปัญหาหนึ่ง ซึ่งแม้จะมีมานานและมีอยู่ในทุกระบบการรับสมัครบุคคลเข้าศึกษาต่อในสถาบันอุดมศึกษาที่ถูกประกาศใช้ก่อนหน้านี้ แต่ปัญหาการกั๊กที่นั่ง ซึ่งระบบนี้มีช่องทางให้นักเรียนกลุ่มที่เก่งมากมีโอกาสเลือกเรียนและกลายเป็นการกั๊กที่คนอื่นๆ เพราะจะได้สิทธิ์ทั้ง จากการคัดเลือกของ กลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย (กสพท.) และ รับตรงอีก 3 สถาบัน

เด็กเก่งกลุ่มหนึ่ง สามารถเลือกที่นั่งเรียนได้ถึง 7 อันดับ โดยพบด้วยว่า มีเด็กกลุ่มได้คะแนนสูงเลือกทั้งคณะแพทย์ในส่วนของกสพท. และยังไปเลือกคณะนิเทศศาสตร์ อีกด้วย ซึ่งคาดว่าเป็นการเลือกแบบเผื่อเลือก ไม่ได้ตัดสินใจเรียนจริง จนเกิดการตั้งข้อสังเกตว่ายังมีเด็กจำนวนไม่น้อย ที่ไม่มีความชัดเจนในเป้าหมายการเรียน และยังสะท้อนอีกว่า ปัญหานี้อาจจะมาจากเรื่องอื่นๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ปัญหาที่ถูกคาดการณ์เช่นกันก็คือต้นทางของเรื่องนี้ เกิดจากเด็กนักเรียนจำนวนมากขาดการได้รับการแนะแนวการศึกษา ทั้งๆ ที่เรื่องนี้มีปัญหาความชัดเจนในเป้าหมายการเรียนบรรเทาลง

วิภา เกตุเทพา ครูแนะแนวโรงเรียนสตรีวิทยา 2 และในฐานะประธานครูแนะแนวกรุงเทพมหานคร สมาคมแนะแนวแห่งประเทศไทย ระบุว่า ปัญหาเด็กขาดการแนะแนว อาจจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้นักเรียนจำนวนมากประสบปัญหาเรื่องการค้นพบว่าตัวเองอยากเรียนอะไรกันแน่ เพราะมีครูแนะแนวส่วนใหญ่จะทำงานของตัวเองอย่างเต็มที่เพื่อช่วยในสิ่งที่นักเรียนต้องการและสมควรได้รับจากวิชาแนะแนว แต่เพราะโรงเรียนยังไม่ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากนัก ทำให้ครูแนะแนวยังเป็นกลุ่มครูที่ถือว่าขาดแคลน

“ครูแนะแนวนั้นมีบทบาทมากในการแนะนำเรื่องต่างๆ ทั้งปัญหาว่าจะเรียนต่ออะไรดี หรือปัญหาในการสอบเช่นกรณีปัญหาทีแคส แต่โรงเรียนส่วนใหญ่ก็ไม่ให้ความสำคัญ หากตำแหน่งบรรจุว่างลง โรงเรียนมักจะไม่เลือกจ้างครูแนะแนว แต่นำไปจ้างครูวิชาการ และใช้วิธีให้ครูที่สอนวิชาต่างๆ ไปอบรมเป็นครูแนะแนว ซึ่งเป็นสิ่งที่ทดแทนกันไม่ได้ เพราะครูทั่วไปนอกจากมีภาระการสอนหนักอยู่แล้ว ยังถือว่าไม่ได้ขาดความเชี่ยวชาญด้านการแนะแนวบางแง่มุมที่เป็นมืออาชีพ และเมื่อสถาบันผลิตครูเห็นว่าครูสายนี้ไม่ถูกจ้างงาน สถาบันก็เลิกหรือลดการผลิตครูสายนี้ตามไปด้วย” ประธานครูแนะแนว กล่าว

บทบาทครูแนะแนวในมุมมองของประธานครูแนะแนว เป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะครูกลุ่มนี้จะเข้าถึงปัญหาที่นักเรียนประสบอยู่ในมิติที่ใกล้ชิดกว่าครูผู้สอนวิชาอื่นๆ และยืนยันว่า เด็กที่ผ่านการแนะแนวจากครูมืออาชีพมาแล้ว จะสามารถตัดสินใจได้ว่าจะเรียนอะไรในระดับหนึ่ง แต่เด็กมักจะรู้อนาคตตัวเองแบบจมอยู่ในความหวาดกลัวสารพัด กลัวไม่มีที่เรียน กลัวที่จะต้องอับอาย กลัวพ่อแม่เสียหน้า ความกลัวทำให้ต้องดิ้นรน จนกลายเป็นทำอย่างไรก็ได้ ให้ตัวเองมีที่เรียน หลายคนทิ้งความฝัน ทิ้งสิ่งที่อยากเป็นในอนาคตไปเพราะ กลัว จึงเลือกลงเรียนเท่าที่จะสอบได้ และการกั๊กที่เรียนคนอื่นก็มาจากความกลัวที่ว่านี้

“และระบบทีแคส ที่ทำให้เด็กมีโอกาสเลือกมาก กลายเป็นเครื่องมือตอบสนองหรือแก้ปัญหาความกลัวของตัวเอง และความกลัวนี้เข้มแข็งขึ้นจนพวกเขาไม่กล้าเลือกเส้นทางอื่นๆ ที่ไม่ใช่มหาวิทยาลัย ไม่กล้าเลือกสายอาชีพที่ตอบโจทย์การทำงานได้มากกว่า จึงเป็นหน้าที่ของผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้องทุกคนที่จะทำลายกำแพงค่านิยมนี้ลง และเรื่องนี้ยากมาก ตอนนี้กำลังแนะแนวเด็ก ม. 3 ให้เลือกเรียนสายอาชีพเพิ่มขึ้น ก็พบชัดเจนว่าสิ่งที่ยากที่สุดก็คือการพยายามทำลายค่านิยมเรื่องการเรียนสายสามัญของผู้ปกครอง โดยลืมมองเรื่องการประกอบอาชีพในอนาคต” อาจารย์วิภากล่าว

ธันว์ธิดา วงศ์ประสงค์ นักวิชาการด้านนโยบายการศึกษาต่างประเทศ สำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และพัฒนาคุณภาพเยาวชน กล่าวว่า หลายประเทศให้ความสำคัญกับการแนะแนวและครูแนะแนวมาก เพราะถือเป็นครูที่ให้การแนะนำได้ ว่า อาชีพนั้นเปลี่ยนไปเร็วมาก หากเด็กค้นพบตัวเองช้าหรือปรับตัวไม่ทัน ก็จะทำให้ต้องเสียเวลาไปกับการเรียนที่ไม่มีตำแหน่งงานรองรับ เช่นสายการเงิน ซึ่งธนาคารในอนาคตมีแผนที่จะใช้แรงงานคนน้อยลง หรือลดคนที่มีในระบบลงอีกมาก หันไปใช้เทคโนโลยีแทน การเรียนสายนี้ก็จะจบแล้วหางานยาก เป็นต้น ขณะที่ในอนาคต จะเกิดอาชีพใหม่ๆ ขึ้นมากมาย ครูแนะแนวจะมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งที่จะช่วยเด็กในอนาคต