posttoday

คืนทางเท้าหน้าเซ็นทรัล เพื่อประโยชน์สุขส่วนรวม

03 มิถุนายน 2561

หลังจากเป็นปัญหาคาราคาซังมานาน ล่าสุดกทม.ก็สามารถจัดระเบียบร้านค้า แผงลอยที่กีดขวางทางเท้า บริเวณหน้าศูนย์การค้าเดอะวันพาร์คติดกับศูนย์การค้าเซ็นทรัล ลาดพร้าวได้สำเร็จ

หลังจากเป็นปัญหาคาราคาซังมานาน ล่าสุดกทม.ก็สามารถจัดระเบียบร้านค้า แผงลอยที่กีดขวางทางเท้า บริเวณหน้าศูนย์การค้าเดอะวันพาร์คติดกับศูนย์การค้าเซ็นทรัล ลาดพร้าวได้สำเร็จ

**************************

โดย...นิติพันธุ์ สุขอรุณ

กรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้รับเสียงตอบรับจากประชาชนไม่น้อย เมื่อสามารถจัดระเบียบร้านค้า แผงลอยที่กีดขวางทางเท้า บริเวณหน้าศูนย์การค้าเดอะวันพาร์คติดกับศูนย์การค้าเซ็นทรัล ลาดพร้าว ฝั่งถนนพหลโยธิน เป็นผลสำเร็จ เพราะสามารถทวงคืนทางเท้าให้ประชาชนกลับมาใช้สำหรับเดินสัญจรไปมา หรือยืนรอขึ้นรถโดยสารประจำทางอย่างปลอดภัย ไม่ต้องเสี่ยงชีวิตลงไปยืนรอบนถนน หรือแม้กระทั่งเผชิญกับเหตุการณ์ระทึกเมื่อมีหนูวิ่งออกมาจากท่อระบายน้ำตรงเข้ามากัดเท้าจนเลือดอาบก็เคยมีมาแล้ว

ย้อนกลับไปที่จุดเริ่มต้นของปัญหาการจัดระเบียบในบริเวณนี้คาราคาซังมายาวนาน เนื่องจากบริเวณตั้งแต่ทางโค้งลงมาถึงผิวการจราจรเป็นพื้นที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) แม้สังคมจะมองว่าทางเท้าและถนนควรเป็นทางสาธารณะโดยปริยาย แต่เมื่อเป็นพื้นที่มีเจ้าของจึงเป็นสิทธิเจ้าของที่ดินจะดำเนินการอย่างไรก็ได้ ซึ่งทางสำนักงานเขตจตุจักรได้พยายามเจรจาขอพื้นที่มาบริหารเอง แต่ที่ผ่านมายังไม่ได้รับคำตอบจึงทำให้ กทม.ไม่สามารถเข้าไปจัดระเบียบได้

สกลธี ภัททิยกุล รองผู้ว่าฯ กทม. เปิดเผยว่า การจัดระเบียบร้านค้า หาบเร่ แผงลอยที่เกิดขึ้น เป็นผลมาจาก รฟท.ตัดสินใจยินยอมให้ความร่วมมือกับทาง กทม. ช่วยเข้ามาจัดระเบียบ ภายหลังได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนเข้ามาเป็นจำนวนมาก ว่าแผงลอยเหล่านี้ตั้งร้านกีดขวางทางเท้า ทิ้งเศษอาหารลงท่อระบายน้ำ ส่งผลกระทบต่อสังคมส่วนรวมเป็นอย่างมาก ดังนั้นจึงกำหนดให้ตั้งแต่วันที่ 29 พ.ค. จะต้องไม่มีร้านค้าหาบเร่ แผงลอย ตั้งร้านกีดขวางรุกล้ำทางเท้าและถนนอีก โดยไม่มีการผ่อนผันหรือยืดระยะเวลาเด็ดขาด

ทั้งนี้ แม้ว่าจะเห็นใจผู้ค้าหลายคนที่ต้องสูญเสียรายได้ แต่พื้นที่สาธารณะผู้ค้าไม่มีสิทธิตั้งแผงขายตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ซึ่งจะแก้ปัญหาโดยให้สำนักงานเขตจตุจักรทำความเข้าใจกับผู้ค้าให้ย้ายไปขายที่จุดผ่อนผันเดิมที่ติดกับสวนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จย่า พร้อมทั้งออกแบบจัดวางแผงค้าให้เพียงพอรองรับจำนวนผู้ประกอบการที่มีจำนวนกว่า 70 รายได้มีพื้นที่ขาย

อย่างไรก็ตาม ช่วงระยะเวลา 30 วันของการจัดระเบียบ จะมีเจ้าหน้าที่เทศกิจจัดเวรยามจำนวน 30 นายตลอด24 ชั่วโมง เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ค้ากลับมาตั้งแผงขายของอีก หากฝ่าฝืนมีโทษปรับ 2,000 บาท/วัน ตาม พ.ร.บ.รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ. 2535

สกลธี กล่าวอีกว่า ปัญหาหนึ่งที่ต้องพยายามแก้ต่อไปคือ ปัญหารถตู้จอดรอผู้โดยสารเป็นเวลานาน ทำให้รถโดยสารประจำทางไม่สามารถเข้ามาจอดในจุดจอดรับส่งได้ จึงประสานกับทางสถานีตำรวจนครบาลพหลโยธิน ช่วยกวดขันห้ามรถตู้เข้ามาจอดอีกเด็ดขาด หากจัดระเบียบเรื่องแผงลอยและรถตู้ได้ เชื่อว่าถนนพหลโยธินฝั่งหน้าห้างเซ็นทรัลลาดพร้าว จะมีการจราจรคล่องตัวมากยิ่งขึ้น

คืนทางเท้าหน้าเซ็นทรัล เพื่อประโยชน์สุขส่วนรวม สกลธี ภัททิยกุล รองผู้ว่าฯกทม.

ขณะที่แอดมินเพจเฟซบุ๊ก “กลุ่มคนไม่เอาหาบเร่แผงลอย” กล่าวถึงผลการจัดระเบียบแผงลอยว่าถือเป็นเรื่องดีที่สามารถยกเลิกแผงลอยได้ แต่ต้องยอมรับว่าผู้ค้าบางส่วนชอบฝ่าฝืนกฎหมายจึงอยากให้จัดกำลังเจ้าหน้าที่เทศกิจลงพื้นที่ตรวจตราความเรียบร้อยอย่างต่อเนื่องหลังผ่านพ้น 30 วันไปแล้ว ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นเหมือนถนนสีลมที่มีผู้ค้าแผงลอยกลับมาตั้งแผงเหมือนเดิมทุกวันนี้ ส่วนข้ออ้างของผู้ค้าเรื่องความยากจนจึงไม่ต้องการย้ายไปขายที่อื่นนั้น ไม่ควรนำข้ออ้างนี้มาเบียดเบียนคนอื่น เพราะทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน ความจน ความรวยไม่นำมาแบ่งแยกกันเพราะควรอยู่ในพื้นที่ให้ถูกต้อง

“การค้าขาย คือ การลงทุนคุณลงทุนกับวัตถุดิบได้ก็ต้องลงทุนกับพื้นที่เช่าแผงให้ถูกต้องตามกฎหมายได้เช่นกัน ไม่ใช่มาลิดรอนสิทธิของคนอื่นแล้วบอกว่าตัวเองยากจนไม่มีทางเลือกนั้นไม่จริง ผู้ค้ามีรายได้มากกว่ามนุษย์เงินเดือนอย่างพวกเราเสียอีก อย่าเอาความจนมาเรียกร้องให้ดูน่าเห็นใจ เพราะคุณไม่ได้จนจริง อีกด้านหนึ่งผู้ซื้อต้องปรับตัวตามด้วย โดยไม่ซื้อสินค้าจากร้านที่เห็นว่าสร้างผลกระทบต่อสังคมส่วนรวม อย่าเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนให้แผงลอยกระทำความผิด” แอดมินเพจเฟซบุ๊ก ซึ่งปฏิเสธที่จะระบุนาม กล่าว

สำหรับข้ออ้างว่าย้ายแล้วลูกค้าไม่ตามก็เช่นกัน ถ้าของดีจริงย้ายไปขายที่ไหนคนก็ตามไปซื้อ ซึ่งทุกวันนี้การค้าขายไม่ได้ขึ้นอยู่กับทำเลอีกต่อไป เพราะคนสามารถซื้อของจากที่ไหนก็ได้ ผู้ค้าไม่ได้สู้กับคู่แข่งที่ตั้งร้านในทำเลทอง แต่ยังต้องแข่งกับร้านค้าออนไลน์อีกด้วย ฉะนั้นต้องถามกลับว่าร้านมีอะไรดีที่จะทำให้ลูกค้าตามไปซื้อเหมือนเดิม

นอกจากนี้ กฎหมายความสะอาดเรียบร้อยของบ้านเมืองถือว่าบทลงโทษน้อยมากเมื่อเทียบกับต่างประเทศ เช่น ที่สิงคโปร์ มีโทษปรับเป็นเงินจำนวน 500 ดอลลาร์สิงคโปร์ และยังไม่รวมกับค่าความสกปรก ค่าเสียหายเมื่อพบว่าไปละเมิดสิทธิของผู้อื่น เขาจะปรับจนอาจสิ้นเนื้อประดาตัวได้เลย แต่ค่าปรับ 2,000 บาท ในมุมมองผู้ประกอบการถือว่าน้อยมาก แค่วันเดียวก็หาเงินได้มากกว่านั้นแล้ว

สำหรับบรรยากาศบริเวณทางเท้าด้านหน้าห้างเซ็นทรัล ลาดพร้าว เป็นไปด้วยความเรียบร้อยไม่พบว่ามีผู้ประกอบการร้านค้า แผงลอยฝ่าฝืนเข้ามาตั้งร้านกีดขวางทางเท้าแต่อย่างใด ขณะเดียวกันพบว่ามีเจ้าหน้าที่เทศกิจคอยเดินตรวจตราความเรียบร้อยอย่างต่อเนื่องและประจำจุดอำนวยการ ทำให้ประชาชนที่มายืนรอขึ้นรถโดยสารประจำทางมีความสะดวกสบายมากขึ้น