posttoday

จากคนขายหวยผู้ไม่สนโลก สู่นักเคลื่อนไหวการเมืองจอมซ่า "เอกชัย หงส์กังวาน"

22 พฤษภาคม 2561

เปิดชีวิตและมุมมองลูกชายเจ้าของธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง สู่เส้นทางนักกิจกรรมทางการเมืองเพื่อเรียกร้องสิ่งที่เขาเชื่อว่าเป็นความถูกต้องและเป็นธรรม

เปิดชีวิตและมุมมองลูกชายเจ้าของธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง สู่เส้นทางนักกิจกรรมทางการเมืองเพื่อเรียกร้องสิ่งที่เขาเชื่อว่าเป็นความถูกต้องและเป็นธรรม

--------------------------------

โดย…วิรวินท์ ศรีโหมด

คอการเมืองและนักเคลื่อนไหวน่าจะคุ้นหน้า เอกชัย หงส์กังวาน นักกิจกรรมทางการเมือง ชายผู้กล้าสวมนาฬิกาหลายเรือนและพยายามนำไปมอบให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ทั้งไปหายังทำเนียบรัฐบาล บ้านสี่เสาเทเวศน์ หรือแม้แต่บ้านพักของรองนายกฯ เอง แต่ไม่มีครั้งไหนสำเร็จเพราะถูกทหารตำรวจรวบตัวไว้ได้ก่อน

วันนี้โพสต์ทูเดย์บุกไปถึงบ้าน เอกชัย ในซอยลาดพร้าว 109 เพื่อนั่งพูดคุยในแบบเปิดกว้างไม่ใช่การปรับทัศนคติ ฟังเรื่องราวชีวิตและความคิดของนักกิจกรรมการเมืองผู้นี้ ซึ่งจะทำให้คุณรู้จักตัวเขามากกว่าแค่เป็นตัวป่วนหรือสีสันการเมืองเท่านั้น

พ่อค้าขายหวย สู่นักกิจกรรมการเมือง

เอกชัย มีชื่อเล่นว่า เอก ปัจจุบันอายุ 43 ปี เป็นคนกรุงเทพตั้งแต่เกิด ตอนเด็กบ้านอยู่เขตดินแดง พออายุ 8 ขวบ ครอบครัวย้ายบ้านมาอยู่ภายในซอยลาดพร้าว 109 ถึงปัจจุบัน พ่อประกอบอาชีพรับเหมาก่อสร้าง มีน้องสาวหนึ่งคน หลังพ่อเสียก็ออกจากบ้านมาพักอาศัยอยู่คนเดียวในตึกแถวหลังหนึ่งซึ่งไม่ไกลจากบ้านของครอบครัว

นักกิจกรรมการเมืองผู้นี้ บอกว่าชีวิตตั้งแต่เด็กจนโตไม่เคยสนใจเรื่องการเมือง เพราะนิสัยส่วนตัวเป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยพูด หลังเลิกเรียนก็กลับบ้านไม่ได้ไปเที่ยวเหมือนเด็กคนอื่นในวัยเดียวกัน ชีวิตการศึกษาเป็นเด็กเรียนดีมาตลอด ทุกเทอมไม่เคยได้เกรดเฉลี่ยต่ำกว่า 3 และยังเคยได้รางวัลนักเรียนดีเด่นตอนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ด้วย

เขาเล่าว่าชีวิตหลังจบคณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ วิทยาเขตหัวหมาก ก็ไม่ได้สานต่อธุรกิจรับเหมาก่อสร้างของพ่อเพราะมองว่าเป็นอาชีพที่ทำงานหนักและอยู่กับสิ่งสกปรก แต่ด้วยนิสัยชอบเรื่องการค้าจึงลองทำธุรกิจหลายอย่าง จนถึงปี พ.ศ.2546 สมัยรัฐบาล ทักษิณ ชินวัตร ได้นำสลากพิเศษเลขท้าย 2 และ 3 ตัว หรือ หวยบนดิน มานั่งขายตรงปากซอยลาดพร้าว 109 ช่วงนั้นเขารู้สึกชอบมากเพราะเป็นธุรกิจที่สร้างเม็ดเงินได้งดงามและไม่เหนื่อย

“เรื่องการเมืองเมื่อก่อนผมไม่เคยคิดหรือสนใจเลย บ้านผมไม่เคยมีใครสนใจการเมือง ขนาดใครเป็นรัฐมนตรียังไม่รู้เรื่องเลย”

ทว่าจุดเปลี่ยนทำให้ผู้ไม่เคยสนใจการเมือง ออกมาร่วมชุมนุมครั้งแรกเกิดขึ้นช่วงปี 2549 หลัง พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตหัวหน้าคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) ทำรัฐประหาร ก่อนเปิดทางให้ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี  พล.อ.สุรยุทธ์ ได้สั่งยกเลิกหวยบนดิน ซึ่งเป็นธุรกิจสร้างรายได้ให้เขาในขณะนั้น กลายเป็นจุดสำคัญทำให้ชายผู้ไม่เคยสนเรื่องการเมืองออกมาร่วมชุมนุม

“รัฐบาลกับม็อบจะขัดแย้งอะไรผมไม่เคยสนใจ แต่ทำไมต้องยกเลิกหวยบนดิน ทำประชาชนเดือนร้อน หลังจากนั้นจึงเริ่มออกมาเคลื่อนไหวกับกลุ่มผู้ค้าหวยบนดิน ที่หน้ากองสลากฯ ถนนราชดำเนิน เมื่อชุมนุมเสร็จใกล้ๆกันมีม็อบกลุ่มคนวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการ จัดเวทีตรงท้องสนามหลวง ก็ลองไปร่วมฟัง จากนั้นจึงรู้สึกชอบการเมืองมากขึ้น แต่เน้นเป็นผู้ร่วมฟังมากกว่า”

จากคนขายหวยผู้ไม่สนโลก สู่นักเคลื่อนไหวการเมืองจอมซ่า "เอกชัย หงส์กังวาน" อุปกรณ์ขายหวยบนดินที่เคยสร้างรายได้งามให้เอกชัย

 

เอกชัย ติดตามการเมืองเรื่อยมา และถูกดำเนินคดีอาญามาตรา 112 กรณีจำหน่ายซีดีสารคดีการเมืองไทยที่จัดทำโดยสถานีโทรทัศน์ของประเทศออสเตรเลีย และเอกสารวิกิลีกส์ จนถูกศาลพิพากษาสั่งจำคุก 3 ปี 4 เดือน เมื่อวันที่ 28 มี.ค.2556 ถูกคุมขังในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เป็นเวลา 2 ปี 8 เดือน เมื่อพ้นโทษออกมาช่วงเดือนพฤศจิกายน ปี 2558 ก็ได้รวมตัวกับเพื่อนตั้งสมาคมเพื่อเพื่อน ในการช่วยเหลือผู้ถูกดำเนินคดีทางการเมือง

ปัจจุบันเบื้องหลังภาพ เอกชัย ร่วมทำกิจกรรมทางการเมือง เขามักใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่บ้านเขียนหนังสือเกี่ยวกับประวัติประเทศอเมริกา ส่วนวิธีผ่อนคลาย คือ การดูหนัง เล่นอินเตอร์เน็ต ทำกับข้าว แต่ไม่ค่อยชอบออกไปเที่ยวไหน

จากคนขายหวยผู้ไม่สนโลก สู่นักเคลื่อนไหวการเมืองจอมซ่า "เอกชัย หงส์กังวาน"

 

ต้องปลุกสังคม ไม่งั้นเรื่องเงียบ

ชีวิตของนักกิจกรรมการเมืองคนนี้ เคยต้องโทษ 1 ครั้ง ถูกรวบตัวไปปรับทัศนคติไม่ต่ำกว่า 10 ครั้ง ปัจจุบันยังมีคดีค้างในชั้นพนักงานสอบสวนอีก 3 คดี (พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ฐานโพสต์ลามกอนาจาร คดีชุมนุมตรงสถานีรถไฟฟ้าสนามกีฬาแห่งชาติ และหน้ากองทัพบก) ถึงอย่างไรแม้เขาถูกจับมาแล้วนับไม่ถ้วน แต่ก็ยังไม่หยุดเดินหน้าทำกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง

เอกชัย บอกว่าหลังพ้นโทษออกมาเริ่มเคลื่อนไหวจริงจังช่วงหมุดคณะราษฎรหาย ตอนนั้นโพสต์เฟซบุ๊กว่าจะไปยื่นหนังสือขอให้รัฐบาลตามหาเจ้าของหมุดอันใหม่ แต่ไม่ทันได้ไปเช้าวันรุ่งขึ้นทหารก็มาเต็มหน้าบ้าน กิจกรรมต่อมาคือการเคลื่อนไหวหวังยื่นฎีกาขอให้ปลด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จากการเป็นนายกฯ แต่ก็ไม่สำเร็จ

ส่วนเหตุการณ์ที่ทำให้สังคมได้รู้จัก คือการออกมาเคลื่อนไหวประเด็นนาฬิกาเพื่อนของ พล.อ.ประวิตร เนื่องจากเห็นว่าขณะนั้นหลังมีผู้ไปยื่นหนังสือขอให้ตรวจสอบประเด็นดังกล่าว กระแสสังคมเริ่มเงียบ เลยหาวิธีทำให้สังคมสนใจ โดยนำลูกเล่นต่างๆมาทำกิจกรรม เช่น มอบนาฬิกาส่วนตัวมูลค่า 3-4 พันบาทให้ พล.อ.ประวิตร จุดธูป 36 ดอก สีซอเพลงบุพเพสันนิวาส หรือแม้แต่ส่งการ์ดเชิญ พล.อ.ประยุทธ์ พล.อ.ประวิตร และพล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ไปร่วมกิจกรรม

“ไม่ต้องการให้เรื่องมันเงียบแบบไม่มีอะไร เหมือนทุกข่าวที่เคยเกิดขึ้น ผมคิดว่ามันไม่ถูก คุณว่าคนอื่นเขาทุจริต แต่พอคุณทุจริตเอง ก็พยายามข่มขู่คุกคามคนอื่น นี่จึงทำให้ผมคิดว่าจะไม่เลิก”

หลายมุขที่เอกชัยนำมาใช้อิงจากกระแสสังคมเพื่อให้มีความน่าสนใจ แต่หัวใจหลักการเคลื่อนไหว เอกชัยบอกว่า เน้นทำคนเดียว ไม่เน้นปลุกม็อบ เพราะหากระดมคนออกมาอาจเข้าข่ายกระทำความผิดและถูกดำเนินคดีได้ง่าย จึงต้องพยายามเลี่ยงกฎหมายเพื่อไม่ให้ถูกจับ

“เรื่องนาฬิกา ถ้าไปเคลื่อนไหวบอกให้ ประวิตร ออกไป อาจถูกกล่าวหาว่าเล่นการเมือง แต่ถ้าใช้มุขกลับกัน ไม่ได้พูดตรงๆ แต่เอานาฬิกาไปมอบให้ เจ้าหน้าที่ก็ตั้งข้อหาไม่ได้แล้ว เหมือนไม่กี่วันก่อนที่นำบัตรเชิญไปมอบให้ พล.อ.ประยุทธ์ พล.อ.ประวิตร และพล.ต.ต.สุรเชษฐ์ ก็ไม่ได้ยุยง ต่างกับกรณีพรรคเพื่อไทยแถลงและถูกตั้งข้อหา ดังนั้นต้องพยายามเลี่ยงกฎหมาย แต่ต้องได้ผล”

ถามว่าคิดอย่างไรกรณีคนมองเป็นสีสันหรือตัวป่วนทางการเมือง เอกชัย บอกว่าเรื่องนี้แล้วแต่คนมอง หากเป็นคนที่เข้าใจและชอบคงไม่ว่าอะไร

เมื่อถามย้ำว่าถูกเจ้าหน้าที่จับหลายครั้งยังจะเคลื่อนไหวต่อไปใช่หรือไม่ เอกชัย กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ใช่ ยังไงก็จะเคลื่อนไหวแบบนี้ต่อไป ไม่หยุด ยิ่งจับก็จะยิ่งพยายามแสดงให้เห็นว่าไม่กลัว”

จากคนขายหวยผู้ไม่สนโลก สู่นักเคลื่อนไหวการเมืองจอมซ่า "เอกชัย หงส์กังวาน" กิจกรรมการเคลื่อนไหวทางการเมือง

 

กระจายอำนาจ ยาแก้ปัญหาการเมืองไทย

ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองและโดยเฉพาะการทำหน้าที่ของนักการเมือง เป็นเหตุผลหลักที่รัฐบาล คสช.ใช้เป็นเหตุผลในการเดินเข้ามาบริหารประเทศ

เอกชัย บอกว่าหลายคนอาจมองว่าสังคมมีแต่นักการเมืองเลว แต่ตนคิดตรงข้ามเพราะมีทั้งดีและเลว เหมือนในคุกคนภายนอกมักมองว่ามีแต่คนเลว แต่พอได้เข้าไปสัมผัสทำให้รู้ว่า คุกไม่ได้มีแต่คนเลว หลายคนมีปัญหาหรือถูกใส่ร้ายจึงต้องเข้าไป ไม่อยากให้สังคมเหมารวมว่า นักการเมืองเลวหมด ในโลกนี้ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบได้ทุกสิ่ง

“จริงอยู่นักการเมืองบางส่วนเลว แต่คุณอย่าเหมารวมว่าทั้งหมดต้องเลว ถ้าหากคุณต้องการเปลี่ยนแปลง ก็เอานักการเมืองไม่ดีออกไป แต่ไม่ใช่ใช้วิธีทหารเข้ามายึดอำนาจ และพอใครวิจารณ์ก็มักอ้างกฎหมายห้ามชุมนุม หรือห้ามเคลื่อนไหวอะไรเลย”

จากคนขายหวยผู้ไม่สนโลก สู่นักเคลื่อนไหวการเมืองจอมซ่า "เอกชัย หงส์กังวาน"

 

นักเคลื่อนไหววัย 43 ปี มองว่าประเทศไทยหลังปี 2549 ประชาชนมีความตื่นตัวทางการเมืองมากกว่าอดีต เพราะต้องการให้ประเทศมีการเปลี่ยนแปลงและก้าวข้ามจากปัญหาวังวนเดิมๆ ตนเสนอว่าการปฏิรูประบบการเมือง ต้องทำให้เกิดการกระจายอำนาจลงสู่ท้องถิ่น เหมือนประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งรัฐบาลกลางมีหน้าที่ดูเฉพาะภาพรวมใหญ่ เช่น การทหาร ต่างประเทศ การเงิน ภาษี นอกนั้นกระจายอำนาจให้ท้องถิ่นบริหารในพื้นที่ของตนเอง เพราะเชื่อว่าคนท้องถิ่นจะช่วยกันพัฒนาบ้านเกิด ผิดกับการรวมอำนาจไว้ส่วนกลางกับคนเพียงกลุ่มเดียว ที่สุดท้ายจะเกิดศึกแย่งชิงอำนาจไม่จบไม่สิ้นเช่นนี้ 

“คสช.บอกว่า 4 ปีบ้านเมืองสงบปรองดอง จะไม่เป็นเช่นนั้นได้อย่างไร คุณเอาปืนไปกดเขายังไงก็ต้องสงบ แต่สภาพความเป็นจริงไม่ใช่ ในโซเชียลหลายกลุ่มยังมีปัญหากันอยู่เลย แม้หลังเลือกตั้งปัญหานี้ก็ไม่จบ ดังนั้นคุณต้องแยกและกระจายอำนาจออกมา”

“เรื่องทั่วไปอย่างตัดถนน ไฟฟ้า น้ำประปา ไม่ควรนำไปผูกกับรัฐบาลกลาง แต่ควรเป็นอำนาจท้องถิ่น ทุกวันนี้หลายเรื่องทำไม่ได้ เพราะภาษีทั้งหมดเข้าส่วนกลาง หากท้องถิ่นจะทำอะไรต้องรอส่วนกลางอนุมัติ แต่ถ้าใช้วิธีให้งบท้องถิ่น 70% ส่วนกลาง30% จังหวัดต้องการพัฒนาอะไรก็ทำได้ทันทีไม่ต้องรอรัฐบาลกลาง”

เอกชัย เชื่อว่าผู้มีอำนาจเข้าใจดีถึงปัญหาเรื่องความขัดแย้งของสีเสื้อว่าไม่มีวันผสมกันได้ ดังนั้นทางแก้ไขปัญหาสำคัญ คือการกระจายอำนาจที่ในไม่ช้าผู้มีอำนาจไม่ว่าใครก็ต้องยอมรับเพราะมันจะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลง

จากคนขายหวยผู้ไม่สนโลก สู่นักเคลื่อนไหวการเมืองจอมซ่า "เอกชัย หงส์กังวาน"

จากคนขายหวยผู้ไม่สนโลก สู่นักเคลื่อนไหวการเมืองจอมซ่า "เอกชัย หงส์กังวาน"