posttoday

"อำนาจท่านเป็นเพียงภาพลวงตา" วัชระ เพชรทอง

29 เมษายน 2561

"ท่านเลือกได้ว่าจะพอแล้วอย่าง พล.อ.เปรม หรือจะเดินหน้าอย่างพรรคสามัคคีธรรม สมัยของ พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ มีอำนาจมากขนาดไหนก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ เหนือฟ้าก็ยังมีฟ้า อำนาจท่านเป็นเพียงภาพลวงตา"

"ท่านเลือกได้ว่าจะพอแล้วอย่าง พล.อ.เปรม หรือจะเดินหน้าอย่างพรรคสามัคคีธรรม สมัยของ พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ มีอำนาจมากขนาดไหนก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ เหนือฟ้าก็ยังมีฟ้า อำนาจท่านเป็นเพียงภาพลวงตา"

********************************

โดย...ธนพล บางยี่ขัน

ปรากฏการณ์ “ดูด” ก่อตัวสอดรับกับการฟอร์มทีมตั้งพรรคการเมืองที่มีเป้าหมายสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกสมัย​

ล่าสุดกระแสข่าวการระดมทุน 4 หมื่นล้านบาท กับภารกิจตั้งพรรคทหาร ยิ่งปลุกให้เสียงวิพากษ์วิจารณ์รุนแรงขึ้นกับท่าทีของ คสช. ​ที่ดูไม่แตกต่างจากนักการเมืองในอดีต สวนทางกับการปฏิรูปที่กำลัง​​ทำ

วัชระ เพชรทอง อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ที่เปิดประเด็นนี้ขยายความถึงที่มาที่ไปของกระแสข่าวการระดมทุนครั้งมโหฬารว่า เรื่องนี้ได้ยินมาตั้งแต่ปีที่แล้ว เป็นการได้ข่าวจากแหล่งข่าวซึ่งเป็นบุคคลที่เชื่อถือได้ ว่าทหารจะตั้งพรรคทหาร ซึ่งต่อมามีการออกมาปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง

“ปีที่แล้วผมออกมาบอกเลยว่ามีข่าวว่าจะมีการตั้งพรรคใช้ชื่อพรรคประชารัฐ ระบุชื่อชัดเจน และบอกว่ามีหัวหน้าพรรคชื่อ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ แล้ววันนี้ พรรคการเมืองที่กำลังตั้งในทำเนียบรัฐบาลชื่อพรรคอะไร ​สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เป็นยิ่งกว่าหัวหน้าพรรคเสียอีก ตรงยิ่งกว่าหวย 3 ตัวอีก”

ครั้งนั้นนำเรื่องไปบอกผู้ใหญ่ในพรรคประชาธิปัตย์​ ท่านก็ไม่เชื่อเพราะเป็นตัวเลขที่สูงมาก ท่านก็หัวเราะบอกว่าถ้าระดมได้ถึงจำนวนนี้จริง จะใช้จริงเท่าไรไม่รู้ และใครอมบ้าง เงินจำนวนนี้เป็นการตั้งเป้าส่วนจะได้เท่าไรก็อีกเรื่อง มีการแอบอ้างว่าจะเอาไปใช้ในการตั้งพรรคทหาร แอบอ้างคนไหนเราก็ไม่ทรบ เมื่อรู้ข้อเท็จจริงก็ต้องนำมาบอก รัฐบาลและพี่น้องประชาชน ​

“ผมเป็นผู้แทนนอกสภา ทำหน้าที่เป็นหมาเฝ้าบ้านให้กับพี่น้องประชาชน เมื่อเห็นบุคคล​มาตะคุ่มข้างหมู่บ้านก็ต้องเห่าก่อนเป็นธรรมดา ไม่เห่าเท่ากับละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ส่วนเจ้าของบ้านจะตื่นรึไม่ตื่นก็อีกเรื่อง ยืนยันว่าข่าวนี้มีมาจริง ส่วนจะมาจากไหน นำไปใช้จ่ายอย่างไร ไม่ใช่หน้าที่ที่ผมจะต้องไปล่วงรู้ แต่ท่าน พล.อ.ประยุทธ์ กล้าไปสาบานวัดพระแก้วหรือไม่ ว่าไม่มีคนระดมทุนให้พรรคทหารในขณะนี้”

วัชระ อธิบายว่า ส่วนจะระดมทุนได้กี่หมื่นล้านบาทก็เป็นการเมืองระบบเก่า ใช้เงินเป็นตัวนำทางการเมือง ไม่ได้มีการปฏิรูปการเมืองอย่างแท้จริง สุดท้ายต้องตกอยู่ในวังวนเก่า และจะแตกต่างอะไรกับระบอบทักษิณที่เราเคยต่อต้านหรือไม่ แทบไม่มีอะไรแตกต่างเลย ​

ที่ผ่านมาเขาเคยยื่นเรื่องให้รัฐบาล คสช.​ตรวจสอบ งบไอซีทีของรัฐสภาใหม่ ที่เพิ่มจาก 3,000 ล้านบาท เป็น 8,640 ล้านบาท และ พล.อ.ประยุทธ์ สั่งให้สำนักงบฯ และสำนักงานเลขาธิการสภาฯ ไปทบทวน และกรณีเงินคนจนของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ที่เสนอให้ย้ายปลัดและรองปลัดยื่นเรื่องไปวันพุธ พอวันศุกร์ก็มีคำสั่งปลดทั้งสองคน หรือการคัดค้านการแต่งตั้ง ธีธัช สุขสะอาด ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย เมื่อสองปีที่แล้ว จนสุดท้ายก็ต้องมีคำสั่งปลดจากตำแหน่ง

“ทุกเรื่องที่ผมยื่นล้วนแต่มีมูลความจริง ทุกเรื่องไม่มีอคติเป็นการส่วนตัว เมื่อได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชน ข้าราชการ เมื่อตรวจสอบแล้วมีน้ำหนักเหตุผลก็ดำเนินการต่อ ส่วนที่มาถามหาใบเสร็จเรื่อง 4 หมื่นล้านบาท ​ผมเป็นแค่หมาเฝ้าบ้านท่าน คนไปหาใบเสร็จในทำเนียบรัฐบาล ตรวจสอบดูว่ามีใครไปแอบอ้างชื่อท่าน ไปหาเงินหรือผลประโยชน์อื่นหรือไม่”

วัชระ กล่าวต่อว่า ​ไม่มีอคติกับ พล.อ.ประยุทธ์ ตอนเป็น สส. เขาเป็นคนเดียวที่กล้ายื่นกระทู้ถามรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ถึงกระแสข่าวการปลด พล.อ.ประยุทธ์ ออกจากตำแหน่ง ผบ.ทบ. ตอนเป็นกรรมาธิการงบประมาณ ก็อภิปรายปกป้องงบของกองทัพไม่ให้ถูกตัด ส่วนตัวไม่เคยไปขอผลประโยชน์ใดๆ จาก คสช. เป็นคนตรงไปตรงมา ไม่แสวงหาประโยชน์ ไม่มีพฤติกรรมผิดกฎหมาย ทุจริต

ทั้งนี้ ที่ผ่านมา เมื่อแม่น้ำ 5 สายไม่ทำหน้าที่เป็นปากเป็นเสียงของพี่น้องประชาชน ตนเองก็ต้องทำหน้าที่แทน ส่งเรื่องต่อไปถึง พล.อ.ประยุทธ์ ขอให้รัฐบาลแก้ไขปัญหานั้นๆ ซึ่งการทำงานของรัฐบาลควรทำตรงไปตรงมาในการแก้ไขปัญหาพี่น้องประชาชน ไม่ควรเอาแต่ช่วยคนรวย เจ้าสัว นักธุรกิจรายใหญ่ แต่ละเลยไม่ช่วยหาบเร่แผงลอย ​ไม่ช่วยคนจน ​เกษตรกรสวนปาล์ม ยางพารา​

"อำนาจท่านเป็นเพียงภาพลวงตา" วัชระ เพชรทอง

ส่วนกระแสการดูดอดีต สส.ขณะนี้นั้น วัชระ มองว่า เป็นพลังดูดที่มีอำนาจมหาศาล แต่นักการเมืองที่เขาดูดไปเป็นนักการเมืองน้ำดีจริงหรือ มันไม่ใช่คำตอบการปฏิรูปประเทศหรือไม่ เมื่อท่านตั้งใจมาปฏิรูปประเทศ ประกาศปราบปรามผู้มีอิทธิพล ประกาศต่อต้านยาเสพติด ต่อต้านทุจริต แล้วท่านดูดใครไปเป็นฐาน ท่านเอาคนที่มีประวัติทุจริตคอร์รัปชั่นไปร่วมด้วยหรือไม่

อย่างไรก็ตาม ดูดไปแล้วก็ใช่จะได้คะแนนอย่างที่หวัง เพราะประชาชนตื่นตัวทางการเมืองมาก ข่าวสารข้อมูล รัฐบาลไม่อาจปิดกั้นได้อีกต่อไป เพราะมีทั้งไลน์ แอพพลิเคชั่น สื่ออินเทอร์เน็ตไปไกลกว่าความคิดปิดกั้นของรัฐบาล ​“สุดท้ายประชาชนจะให้บทเรียนกับคณะเผด็จการทหารชุดนี้”

พรรคประชาธิปัตย์เวลานี้แม้จะถูกดูดแต่ก็ไม่มาก ซึ่งเป็นสิทธิของแต่ละคน และเคารพสิทธิของคนเหล่านั้น ​เข้าใจความจำเป็นของแต่ละท่าน แต่เชื่อว่าพื้นที่ที่ถูกดูดไปจะได้ สส.กลับคืนทุกเขต แม้จะถูกแบ่งคะแนนไปบ้าง แต่ก็ไม่ทำให้ประชาธิปัตย์ในเขตนั้นแพ้เลือกตั้งได้ ​

“ประชาธิปัตย์มีเลือดที่เข้มข้น เขามองออกว่า​ใครมาอาศัยพรรคเป็นทางผ่าน อาศัยใบบุญพรรค​ไปแสวงหาประโยชน์ แล้วจากไป”

จุดยืนของพรรคประชาธิปัตย์ชัดเจนว่าไม่สนับสนุนเผด็จการทุกรูปแบบ คือ 3 รายชื่อที่เสนอคนเป็นนายกรัฐมนตรีของพรรคนั้น ตนเองและเพื่อน สส.จะเสนอ ​อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ชวน หลีกภัย ส่วนอีกคนจะเป็นใครนั้นยังไม่รู้ ​และอภิสิทธิ์ประกาศชัดว่าให้คนที่จะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ให้ไปอยู่พรรคอื่น​

สำหรับพรรคทหารจะเป็นพรรคเฉพาะกิจและจะไม่ประสบความสำเร็จในการเลือกตั้ง แม้จะมีข้อได้เปรียบเรื่องอำนาจรัฐ แต่ไม่สามารถชนะจิตใจพี่น้องประชาชน ​หากวันใดมีการเคาะระฆังหาเสียงให้มีการเลือกตั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จะได้เห็นของจริง

“ผมเคารพเป็นกัลยาณมิตร ไม่อยากเห็นท่านพบจุดจบแบบ ​พล.อ.สุจินดา คราประยูร ​หรือจอมพลถนอม กิตติขจร แต่อยากเห็นท่านเป็นวีรบุรุษ อย่าง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์”

“ท่านสามารถเลือกได้ ถ้าท่านยังเดินหน้าตามคำสรรเสริญเยินยอ ยกยอปอปั้นของพวกคนรอบข้าง ท่านก็จะเดินไปสู่ทางที่อาจจะเป็นประวัติศาสตร์ซ้ำรอยประเทศไทย ท่านเลือกได้ว่าจะพอแล้วอย่าง พล.อ.เปรม หรือจะเดินหน้าอย่างพรรคสามัคคีธรรม สมัยของ พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ มีอำนาจมากขนาดไหนก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ เหนือฟ้าก็ยังมีฟ้า อำนาจท่านเป็นเพียงภาพลวงตา”

วัชระ ประเมินว่า ท่านอาจจะคิดว่าพูดเพื่อไปตัดทางท่านที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีสมัยหน้า อาจคิดว่าไม่หวังดี แต่ขอให้ท่านจำคำพูดนี้เอาไว้ และจะได้พิสูจน์กันในอนาคตว่าหวังดีหรือหวังร้ายกับท่าน

ทั้งตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. มีอำนาจ ม.44 ถือว่าสูงสุดในแผ่นดินแล้ว สิ่งที่นายกฯ ​ทำมา 4 ปี ถือว่าที่สุดแล้วในการทำหน้าที่ ​ขนาดมี ม.44 ในมือยังไม่สามารถบริหารราชการแผ่นดิน ให้ประชาชนมีสุข ปากท้องอิ่มได้เลยแม้แต่น้อย ฉะนั้นท่านควรจะพอได้แล้ว ให้ระบอบประชาธิปไตยเดินหน้าไปด้วยตัวเอง

"อำนาจท่านเป็นเพียงภาพลวงตา" วัชระ เพชรทอง

​​ถามว่ากลัวไหมสำหรับประชาธิปัตย์กับการต้องมาแข่งกับพรรคทหาร วัชระ ตอบว่า ไม่น่ากลัว ประชาธิปัตย์ผ่านการต่อสู้ทางการเมืองมาทุกยุคทุกสมัย มีอายุ 72 ปี เป็นสถาบันการเมือง รักษาหลักการอุดมการณ์ไว้ แม้ว่าจะเปลี่ยนหัวหน้าพรรคกี่คนก็ยังมีคนหมุนเวียนสืบทอดภารกิจอุดมการณ์ต่อไป

“ผมคนหนึ่งที่จะไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ​ สมัยหน้า ขนาด 4 ปีที่ผ่านมายังล้มเหลว การบริหารประเทศขนาดนี้ป่วยการจะเป็นนายกฯ สมัยหน้าต่อไป​ยิ่งต้องตอบแทนผลประโยชน์​กลุ่ม สส.ที่ดูดมา เพราะถ้าไม่ตอบแทนเขาไม่สนับสนุนรัฐบาลก็ล่ม ไม่สามารถบริหารประเทศได้ ​ท่านควรเรียนรู้ความล้มเหลว การจัดตั้งพรรคทหารจากในอดีต​”

วัชระ อธิบายว่า บางส่วนใน คสช.เสพติด หลงอำนาจ มีผลประโยชน์ ทำให้มีการวางแผนสืบทอดอำนาจ การสืบทอดอำนาจเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของสังคมไทย ประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาชี้ชัดว่าไม่เคยมีเผด็จการทหารคณะใด​สืบทอดอำนาจได้สำเร็จ ​คสช.ต้องเลือกลงหลังเสืออย่างสง่างามโดยให้ระบอบประชาธิปไตยเดินหน้าไป

ถามว่ามีโอกาสเกิดปรากฏการณ์ “งูเห่า” โหวตสวนมติพรรคไปสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ หรือไม่ วัชระ ยอมรับว่า มีความเป็นไปได้ เพราะประวัติศาสตร์ทางการเมืองมักซ้ำรอย ทั้งงูเห่า อนาคอนด้า งูเขียว มีโอกาสเกิด

“การเมืองเขาดูดกันทุกรูปแบบ ​ถ้าเกิดปรากฏการณ์งูเห่าในขณะที่โหวตเลือกนายกฯ ถามว่าต้องใช้ทุนมากขนาดไหน ​มหาศาลขนาดไหน ต้องจ่ายแบบไม่อั้น ดังนั้น 4 หมื่นล้านบาท อย่าคิดว่าเป็นไปไม่ได้ ​อะไรก็เป็นไปได้ทั้งนั้นในทางการเมือง” วัชระทิ้งท้าย