posttoday

คสช.เอาอยู่ทุกม็อบรุมรัฐบาล

18 กุมภาพันธ์ 2561

เปิดใจ "พล.ต.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์" โฆษกคสช. ในห้วงเวลาที่ รัฐบาลทหารกำลังเผชิญกับแรงกดดันจากสารพัดม็อบ

เปิดใจ "พล.ต.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์" โฆษกคสช. ในห้วงเวลาที่ รัฐบาลทหารกำลังเผชิญกับแรงกดดันจากสารพัดม็อบ

พลันที่รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เข้าสู่ปีที่ 4 เป็นปีที่ขยับใกล้โรดแมปเลือกตั้งทุกขณะ สถานการณ์ทางการเมืองก็ดูเข้มข้นขึ้นมาเช่นกัน ทั้งฝ่ายที่ “เคยเป็นมิตร” เริ่มหันกลับมาถล่มวิจารณ์รัฐบาล ยิ่งฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองแล้วต่างประสานพร้อมใจโผล่ออกมาชุมนุมกดดัน หรือกลุ่มอื่นๆ ก็ออกมา “ผสมโรง” รุมสกรัมรัฐบาลสารพัดม็อบที่ต่างเดือดร้อนจากปัญหาต่างๆ ออกกันมาชุมนุมประท้วงกดดันรัฐบาลรอบทิศทาง

ผู้ทำหน้าที่กระบอกเสียงในคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จึงต้องทำงานหนักทั้งประเมินสถานการณ์และทำความเข้าใจ 

พล.ต.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ ในฐานะโฆษก คสช. ใช้โอกาสนี้แจกแจงผ่านโพสต์ทูเดย์  

เขาบอกว่า สถานการณ์ในตอนนี้จะเห็นได้ว่ามีกลุ่มผู้ชุมนุมออกมาเคลื่อนไหวจำนวนหลากหลายกลุ่มและหลากหลายประเด็น ทั้งที่เป็นเรื่องการเมือง และไม่ใช่การเมือง เช่นกลุ่มอยากเลือกตั้งให้เร็ว ประเด็นการต่อต้านโรงไฟฟ้าถ่านหิน หรือกลุ่มเกษตรกรที่เรียกร้องพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ ประเด็นปัญหาหนี้นอกระบบ หรือปัญหาหนี้สินชาวนา โดยหลักปฏิบัติและหลักการ ทาง คสช.ต้องดูแลการรักษาความสงบเรียบร้อยของประเทศอยู่แล้วด้วยการให้การสนับสนุนรัฐบาลในการบริหารราชการแผ่นดิน

ที่สำคัญรัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยได้มอบหมายตั้งแต่ระดับเจ้ากระทรวง ทบวง กรม หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องให้รีบไปดูแลรับเรื่องราวร้องเรียนตามช่องทางที่กำหนด เช่น ศูนย์ดำรงธรรมทั่วประเทศ รวมถึงหน่วยงานประจำกระทรวง ทบวง กรม ที่ต้องรีบลงพื้นที่ไปพบปะและรับเรื่องร้องทุกข์ต่างๆ ของประชาชน เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาอย่าง ถูกต้อง รวดเร็ว ตรงเวลา และตรงจุดตามที่ประชาชนต้องการ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ดำเนินการมาตั้งแต่ต้นและที่ผ่านมาเป็นแบบนี้มาโดยตลอด แต่บางปัญหาอาจจะเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา เช่น ข้อกฎหมาย สัญญาเดิมที่ค้างมา หรือติดปัญหาการปฏิบัติจึงไม่ได้เป็นการแก้ไขตรงตามความต้องการ

“การเรียกร้องของผู้ชุมนุมแต่ละกลุ่มแต่ละฝ่ายทางภาครัฐพยายามที่จะนำไปสู่การแก้ไขปัญหา อย่างไรก็ตามยังถือว่าในภาพรวมการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยอยู่ในเกณฑ์สงบเรียบร้อยและเป็นปกติ แม้จะมีภาพการเคลื่อนไหวอยู่บ้าง แต่เราก็เป็นประชาชนคนไทยด้วยกัน จึงเน้นการสร้างความรับรู้ให้ประชาชนทั้งประเทศที่เป็นคนส่วนใหญ่ได้รับทราบข้อเท็จจริง และ สิ่งสำคัญเจ้าหน้าที่รัฐ ผู้ปฏิบัติตรงหน้างานปฏิบัติตัวให้ถูกต้องเหมาะสมกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ภายใต้กรอบอำนาจหน้าที่และกฎหมายไม่ให้มีภาพกระทบกระทั่งกัน ทั้งการยื้ดยุดฉุดดึงหรือผลักลาก หรือทำอะไรที่เกินกรอบอำนาจหน้าที่ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้ระมัดระวังเรื่องนี้อยู่แล้ว โดยต้องไม่มีภาพแบบนี้ออกมา ที่สำคัญทาง คสช.ได้เร่งรัดให้เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบการแก้ปัญหาของประชาชนให้เร็วที่สุด”พล.ต.ปิยพงศ์ กล่าว

สำหรับการติดตามความเคลื่อนไหวทั้งบรรดาแกนนำทางการเมือง กลุ่มองค์กรภาคประชาชน โฆษก คสช. บอกว่า คสช.ได้ติดตามความเคลื่อนไหวของคนทุกกลุ่ม เช่น กลุ่มการเมืองที่มีการเคลื่อนไหว เพราะจริงๆ แล้ว คสช.ได้ดูแลความสงบเรียบร้อยมาโดยตลอดและติดตามทุกกลุ่ม ไม่เฉพาะกลุ่มการเมือง รวมไปถึงกลุ่มทั่วๆ ไปด้วย เช่น กลุ่มเกษตรกร หรือกลุ่มที่เคลื่อนไหวด้านเศรษฐกิจ หรือทุกกลุ่มที่อาจจะกระทบด้านความมั่นคงของประเทศ

แม้แต่การตรวจพบอาวุธสงครามเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมเครือข่ายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ หรือโกตี๋ แกนนำคนเสื้อแดงปทุมธานี พร้อมอาวุธสงครามและของกลางระเบิดปิงปอง ไปป์บอมบ์ ประทัดยักษ์ และระเบิดเอ็ม 26 ที่ย่านเมืองทองธานี เป็นสิ่งที่ คสช.ติดตามความเคลื่อนไหวและข้อมูลข่าวสารที่ติดตามมาโดยใช้เวลามานานพอสมควร ถือเป็นงานของ คสช.ที่จะต้องติดตามข่าวสารด้านความมั่นคง จนนำมาสู่การจับกุมที่เห็นเป็นภาพข่าวออกไป เป็นการดูแลด้านความมั่นคงและความสงบเรียบร้อย ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวล

การดำเนินการกับแกนนำนั้น คือ เราสามารถติดตามได้อยู่แล้วว่ากลุ่มแกนนำแต่ละบุคคลแต่ละท่านก็เป็นคนเดิมๆ ไม่ใช่คนใหม่ๆ ทั้งนักการเมืองที่ออกมาพูดหรือออกมาทำการเคลื่อนไหวก็เป็นคนเดิมๆ ทั้งสิ้น หรือแกนนำที่ออกมาชุมนุมในตอนนี้ ยังอยู่ในการติดตามความเคลื่อนไหวมาโดยตลอด และเฝ้าดูพฤติกรรม ซึ่งที่ผ่านมาทางเจ้าหน้าที่รัฐจะพยายามอธิบายทำความเข้าใจผ่านสื่อบ้าง ทำความเข้าใจในข้อเท็จจริงตามกรอบ

กฎหมายบ้าง หรือบางครั้งต้องพูดทำความเข้าใจตรงหน้างานบ้าง ว่าอยากขอความร่วมมือในการช่วยกันทำให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อย จึงอยากให้ทุกคนควรมีส่วนร่วมในการช่วยกันนำพาให้บ้านเมืองและประชาชนคนส่วนใหญ่ให้เกิดความผาสุกร่มเย็นและก้าวข้ามปัญหาและวิกฤตต่างๆ ไปได้”

อย่างไรก็ดี คสช.ต้องปรับกลยุทธ์เพื่อดึงทุกฝ่ายหันมาร่วมมือในการสร้างความสงบ และการตระหนักถือกรอบกฎหมายแม้ว่าทุกคนมีสิทธิเสรีภาพ แต่สิทธินั้นต้องอยู่ภายใต้กรอบกฎหมาย  

“สิ่งสำคัญที่อยากขอความร่วมมือกับกลุ่มผู้ชุมนุมต่างๆ ว่าอะไรที่ยังไม่ถูกใจแต่ว่าเป็นไปตามกฎหมาย ทาง คสช.ใช้การอธิบายว่ากฎหมายบังคับใช้แบบนี้ทุกคนต้องเคารพกฎหมาย และสิทธิของผู้อื่นด้วยเช่นกัน เพราะว่าการที่ออกมาชุมนุมประท้วงเรียกร้องก็ต้องระมัดระวังจะไปละเมิดกฎหมาย และคำสั่ง คสช.ก็ตระหนักถึงสิทธิหรือไม่ควรละเมิดสิทธิของผู้อื่นด้วยเช่นกัน ดังนั้นที่ผ่านมาทาง คสช.มีการสื่อสารให้รับทราบรับรู้และทำความเข้าใจในสิ่งที่ถูกต้องมาโดยตลอด จึงไม่กังวลการก่อตัวของการชุมนุมจะบานปลาย เพราะทางเจ้าหน้าที่ยึดหลักที่เกี่ยวข้องโดยมีการปฏิบัติอย่างถูกวิธีถูกต้องและเหมาะสม ตั้งแต่มาตรการเบาไปหาหนัก มีการจัดวางพื้นที่ที่เหมาะสมทั้งการใช้คนให้เหมาะสมกับเพศและวัย เช่น ใช้เจ้าหน้าที่ตำรวจหญิง ที่สำคัญไม่มีการใช้อาวุธหรือสิ่งใดจะทำให้เกิดความรุนแรงเป็นภาพออกไป โดยยึดหลักการปฏิบัติอย่างละมุนละม่อม เพื่อคลี่คลายสถานการณ์โดยเร็วที่สุด”

พล.ต.ปิยพงศ์ ประเมินสถานการณ์จนถึงขณะนี้มั่นใจว่าแนวโน้มสถานการณ์การชุมนุมไปจนถึงเลือกตั้ง แม้ไม่อาจตอบได้ว่าม็อบจะลดลงหรือมากขึ้นหรือไม่มีเลย แต่ คสช.มีหน้าที่ คือ รักษาบรรยากาศดูแลและอำนวยความสะดวกในการรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองให้ได้ ต้องดำเนินการเพื่อนำไปสู่การเตรียมการจัดการเลือกตั้ง เกิดการจัดตั้งรัฐบาลใหม่และเกิดการส่งผ่านอำนาจในการบริหารประเทศให้เกิดความผาสุกร่มเย็น เพื่อไม่ให้บ้านเมืองเรากลับไปวิกฤตความขัดแย้งเหมือนเมื่อก่อนเกิดกลุ่มฝ่ายต่างๆ ดังนั้น คสช.ต้องประคับประคองการแก้ปัญหาต่างๆ ที่ค้างมา เช่น การแก้กฎหมาย การเดินหน้าการปฏิรูป หน่วยงานราชการต่างๆ ตามที่มีการเรียกร้องและสนับสนุนให้เกิดสิ่งเหล่านี้ให้จงได้

ทั้งนี้ เชื่อมั่นว่าสถานการณ์ต่างๆ ยังคงปกติ ไม่อาจมีจุดเปลี่ยนที่จะนำไปสู่การยกระดับการใช้กฎหมายพิเศษ อาทิ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร หรือ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน เพราะในเวลานี้ยังไม่มีอะไรเป็นพิเศษไปกว่านี้ ทางเจ้าหน้าที่รัฐใช้กฎหมายปกติ โดยฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นผู้รักษากฎหมายเข้ามาดำเนินการควบคุมการบังคับใช้กฎหมาย โดยยึดความถูกต้องและเป็นธรรมเหมาะสมกับสถานการณ์ โดยร่วมมือกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ในฐานะผู้ช่วยเจ้าพนักงาน โดยเป็นการทำงานร่วมกันเพื่อทำให้สถานการณ์เป็นปกติและเรียบร้อย

แต่ประเด็นที่น่าสนใจ เหตุใดถึงมีกลุ่มต่างๆ ออกมาชุมนุมในช่วงเดือน ก.พ. พล.ต.ปิยพงศ์ มองว่า เหตุผลที่ช่วงนี้มีกลุ่มผู้ชุมนุมพร้อมใจกันออกมาชุมนุมเยอะๆ เนื่องจากช่วงนี้อาจเป็นห้วงเวลาหนึ่ง ปัญหาต่างๆ ทยอยเกิดขึ้นมา และบางกลุ่มเห็นและดูแล้วว่าบ้านเมืองกำลังต้องการคำตอบจากกลุ่มหรือฝ่ายที่พยายามเรียกร้องกันมานาน แต่ยังไม่ได้รับคำตอบหรือการแก้ไข

เช่น ปัญหาพลังงาน หรือเรื่องเลือกตั้ง เพราะเคยเรียกร้องกันมาแล้ว จึงพยายามออกมาขอคำตอบและความคืบหน้า แต่ต้องเข้าใจด้วยว่าปัญหาบ้านเมืองมีมาก ทาง คสช.และรัฐบาลพยายามแก้ปัญหาตามขั้นตอนให้ถูกต้องและเป็นไปตามกรอบกฎหมาย แต่ก็ไม่ได้ทำได้สำเร็จลุล่วงไปได้ทุกปัญหาและตามที่กลุ่มผู้ชุมนุมต้องการ

“ทางรัฐบาลทำทุกสิ่งทุกอย่างให้ประเทศชาติต้องมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ตามเจตนารมณ์ของหัวหน้า คสช. ซึ่งต้องยอมรับว่าการแก้ปัญหามีมากมายนับไม่ถ้วน ทั้งปัญหาที่แก้ไปแล้ว และปัญหาที่ยังรอให้ต้องแก้ไขยังมีอยู่ ดังนั้นกลุ่มคนที่ได้รับความเดือดร้อน จึงอาศัยช่วงเวลานี้มาติดตามความคืบหน้า จึงกลายเป็นเวลาที่สอดคล้องกัน ดังนั้นหน้าที่ของ คสช. คือ แก้ปัญหาไปด้วย และรักษาความสงบไปด้วย”โฆษก คสช. กล่าวทิ้งท้าย

**********************

เรื่องโดย....ปริญญา ชูเลขา