posttoday

"ทางเลี่ยง-ทางเลือก" ปีใหม่ หนีปัญหาจราจรติดขัด

28 ธันวาคม 2560

กรมทางหลวงแนะนำเส้นทางเลือกในการเดินทางสู่จังหวัดต่างๆ อย่างปลอดภัย เลี่ยงเส้นทางหลักที่การจราจรติดขัด

โดย...เอกชัย จั่นทอง

นับถอยหลังเข้าสู่ห้วงเวลาเดินทางกลับภูมิลำเนาในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2561 ซึ่งรัฐบาลคาดว่าจะมีประชาชนใช้บริการทางหลวงเพื่อเดินทางเป็นจำนวนมาก ถนนทุกเส้นทางจะคลาคล่ำไปด้วยรถยนต์จำนวนมหาศาลหลายล้านคัน และแน่นอนว่าจะส่งผลให้การจราจรแทบทุกเส้นทางเกิดวิกฤต เกิดติดขัด เดินทางช้าลง อันอาจสร้างอารมณ์เสียให้กับผู้ใช้รถใช้ถนน

ล่าสุดที่คาดการณ์ว่าจำนวนรถจะเพิ่มมากขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา หากนับจากต้นทางคือกรุงเทพมหานคร คาดว่าจะมีรถยนต์ทั้งเข้าและออกจากพื้นที่สูงถึง 8.4 ล้านคัน เพิ่มขึ้นมาราว 1.5% และแบ่งเป็นปริมาณรถขาออก 4.2 ล้านคัน เริ่มหนาแน่นตั้งแต่วันที่ 29 ธ.ค. 2560 ส่วนขาเข้าคาดว่ามีราว 4.2 ล้านคัน และหนาแน่นระหว่างวันที่ 3-4 ม.ค. 2561

ขณะเดียวกัน ธานินทร์ สมบูรณ์ อธิบดีกรมทางหลวง เปิดเผยว่า ได้จัดตั้ง 125 ศูนย์ประสานงานและจุดให้บริการอีก 198 จุดทั่วประเทศ รวมถึงในช่วงเทศกาลปีใหม่จะยกเว้นค่าผ่านทางบนทางหลวงพิเศษสาย 7 กรุงเทพฯ-ชลบุรี และสาย 9 ถนนวงแหวนรอบนอกด้านตะวันตก ตั้งแต่วันที่ 28 ธ.ค. 2560-4 ม.ค. 2561 รวม 8 วัน

แต่กระนั้นเพื่อให้การเดินทางสะดวกรวดเร็ว กรมทางหลวงจึงได้ทำการแนะนำเส้นทางเลือกในการเดินทางสู่จังหวัดต่างๆ อย่างปลอดภัย ส่วนจะเลือกเส้นทางใดเพื่อไปยังจุดหมายปลายทาง ตรวจสอบได้ ณ ที่ตรงนี้

สำหรับเส้นทางยอดฮิตที่มีประชาชนนิยมเดินทางกลับมากที่สุด คือ เส้นทางกรุงเทพฯ-ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

เส้นทางที่ 1 จากกรุงเทพฯ ไป จ.สระบุรี (ทางหลวงหมายเลข 1 หรือถนนพหลโยธิน)-อ.ม่วงค่อม (ทางหลวงหมายเลข 205)-อ.ท่าหลวง (ทางหลวงหมายเลข 2256)- อ.ด่านขุนทด (ทางหลวงหมายเลข 2148)-อ.ขามทะเลสอ (ทางหลวงหมายเลข 2068) จากนั้นมุ่งหน้าสู่ จ.นครราชสีมา

เส้นทางที่ 2 จากกรุงเทพฯ ไป จ.สระบุรี (ทางหลวงหมายเลข 1 หรือถนนพหลโยธิน)-อ.ม่วงค่อม (ทางหลวงหมายเลข 205)-อ.ท่าหลวง (ทางหลวงหมายเลข 2256)-บ้านบัวชุม บ้านหนองสอง (ทางหลวงหมายเลข 2234, 2247)-อ.ปากช่อง (ทางหลวงหมายเลข 2422) จากนั้นมุ่งหน้าสู่ จ.นครราชสีมา

เส้นทางที่ 3 จากกรุงเทพฯ ไป อ.วังน้อย (ทางหลวงหมายเลข 1 หรือถนนพหลโยธิน)-จ.สระบุรี- อ.ปากช่อง-สีคิ้ว (ทางหลวงหมายเลข 2 หรือถนนมิตรภาพ) จากนั้นมุ่งหน้าสู่ จ.นครราชสีมา

เส้นทางที่ 4 จากกรุงเทพฯ ไป จ.นครนายก (ทางหลวงหมายเลข 305)-อ.บ้านนา (ทางหลวงหมายเลข 3051, 33)-อ.แก่งคอย (ทางหลวงหมายเลข 3222)-อ.ปากช่อง (ทางหลวงหมายเลข 2 หรือถนนมิตรภาพ) จากนั้นมุ่งหน้าสู่ จ.นครราชสีมา

เส้นทางที่ 5 จากกรุงเทพฯ ไป จ.ฉะเชิงเทรา (ทางหลวงหมายเลข 314) -อ.พนมสารคาม-กบินทร์บุรี-วังน้ำเขียว-ปักธงชัย (ทางหลวงหมายเลข 304) จากนั้นมุ่งหน้าสู่ จ.นครราชสีมา

สายกรุงเทพฯ-ภาคเหนือ

เส้นทางที่ 1 จากกรุงเทพฯ ไปรังสิต (ทางหลวงหมายเลข 1 หรือถนนพหลโยธิน)-จ.พระนครศรีอยุธยา-อ่างทอง-สิงห์บุรี (ทางหลวงหมายเลข 32 หรือถนนสายเอเซีย)- อ.มโนรมย์ (ทางหลวงหมายเลข 1 หรือถนนพหลโยธิน) จากนั้นมุ่งหน้าสู่ จ.นครสวรรค์

เส้นทางที่ 2 จากกรุงเทพฯ ไป จ.นนทบุรี (ทางหลวงหมายเลข 340 บางบัวทอง-สุพรรณฯ)-จ.สุพรรณบุรี (ทางหลวงหมายเลข 340 สุพรรณฯ-ชัยนาท)-จ.ชัยนาท (ทางหลวงหมายเลข 1 หรือถนนพหลโยธิน) จากนั้นมุ่งหน้าสู่ จ.นครสวรรค์

เส้นทางที่ 3 จากกรุงเทพฯ ไป จ.นครปฐม (ทางหลวงหมายเลข 346 นครชัยศรี-กำแพงแสน)-จ.สุพรรณบุรี (ทางหลวงหมายเลข 321 กำแพงแสน-ด่านช้าง)-จ.อุทัยธานี (ทางหลวงหมายเลข 333 ด่านช้าง-บ้านไร่ -อ.เมือง จ.อุทัยธานี) จากนั้นมุ่งหน้าสู่ จ.นครสวรรค์

เส้นทางที่ 4 จากกรุงเทพฯ ไปรังสิต-อ.วังน้อย- จ.สระบุรี-ลพบุรี (ทางหลวงหมายเลข 1 หรือถนนพหลโยธิน)-อ.ตากฟ้า (ทางหลวงหมายเลข 11) จากนั้นมุ่งหน้าสู่ จ.พิษณุโลก

สายกรุงเทพฯ-ภาคใต้

เส้นทางที่ 1 จากกรุงเทพฯ ไป จ.สมุทรสาคร-สมุทรสงคราม (ทางหลวงหมายเลข 35)-แยกวังมะนาว-จ.เพชรบุรี (ทางหลวงหมายเลข 4 หรือถนนเพชรเกษม) จากนั้นมุ่งหน้าสู่ จ.ประจวบคีรีขันธ์

เส้นทางที่ 2 จากกรุงเทพฯ ไป อ.สามพราน-นครชัยศรี-จ.นครปฐม-ราชบุรี-แยกวังมะนาว-จ.เพชรบุรี (ทาง หลวงหมายเลข 4 หรือถนนเพชรเกษม) จากนั้นมุ่งหน้าสู่ จ.ประจวบคีรีขันธ์

เส้นทางที่ 3 จากกรุงเทพฯ ไปถนนบรมราชชนนี (ทางหลวงหมายเลข 338 ปิ่นเกล้า-นครชัยศรี)-อ.นครชัยศรี-จ.นครปฐม-ราชบุรี-แยกวังมะนาว-จ.เพชรบุรี (ทางหลวงหมายเลข 4 หรือถนนเพชรเกษม) จากนั้นมุ่งหน้าสู่จ.ประจวบคีรีขันธ์

อย่างไรก็ตาม กรมทางหลวงคาดว่าการจราจรทุกเส้นทางน่าจะติดขัด โดยเฉพาะในช่วงบริเวณต่างระดับบางปะอินจะมีการจราจรติดขัด เนื่องจากเป็นจุดศูนย์รวมของรถที่จะเดินทางไปภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ดังนั้นเพื่อลดปัญหารถติดขัดสะสมหนาแน่นเส้นทางเลือกทางเลี่ยงน่าจะเป็นประโยชน์กับผู้เดินทางในช่วงปีใหม่ได้อย่างสะดวกและปลอดภัย

อีกฟากสำหรับกลุ่มรถบรรทุกและรถโดยสารที่ต้องเดินทางร่วมและส่งประชาชนให้ถึงที่หมายด้วยเช่นกันนั้น สนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก ยืนยันชัดเจนว่าจะต้องติดตามควบคุมพฤติกรรมการขับรถผ่านศูนย์บริหารจัดการเดินรถระบบ GPS ทั่วประเทศแบบนาทีต่อนาที และหากพบว่าขับรถเร็วเกินกว่าที่กำหนด หรือพฤติการณ์เสี่ยงที่อาจนำไปสู่อุบัติเหตุ ทางศูนย์ GPS จะประสานเพื่อสกัดและเตือนให้ลดความเร็วทันที

“จะมีจุดตรวจ 212 แห่ง ตามสถานีรถโดยสารประจำทางทั่วประเทศ โดยจะตรวจทั้งตัวรถและพนักงานขับรถ หากไม่พร้อมจะมีการเปลี่ยนตัวคนขับ หรือเปลี่ยนรถโดยสารทันที” อธิบดีกรมการขนส่งทางบก ย้ำถึงความปลอดภัยของผู้โดยสารเป็นสำคัญ

หากประชาชนต้องการสอบถามข้อมูลเส้นทางเพิ่มเติมหรือแจ้งเหตุด่วนเหตุร้ายระหว่างการเดินทาง สามารถติดต่อได้ที่สายด่วนกรมทางหลวง 1586 (โทรฟรีทุกเครือข่ายตลอด 24 ชั่วโมง) ศูนย์บริการข้อมูลทางหลวงพิเศษ (Motorway) 1586 กด 7 ศูนย์บริหารงานอุบัติภัย กรมทางหลวง โทร.02-354-6832–6 และตำรวจทางหลวง 1193 (ตลอด 24 ชั่วโมง)