posttoday

ดีเอสไอลุยสางคดีปีหน้า "โอ๊ค-ธรรมกาย-คลองจั่น"

27 ธันวาคม 2560

ดีเอสไอเดินหน้าคลี่คลายคดีใหญ่ “โอ๊ค ธรรมกาย และสหกรณ์คลองจั่น” ในปี61

โดย...กิ่งอ้อ เล่าฮง

ตลอดปี 2560 กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ สร้างผลงานมากมายและการสอบสวนเสร็จทะลุเป้าสามารถเรียกคืนความเสียหายให้รัฐกว่าแสนล้านบาท ปีหน้าลุยสางคดีใหญ่ “โอ๊ค ธรรมกาย และสหกรณ์คลองจั่น”

พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ เปิดเผยว่า ในช่วงรอบปี 2560 ดีเอสไอ ได้รับสอบสวนคดีพิเศษจำนวน 291 คดี สอบสวนเสร็จสิ้น 124 คดี เกินจากเป้าหมายที่กำหนดไว้ที่ 120 คดี โดยในจำนวนดังกล่าวเป็นคดีที่มีมูลค่าความเสียหาย 84 คดี ซึ่งดีเอสไอสามารถเรียกคืนความเสียหายหรือรักษาผลประโยชน์ให้รัฐได้ 107,220.82 ล้านบาท ซึ่งเกินจากค่าเป้าหมายที่กระทรวงยุติธรรมกำหนดไว้ 1.5 หมื่นล้านบาท

เมื่อรวมการดำเนินคดีพิเศษทั้งหมดตั้งแต่ก่อตั้งกรมในปี 2547 จนถึงปัจจุบัน รับคดีพิเศษทั้งสิ้น 2,382 คดี  สอบสวนเสร็จ 1,997 คดี และเป็นคดีที่อยู่ระหว่างการสอบสวน 385 คดี โดยคดีที่สอบสวนเสร็จ เป็นการส่งพนักงานอัยการ จำนวน 1,601 คดี ส่งสำนักงาน ป.ป.ช. 134 คดี ส่งสำนักงาน ป.ป.ท. 3 คดี และงดสอบสวนหรือเปรียบเทียบปรับ 259 คดี สามารถเรียกคืนความเสียหายหรือรักษาผลประโยชน์ให้แก่รัฐประชาชนได้ 866 คดี มูลค่า 352,680.630 ล้านบาท

สำหรับคดีพิเศษที่อยู่ในความสนใจของประชาชน อาทิ คดีเกี่ยวกับวัดธรรมกาย เป็นคดีที่ขยายผลมาจากการดำเนินคดีเกี่ยวกับการทุจริตภายในสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ซึ่งพบว่าเงินที่ได้จากการกระทำความผิดบางส่วนเข้าสู่วัดพระธรรมกายและผู้เกี่ยวข้อง ซึ่งดีเอสไอรับไว้สอบสวน 3 คดี และแต่ละคดีมีความคืบหน้า ดังนี้ 1 คดีพิเศษในความผิดฐาน สมคบกันฟอกเงิน และร่วมกันฟอกเงิน และร่วมกันรับของโจร

กรณีพบว่ามีเงินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดคดีสหกรณ์สั่งจ่ายเป็นเช็คไปยังวัดพระธรรมกาย พระธัมมชโย และบุคคลที่เกี่ยวข้อง จำนวน 27 ฉบับ เป็นเงินประมาณ 1,458 ล้านบาทเศษ คดีสอบสวนเสร็จสิ้นแล้วโดยส่งสำนวนการสอบสวน มีความเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหา จำนวน 5 คน ไปยังพนักงานอัยการและออกหมายจับพระธัมมชโย ซึ่งมีหลักฐานว่าร่วมกระทำผิดด้วย โดยพระธัมมชโยได้หลบหนีคดีและศาลอาญาได้ออกหมายจับไว้เมื่อวันที่ 17 พ.ค. 2559

ปัจจุบันได้มอบหมายเจ้าหน้าที่สืบสวนติดตามจับกุมตัวอย่างต่อเนื่อง ส่วนประเด็นการดูแลพื้นที่วัดพระธรรมกาย มีคณะทำงานระดับจังหวัดเป็นผู้ดำเนินการ ประกอบด้วย 4 ฝ่าย คือ ฝ่ายปกครอง โดยผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี ตำรวจภูธรจังหวัดปทุมธานี สำนักพระพุทธศาสนาจังหวัดปทุมธานี และเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ซึ่งจัดเจ้าหน้าที่เข้าตรวจตราในพื้นที่วัดพระธรรมกายทุกวัน แต่จนถึงปัจจุบันยังไม่พบเบาะแสพระธัมมชโยกลับเข้ามาในพื้นที่ของวัดแต่อย่างใด

อธิบดีดีเอสไอ กล่าวอีกว่า 2 คดีพิเศษความผิดฐานร่วมกันฟอกเงินตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ระหว่าง ธรรมนูญ อัตโชติ ผู้กล่าวหา กับพระวิรัตน์ ฐิติรัตน์ กับพวก มูลค่าความเสียหาย ประมาณ 200 ล้านบาท ซึ่งเป็นเรื่องการนำเงินที่เกี่ยวข้องในการกระทำความผิดไปซื้อหุ้น

ปัจจุบันอยู่ระหว่างการสอบสวน คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือน มี.ค. 2561, 3 คดี พิเศษที่ 24/2560 ความผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ระหว่าง ธรรมนูญ อัตโชติ ผู้กล่าวหา กับมูลนิธิมหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง มูลค่าความเสียหายประมาณ 125 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างการสอบสวน คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือน ก.พ. 2561

ส่วนคดีฟอกเงินที่เกี่ยวข้องกับ อนันต์ อัศวโภคิน นั้น หลังเข้ารับทราบข้อกล่าวหา อนันต์ได้ส่งคำให้การแก้ข้อกล่าวหาพร้อมอ้างพยานบุคคลจำนวนหนึ่ง ขณะนี้พนักงานสอบสวนกำลังเร่งสอบปากคำพยาน

อย่างไรก็ตาม ในการสอบสวนคดีฟอกเงินกรณีผู้บริหารธนาคารกรุงไทย กระทำการทุจริตในการปล่อยกู้ให้เครือบริษัท กฤษดามหานคร ซึ่งรับไว้สอบสวน 2 คดี คือ (1) คดีพิเศษซึ่งเป็นคดีหลัก คดีนี้สอบสวนเสร็จและมีความเห็นควรสั่งฟ้อง ผู้ต้องหารวม 13 คน ในความผิดฐานฟอกเงิน ส่งสำนวนไปยังพนักงานอัยการตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ. 2560 คดีอยู่ระหว่างการดำเนินการชั้นอัยการ (2) คดีพิเศษกรณีสำนักงาน ปปง. มีหนังสือเมื่อวันที่ 22 ธ.ค. 2559 ขอให้ดีเอสไอพิจารณาดำเนินการกรณีที่ พานทองแท้ ชินวัตร กับพวก รวม 4 คน ที่รับโอนหรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับเงินอันเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดในการปล่อยกู้ฯ ด้วย จำนวน 10 ล้านบาท  และ 26 ล้านบาท

ขณะที่เมื่อวันที่ 17 ต.ค. 2560 พนักงานสอบสวนและพนักงานอัยการที่ร่วมสอบสวน ได้ร่วมกันแจ้งข้อกล่าวหา 1.เกศินี จิปิภพ 2.กาญจนาภา หงษ์เหิน 3.วันชัย หงษ์เหิน และ 4.พานทองแท้ ชินวัตร ในข้อหา “สมคบกันโดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป” ร่วมกันฟอกเงิน

นอกจากนี้ ยังได้มีการกระทำความผิดฟอกเงิน เพราะเหตุที่ได้มีการสมคบแล้ว ซึ่งผู้ถูกกล่าวหาได้ส่งเอกสารหลักฐานมาเพื่อแก้ข้อกล่าวหาแล้ว ทั้งนี้ได้กำชับพนักงานสอบสวนให้สอบสวนให้เสร็จภายในกลางปี 2561 ก่อนคดี หมดอายุความ