กางชื่ออุทยานสำรอง เที่ยวเคาต์ดาวน์ ไม่ชะงัก
แม้แต่ละพื้นที่จะมีความโดดเด่นไม่เหมือนกัน ทว่าความงดงามตามธรรมชาติสามารถทดแทนกันได้
โดย...ธเนศน์ นุ่นมัน
แผนท่องเที่ยวช่วงวันหยุดยาวของหลายคนต้องชะงัก โดยเฉพาะผู้ที่ตั้งใจไปพักผ่อนในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเพื่อชมความงามตามธรรมชาติและรับลมหนาว เมื่อทราบข่าวว่าอุทยานมีชื่อหลายแห่งถูกจองที่พักและจุดกางเต็นท์เต็มยาวไปจนถึงปีหน้า
พื้นที่อุทยานแห่งชาติซึ่งเป็นพื้นที่ที่ได้รับความนิยมอันดับต้นๆ อย่างดอยอินทนนท์ จ.เชียงใหม่ เปิดให้นักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างประเทศจองห้องพักตั้งแต่เดือน พ.ค.ที่ผ่านมา ปรากฏว่ามีนักท่องเที่ยวจำนวนมากแห่จองห้องพักจนล้นเพื่อสัมผัสกับลมหนาว ซึ่งห้องพักได้ถูกจองยาวไปจนถึงช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ รวมถึงอุทยานทั่วภาคเหนือต่างถูกนักท่องเที่ยวจองห้องพักเต็มหมดเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม สำหรับนักท่องเที่ยวที่จองห้องพักไม่ได้นั้น ทางอุทยานมีจุดกางเต็นท์ให้บริการ แต่ก็ต้องสั่งจองล่วงหน้าเช่นกัน เพราะแต่ละแห่งจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยว
ธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ระบุว่า ในช่วงหน้าหนาวนี้ อุทยานแห่งชาติชื่อดัง อาทิ อุทยานแห่งชาติภูกระดึง ภูเรือ จ.เลย เขาใหญ่ จ.นครราชสีมา ดอยอินทนนท์ ดอยสุเทพ-ปุย ห้วยน้ำดัง จ.เชียงใหม่ ภูหินร่องกล้า จ.พิษณุโลก เขาพระวิหาร จ.ศรีสะเกษ บ้านพักในอุทยานฯ เหล่านี้ต่างถูกจองเต็มยาว เหลือเพียงสถานที่กางเต็นท์อยู่บ้างในบางพื้นที่
“ตอนนี้กำลังเร่งประชาสัมพันธ์ว่า อุทยานฯ ทั่วประเทศนั้นมีมากถึง 154 แห่ง ทุกๆ ปี โดยเฉพาะเทศกาลวันหยุดยาว มีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวที่อุทยานแห่งชาติมีชื่ออย่างภูกระดึงเป็นจำนวนมาก แต่อุทยานฯ สามารถรองรับได้หรือจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยว 5,000 คน ตามประกาศกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ฉบับลงวันที่ 20 พ.ย. 2550 นักท่องเที่ยวที่มีความประสงค์มาเที่ยวที่อุทยานฯ ไหน ควรตรวจสอบข้อมูล หรือโทรไปสำรองที่พักซึ่งอาจจะเหลือแต่พื้นที่กางเต็นท์ล่วงหน้า หรือหาข้อมูลเดินทางไปแหล่งท่องเที่ยวที่ใกล้เคียงก่อน อย่างเช่น อุทยานแห่งชาติภูเรือ อุทยานแห่งชาติภูผาม่าน ถนนคนเดินที่ อ.เชียงคาน อุทยานฯ แต่ละพื้นที่นั้นมีความโดดเด่นไม่เหมือนกัน แต่เชื่อว่าจะมีความงามตามธรรมชาติที่ทดแทนกันได้”
อธิบดีกรมอุทยานฯ ให้ข้อมูลด้วยว่า กรณีที่อุทยานฯ ใดมีนักท่องเที่ยวแออัด หนาแน่น จนเกินขีดความสามารถในการรองรับ เจ้าหน้าที่จะแนะนำแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามที่มีอยู่จำนวนมาก ตามหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติต่างๆ รอบอุทยานแห่งชาติ หรืออุทยานแห่งชาติข้างเคียงอื่นๆ ที่สามารถจองที่พักได้ เช่น อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย จ.เชียงใหม่ แออัด ให้ไปพักที่อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน จ.ลำปาง อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์แออัด ให้ไปพักที่อุทยานแห่งชาติออบหลวง จ.เชียงใหม่
นอกจากนี้ หากอุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก จ.เชียงใหม่ แออัด ให้ไปพักที่อุทยานแห่งชาติผาแดงหรือวนอุทยานภูชี้ฟ้า จ.เชียงราย อุทยานแห่งชาติดอยขุนตาล จ.ลำพูน จ.ลำปาง แออัด ให้ไปพักที่อุทยานแห่งชาติศรีลานนา จ.เชียงใหม่ อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง จ.แม่ฮ่องสอน แออัด ให้ไปพักที่อุทยานแห่งชาติถ้ำปลา-น้ำตกผาเสื่อ จ.แม่ฮ่องสอน หรืออุทยานแห่งชาติ จ.แม่ฮ่องสอน
อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า แออัด ให้ไปที่อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์ หรืออุทยานแห่งชาติเขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จ.นครราชสีมา แออัด ให้ไปพักที่อุทยานแห่งชาติทับลาน จ.ปราจีนบุรี หรืออุทยานแห่งชาติปางสีดา จ.สระแก้ว แทน เป็นต้น
ทรงธรรม สุขสว่าง ผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติ กล่าวว่า สำนักอุทยานฯ ได้จัดทำเว็บไซต์บอกข้อมูลสำคัญ หมายเลขโทรศัพท์ของอุทยานฯ แต่ละพื้นที่ สำหรับติดต่อสอบถามข้อมูลว่ายังสามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้หรือไม่ หรือยังรับได้จำนวนเท่าใด“สำนักอุทยานฯ จัดทำกระดานข่าวในเว็บไซต์ อัพเดทข้อมูลความเคลื่อนไหวสำคัญๆ โดยเฉพาะจำนวนนักท่องเที่ยว ยานพาหนะที่เข้าออกในทุกพื้นที่อุทยานแห่งชาติทุกแห่งทุกวัน เพราะบางพื้นที่อาจจะไม่มีสัญญาณโทรศัพท์อาจติดต่อได้ยาก ช่วงวันหยุดยาวนักท่องเที่ยวจะได้หลีกเลี่ยง ไม่ต้องเสียเวลาขับรถเข้าไปในพื้นที่นั้นๆ ซึ่งจะมีการจราจรหนาแน่นเข้า-ออกยาก” ทรงธรรม กล่าว
ผู้อำนวยการสำนักอุทยานฯ ระบุด้วยว่า การท่องเที่ยวในพื้นที่อุทยานฯ ถือเป็นการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ที่แต่ละคนต้องปฏิบัติตามกฎ กติกาและข้อห้าม อย่างเคร่งครัด ที่สำคัญไม่ควรนำสัตว์เลี้ยงเข้าไปในอุทยานฯ และไม่ให้อาหารสัตว์ในธรรมชาติ เพราะจะทำให้พฤติกรรมสัตว์เปลี่ยนไปและไม่ยอมหากินเองตามธรรมชาติ
“ช่วงวันหยุดยาวของทุกปีมีปัญหาเรื่องนักท่องเที่ยวแอบลักลอบเอาสัตว์เลี้ยงเข้าไปในอุทยานฯ โดยเฉพาะสุนัขและแมว ทำให้เกิดปัญหาอื่นตามมาได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การนำเชื้อโรคจากสัตว์บ้านเข้าไปติดสัตว์ในป่า ซึ่งหากเกิดขึ้น จะเป็นปัญหาใหญ่และแก้ไขยากมาก จึงต้องขอร้องสำหรับนักท่องเที่ยวที่อยากไปเที่ยวแต่ติดภาระที่ต้องดูแลสัตว์เลี้ยง ควรนำสัตว์เลี้ยงไปฝากโรงแรมที่รับฝาก เพราะหากเจ้าหน้าที่ตรวจพบ ก็จะต้องถูกเชิญให้ออกจากพื้นที่เช่นกัน” ผู้อำนวยการสำนักอุทยานฯ กล่าว
นอกจากนี้ ทุกช่วงเทศกาล อุทยานฯ จะมีปริมาณขยะที่เพิ่มมากขึ้น เพื่อลดปริมาณขยะและเป็นการรักษาสิ่งแวดล้อม ต้องช่วยกันรักษาความสะอาดและช่วยกันลดการใช้ถุงพลาสติกและโฟม ขอความร่วมมืออย่านำขวดแก้ว เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์เข้าไปในพื้นที่ และห้ามก่อกองไฟ
ขณะเดียวกัน ผู้ที่เข้าไปเที่ยวต้องไม่สร้างเสียงดังรบกวนนักท่องเที่ยวคนอื่นเด็ดขาด ไม่นำยานพาหนะที่มีเครื่องยนต์ส่งเสียงดังรบกวนเกินกว่าที่กำหนดไว้ หรือมีควันดำเข้าไปในพื้นที่ และต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ในทุกแห่งอย่างเคร่งครัด หากฝ่าฝืน นอกจากจะถูกเปรียบเทียบปรับแล้ว คงต้องเชิญให้ออกจากพื้นที่
อย่างไรก็ดี ควรตรวจสอบข้อมูลที่ www.dnp.go.th ก่อนเดินทาง เพื่อไม่ให้แผนที่วางไว้ต้องสะดุด