ฮีโร่...กลางดงปืน
ภายในลานเซ็นทรัลเวิลด์ นักรบชุดดำรายหนึ่งถือปืนอาก้าบุกไล่ยิงอย่างบ้าระห่ำ หวังขัดขวาง รปภ. ไม่ให้เข้ามายับยั้งการวางเพลิง ท่ามกลางสถานการณ์คับขันหัวหน้า รปภ. จึงสวมวิญญาณ “ผู้กล้า” จำเป็น
ภายในลานเซ็นทรัลเวิลด์ นักรบชุดดำรายหนึ่งถือปืนอาก้าบุกไล่ยิงอย่างบ้าระห่ำ หวังขัดขวาง รปภ. ไม่ให้เข้ามายับยั้งการวางเพลิง ท่ามกลางสถานการณ์คับขันหัวหน้า รปภ. จึงสวมวิญญาณ “ผู้กล้า” จำเป็น
โดย...ธรรมสถิตย์ ผลแก้ว
การอภิปรายเมื่อเช้าของวันที่ 1 มิ.ย. อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ฉายภาพเหตุการณ์กระชับพื้นที่การชุมนุมอีกครั้ง โดยยอมรับว่าอุปสรรคสำคัญของการเข้าไปปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ ทหาร ตำรวจ คือ กลุ่มนักรบชุดดำ และช่วงท้ายการอภิปราย อภิสิทธิ์ ได้ตอกย้ำว่า นักรบชุดดำตามที่ ส.ส.ฝ่ายค้านพยายามเบี่ยงเบนประเด็นนั้น แท้ที่จริง มีประจักษ์พยานอยู่ในเหตุการณ์และเผชิญหน้ากับนักรบชุดดำมาแล้ว นายกฯย้ำเรื่องนี้สองวันติดต่อกัน
“ถ้าท่านอยากทราบ ได้มีหนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ ได้สัมภาษณ์หัวหน้ารปภ.ที่ได้เผชิญหน้ากับคนชุดดำ” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
เพื่อให้เห็นสถานการณ์การเผชิญหน้าระหว่างนักรบชุดดำกับ รปภ.เซ็นทรัลเวิลด์ โพสต์ทูเดย์ขอนำเนื้อหา “ ฮีโร่ กลางดงปืน” มานำเสนออีกครั้ง เพราะตลอดของการอภิปรายพบว่ามีส.ส. ซี่งไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ พยายามอภิปรายว่าเหตุเผาเซ็นทรัลเวิลด์ไม่ใช่ฝีมือคนชุดดำ แต่เนื้อหาจากนี้ไป เป็นคำตอบในคลี่ปมความสงสัยระดับหนึ่ง
......................................................
สภาพอาคารเซ็นทรัลเวิลด์ฝั่งห้างสรรพสินค้าเซนเว้าแหว่งเป็นแอ่งกระทะ กลายเป็นภาพสะเทือนใจใครหลายคนที่มีโอกาสเข้าไปพบเห็น การต่อสู้เรียกร้องทางการเมืองที่ต้องการประชาธิปไตย ยึดสันติ อหิงสา แต่กลับเลือกวิธีการเผาเมืองระบายแค้น...ทิ้งซากปรักหักพังไว้เบื้องหลัง
จะมีสักกี่คนหาญกล้าเข้าไปยุติการกระทำของกลุ่มคนหัวรุนแรงที่ถูกขนานนามว่า “กองกำลังไม่ทราบฝ่าย” หรือ “นักรบชุดดำ” พฤติกรรมคนกลุ่มนี้มีเป้าหมายเพียงเพื่อ ยิง เผา ฆ่า แม้แต่เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ วางแผนไว้รัดกุม หากบุ่มบ่ามเข้าประชิด โอกาสสูญเสียมีพอๆ กัน
วันเกิดเหตุเผาเซ็นทรัลเวิลด์ ทหาร ตำรวจ ไม่มีช่องเข้าไปควบคุมสถานการณ์เพราะถูกกองกำลังติดอาวุธยิงสกัด ท่ามกลางสถานการณ์คับขันหัวหน้า รปภ. สวมวิญญาณ “ผู้กล้า” จำเป็น
เย็นวันที่ 19 พ.ค. หลังจากแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ประกาศยอมสลายการชุมนุมที่แยกราชประสงค์และเข้ามอบตัว แหล่งช็อปปิ้งใจกลางกรุงเทพฯ ดูไม่ต่างอะไรกับสมรภูมิรบ ทั้งเสียงปืน ประทัดยักษ์ ระเบิด ดังระงม เจ้าหน้าที่ทหารต้องหยุดยิงและปักหลักอยู่บริเวณแยกสารสิน ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจหลายกองร้อยตรึงอยู่ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ความพยายามปกป้องอาคารระฟ้า เท่าที่ทำได้ ณ ขณะนั้น จึงมีแต่ทีมการ์ดประจำห้างเซ็นทรัลเวิลด์ แม้จะพยายามเข้าไประงับเพลิง แต่ก็ถูกฝ่ายนักรบชุดดำปาระเบิดใส่ตลอดเวลา ทำให้ รปภ. รายหนึ่งถูกสะเก็ดระเบิดบริเวณขา
ลานเซ็นทรัลเวิลด์ซึ่งกลายเป็นลานสู้รบดำเนินต่อไป นักรบชุดดำรายหนึ่งถือปืนอาก้าบุกไล่ยิงอย่างบ้าระห่ำ หวังขัดขวาง รปภ. ไม่ให้เข้ามายับยั้งการวางเพลิง ไม่เพียงเท่านั้น หวังใช้เสียงกระสุนปืนเปิดทางเข้าไปวางถังแก๊สใต้ถุนอาคาร เพื่อบอมบ์ห้างใหญ่ให้เป็นจุณ
นาทีต่อจากนี้เป็นเรื่องจริงยิ่งกว่าภาพยนตร์เรื่องไดฮาร์ด หรือ “นรกระฟ้า” ที่มี “บรูซ วิลลิส” รับบทพระเอกในเรื่อง ภายใต้ชื่อ จอห์น แมคเคลน ยอดตำรวจจากนิวยอร์ก ที่ต้องรับเคราะห์ติดอยู่ในอาคารระฟ้าเผชิญหน้าขบวนการก่อการร้ายอย่างเลี่ยงไม่ได้
ไพรวรรณ รุนนอก ชายวัย 45 ปี จากที่ราบสูงโคราช ไม่ได้คิดสวมวิญญาณ “บรูซ วิลลิส” หรือเป็นเจ้าหน้าที่
ตำรวจ แต่ในฐานะหัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัยประจำเซ็นทรัลเวิลด์ ซึ่งตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน เขาจำต้องดูแลความปลอดภัยอาคารและอพยพผู้คนที่หลงเหลือออกนอกอาคารอย่างสุดชีวิต
“เขาสวมชุดดำ ปิดหน้า โพกผ้าพันคอสัญลักษณ์เสื้อแดง มือถือปืนอาก้าพกระเบิด มีการยิงขู่และไล่ยิงใส่ผม” ไพรวรรณ เริ่มเล่านาทีเผชิญหน้าปฏิบัติการเผาเมือง ก่อนพาไปตระเวนดูจุดเกิดเหตุใต้ลานจอดรถของห้าง
“พวกเขาต้องการเข้าไปวางเพลิง มันเห็นพวกผมออกมา ก็ใช้ปืนยิง ผมต้องวิ่งลงไปชั้นใต้ดิน มันวิ่งตามแล้วมีเสียงปืนดังขึ้น ผมต้องหลบตัวข้างผนังตึกติดกับทางลงบันได ถ้าโผล่ออกไปตอนนั้นโดนยิงหัวแน่ แต่ไม่ใช่หนีอย่างเดียวนะ เรารอเวลาเป็นของเราเพื่อเข้าชาร์จด้วย”
ช่วงจังหวะนั้นลานจอดรถมืดสลัว ทัศนวิสัยไม่เอื้อต่อการปฏิบัติการใดๆ ไพรวรรณต้องซ่อนตัว หายใจให้เบาที่สุด ตั้งสติรอจังหวะ ขณะที่นักรบดำย่ามใจวิ่งลงบันไดตามมา ปลายกระบอกปืนยื่นโผล่มุมเสา
นาทีนั้นหัวหน้า รปภ. ตัดสินใจว่า...ใครดีใครอยู่!!!
เทพีแห่งโชคเข้าข้างไพรวรรณ เขาชิงจังหวะก่อน สาวหมัดขวาตรงทิ่มใส่ใบหน้า พร้อมถีบยอดหน้าอกไปอีกหนึ่งดอก ส่งผลให้นักรบชุดดำเสียหลักเซถลา ปืนอาก้าหลุดมือ ไพรวรรณไม่รอช้าแย่งชิงปืนมาได้ พร้อมเล็งไปที่นักรบชุดดำ คราวนี้นักรบนิรนามตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ หมดทางสู้กระเสือกกระสนวิ่งหนีสุดชีวิตไปด้านข้างลานจอดรถ
“ผมตั้งสติ ประสบการณ์มีเยอะมาก ยังไงผมชาร์จอยู่แล้ว ชีวิตถึงชีวิตถ้าแย่งปืนไม่ได้ ชีวิตผมคงดับ”
ย้อนไปเมื่อวันที่ 22 พ.ค. หน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิดรายงานว่าพบปืนอาก้า 47 จำนวน 1 กระบอก บริเวณชั้นใต้ดินอาคารเซ็นทรัลเวิลด์ หารู้ไม่ เบื้องหลังปืนกระบอกนี้มาจากฝีมือหัวหน้า รปภ. ที่เข้าต่อสู้กับนักรบชุดดำ และหัวหน้า รปภ. รายนี้ก็เป็นคนเดียวกับที่ผ่านนาทีมรณะในวันถัดมาขณะลุยกวาดขยะหน้าอาคารเซ็นทรัลเวิลด์ฝั่งตรงข้ามสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จนมีเสียงระเบิดตูมสนั่น ทำให้ร่างกายเขากระเด็น แต่ก็รอดมาได้อีกครั้ง
หัวหน้า รปภ. ผู้ได้มีโอกาสประชิดตัวนักรบชุดดำมากที่สุดรายนี้ เดิมทำหน้าที่ดูแลการจราจร ตรวจตราพื้นที่รอบนอก และอาคารลานจอดรถใต้ดินชั้นบี 1 บี 2 มาร่วมปีแล้ว มีลูกน้องอยู่ในความดูแล 40 คน ขณะที่ทีมงานกระจายไปตามโซนอื่นกว่า 200 คน ก่อนหน้านี้เคยเป็นอาสาสมัครหลายหน่วยงาน ทั้งลูกเสือชาวบ้าน อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อปพร.) อาสาพัฒนาและป้องกันตัวเอง (อปพ.) อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา ทำให้มีประสบการณ์ด้านการต่อสู้อยู่บ้าง
ทว่าหลังนักรบชุดดำเสียเหลี่ยมให้การ์ดหมัดสั่งรายนี้ ใช่ว่าไพรวรรณจะอยู่ในความปลอดภัย เพราะผ่านไปเพียง 20 นาทีนักรบชุดดำรวบรวมแดงฮาร์ดคอร์อีก 5-6 คน รุกเข้ามาด้านข้างลานกว้างเซ็นทรัลเวิลด์อีกครั้ง คราวนี้นักรบชุดดำรายเดิมที่หลบหนีไปเดินเข้ามาชี้หน้าเขาด้วยอาการคับแค้นใจ จากนั้นสั่งลูกน้องระดมขว้างระเบิดเข้าไปภายในลานจอดรถใต้ดินหมายปลิดชีวิต
การปะทะภายในลานจอดรถใต้ดินเกิดขึ้นรอบสอง แต่คราวนี้ผู้กล้าต้องรักษาระยะห่าง “มีการโยนระเบิดเข้ามาหลายลูก ควันโขมงทั่วลานจอดรถ สะเก็ดระเบิดตกไปโดนรถยนต์เสียหาย กระโปรงรถเป็นรูพรุน ถึงตอนนั้นจำเป็นต้องหลบข้างเสา มีลูกน้อง รปภ. ผมอีก 3 คน เข้ามาช่วยตะโกนบอกว่า ให้หัวหน้าถอยก่อน สถานการณ์ไม่ปลอดภัย ในที่สุดพวกเราต้องถอยร่น ซึ่งก็เป็นจังหวะที่นักรบชุดดำรุกคืบเข้ามา ทุบกระจกรถยนต์เสียหายไปหลายคัน ก่อนค้นเอาทรัพย์สินในรถผู้บริหารไปด้วย”
หลังจากนั้นมีความพยายามจากกลุ่มคนเสื้อแดง 50-60 คน ทุบกระจกและนำถังแก๊สเข้าไปภายในอาคาร ฝ่าย รปภ. ที่อยู่ในความควบคุมของไพรวรรณกว่า 40 ชีวิต พยายามผลักดันอย่างเต็มที่ แต่เนื่องจากฝ่ายตรงข้ามมีทั้งอาวุธปืน ระเบิด ทำให้ต้องระวังตัว ขณะเดียวกันยังมีอีกภารกิจด่วนต้องรีบลำเลียงแม่บ้าน คนงานที่ติดอยู่ในอาคารเซ็นทรัลเวิลด์อีกกว่า 300 ชีวิต ออกไปตามเส้นทางเชื่อมต่อสยามพารากอน ทุกคนได้รับการคุ้มครองออกจากพื้นที่ด้วยความปลอดภัย ไม่ตกเป็นเหยื่ออารมณ์ของกลุ่มนักรบชุดดำ
“เจ้านายบอกว่าต้องช่วยกันผลักดัน คุ้มครองความปลอดภัยเซ็นทรัลเวิลด์ แต่ถ้าไม่ไหวให้ออกไปก่อน เจ้านายมาดูแล้วเห็นว่า รปภ. ไม่เพียงพอ กลุ่มผู้ชุมนุมเยอะ ต่อต้านไม่ไหว ถ้าต่อต้านแล้วเอาไม่อยู่ก็ต้องเซฟชีวิต
เจ้านายเคยย้ำอย่าไปทะเลาะเบาะแว้งกับเขา ขนาดไม่ทะเลาะก็ทำถึงขนาดนี้ ฝ่ายอาคารเสียหายขนาดไหนซ่อมแซมได้ เอาชีวิตไว้ก่อน พวกผมเอาไม่อยู่จริงๆ” ไพรวรรณ ยอมรับสภาพที่เกิดขึ้น
หัวหน้า รปภ. ที่ต้องกินนอนร่วมกับลูกน้องตลอดช่วงกลุ่มคนเสื้อแดงปักหลักชุมนุมร่วมสองเดือน ทิ้งท้ายว่า “เสียใจมากที่คนไทยทำกันแบบนี้ มันไม่ใช่ต่างประเทศมาสู้กับเรา แต่นี่คนไทยต่อสู้กับคนไทยด้วยกันเอง ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล นปช. จะเอาอย่างไร ก็ไม่อยากให้คนไม่รู้เรื่องต้องพลอยได้รับผลกระทบไปด้วย”
วันนี้ไพรวรรณและลูกน้องในชุดเครื่องแบบเชิ้ตขาวกางเกงดำ ยังปฏิบัติหน้าที่ดูแลความปลอดภัยเซ็นทรัลเวิลด์อย่างแข็งขันต่อไป แม้สภาพตึกต้องพังพินาศไปด้วยน้ำมือคนไทยเช่นเดียวกับเขา และหวังว่าอาชีพการรักษาความปลอดภัยต่อจากนี้คงไม่ต้องมาเผชิญความเลวร้ายอย่างที่เกิดขึ้นกับเซ็นทรัลเวิลด์อีก


