posttoday

แฉผลประโยชน์ด้านมืดมาเฟียแท็กซี่สุวรรณภูมิ

24 มิถุนายน 2557

กลุ่มที่ยังบริหารเก็บหัวคิวแท็กซี่อยู่ทุกวันนี้ ปัจจุบันเป็นกลุ่มของ อดีตนายพล สังกัดทหารอากาศ อักษรย่อ “ม”

โดย...ทีมข่าวในประเทศโพสต์ทูเดย์

การจัดระเบียบแท็กซี่มาเฟียสนามบินสุวรรณภูมิที่เรื้อรังมานับสิบปี เป็นงานสำคัญอีกชิ้นที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ขีดเส้นต้องสำเร็จภายใน 1 เดือน

“นับจากนี้ แท็กซี่ที่สนามบินสุวรรณภูมิจะใช้ระบบคอมพิวเตอร์ลงทะเบียนประวัติ ลายนิ้วมือของแท็กซี่ที่มาจดทะเบียนกับสุวรรณภูมิทั้งหมด แล้วใช้ระบบรูดการ์ดแทนการใช้ระบบมาเฟีย ซึ่งจะทำให้ไม่มีการเลือกลูกค้า คาดว่า 1 เดือน จะเห็นผล

...ต้องยอมรับมีมาเฟียมีสี และทราบว่าเป็นใคร โยงถึงใคร แต่ตอนนี้แค่เตือน” พล.ต.นิรันดร สมุทรสาคร ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 11 (ผบ.มทบ.11) ซึ่งได้รับมอบจาก คสช.ให้มาแก้ปัญหามาเฟียแท็กซี่สนามบินสุวรรณภูมิ กล่าว

ปัญหาแท็กซี่สุวรรณภูมิสะท้อนผ่านการเลือกผู้โดยสาร การเรียกค่าราคาสูงเกินไป แท็กซี่พาผู้โดยสารหรือนักท่องเที่ยวไปทิ้งกลางทาง การจ่ายหัวคิวให้มาเฟียที่คุมการจัดคิวรถคอยฉกฉวยหาผลประโยชน์

ความจริงแล้วไม่ใช่เรื่องง่ายที่กลุ่มมาเฟียเหล่านี้จะเข้ามาแสวงหาประโยชน์จากแท็กซี่เป็นเวลาเนิ่นนาน หากไม่มีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้องเอี่ยวผลประโยชน์ด้วย

ปกติจะทราบกันภายในวงการมาเฟียว่า การตั้งคิวรถแต่ละแห่งต้องมีเงินใต้โต๊ะเพื่อเคลียร์ทาง หรือภาษาชาวบ้านเรียกว่า “ซื้อทางวิ่งรถสาธารณะ” เฉกเช่นเดียวกับพื้นที่สนามบินสุวรรณภูมิ แน่นอนว่ามีกลุ่มมีอิทธิพล และมักจะเรียกใช้บริการกลุ่มนักเลงหัวไม้มาดูแลความเรียบร้อย เพื่อป้องกันไม่ให้คนขับรถแท็กซี่ขัดขืนหรือไม่ยอมจ่ายค่าคิวช่วงรับผู้โดยสารในสนามบิน

ทีมข่าวโพสต์ทูเดย์ได้รับข้อมูลจากนายตำรวจใหญ่ระดับนายพล ปัจจุบันยังรับราชการ พร้อมเปิดเผยถึงกลุ่มมาเฟียที่เข้ามาแสวงหาผลประโยชน์จากรถแท็กซี่ในสนามบินสุวรรณภูมิ ว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นมานั้นเดิมทีแล้วเป็นความพยายามของเจ้าหน้าที่ “ทหารอากาศ” ที่ต้องการเข้ามาจัดระเบียบใหม่ โดยให้แท็กซี่ทุกคันต้องไปจอดรถนอกสนามบินสุวรรณภูมิ และต้องเสียค่าใช้จ่ายให้คนดูแล แต่กลุ่มแท็กซี่ไม่ยอมจึงทำให้เกิดกระแสการต่อต้าน ทำให้กลุ่มทหารนอกรีดเหล่านั้นต้องยุติล้มเลิกการจัดคิวหรือตั้งคิวขึ้นใหม่ไป แต่ก็หนีไม่พ้นวังวนของอิทธิพลมืด

สำหรับกลุ่มที่ยังบริหารเก็บหัวคิวแท็กซี่อยู่ทุกวันนี้ ปัจจุบันเป็นกลุ่มของ อดีตนายพล สังกัดทหารอากาศ อักษรย่อ “ม” ที่ยังคงดำเนินธุรกิจเก็บส่วยจัดระเบียบวินแท็กซี่ในสนามบินสุวรรณภูมิจวบจนปัจจุบัน ด้วยเพราะความเป็นนายทหารใหญ่มีประสบการณ์มากมายมีสายสัมพันธ์ทางการเมืองมาอย่างโชกโชน ทำให้การเข้ามาเก็บ “ส่วย” จ้างลูกน้องนักเลงมาดูความเรียบร้อยทับรอยกับแท็กซี่ที่ขึ้นทะเบียนไว้กับการท่าอากาศยานจอดอยู่ชั้นล่าง จนกลายเป็นปัญหาวินแท็กซี่ทับซ้อนกัน

ซึ่งนั่นยังส่งผลให้แท็กซี่ที่ขึ้นตรงกับการท่าอากาศยานได้รับผลกระทบ ด้วยเหตุจาก “มาเฟีย” เข้ามาจัดสรรปันส่วนผู้โดยสารให้กับแท็กซี่ที่จ่ายใต้โต๊ะ สงวนต่อครั้ง 100-200 บาท/การรับผู้โดยสาร 1 ครั้ง และขึ้นอยู่กับระยะทางและจุดหมายที่รับส่ง รวมถึงสภาพรถใหม่หรือเก่า บางคันรถหมดอายุห้ามวิ่งรับผู้โดยสารก็ยังสามารถนำมาวิ่งรับได้ จุดจอดรับผู้โดยสารด้านล่างนับเป็นจุดหาเงินกันอย่างเป็นล่ำเป็นสัน เพราะต่อวันมีรถแท็กซี่จำนวนหลายพันคันเข้ามาจอดและทุกคันต้องเสียค่าจอดทั้งหมด

ส่วนพื้นที่จอดรับส่งผู้โดยสารบริเวณชั้น 4 ของสนามบินสุวรรณภูมิ แท็กซี่ทุกคันสามารถจอดส่งผู้โดยสารและรับได้ตามโอกาสและจังหวะ แต่ปัจจุบันมีผู้มีอิทธิพลกลุ่มเดิมจะใช้วิธีการเป่านกหวีดพร้อมประกาศผ่านโทรโข่งไล่แท็กซี่ที่จอดแช่รอรับผู้โดยสารว่า “ห้ามจอด” แต่หากแท็กซี่คันใดประสงค์รับผู้โดยสารที่ชั้นนี้ ต้องจ่ายใต้โต๊ะให้คนดูแลพื้นที่ดังกล่าวด้วย ส่วนวิธีการจ่ายมีหลากหลายรูปแบบตามความเข้าใจของแท็กซี่แต่ละคัน บางคันให้เงินไว้บริเวณจุดเคลียร์บุหรี่ โยนเงินลงพื้น เป็นต้น

นายตำรวจใหญ่คนเดิมยังเปิดเผยด้านมืดของกลุ่มมาเฟียเหล่านี้อีก ว่า เมื่อแท็กซี่รวมตัวจอดเรียงคิวยาวก่อกลุ่มพูดคุย ก็จะมีกิจกรรมจับกลุ่มกันเล่นการพนัน โดยเฉพาะไฮโลซึ่งเป็นที่นิยมสำหรับแท็กซี่เถื่อนเหล่านี้ เพราะได้ง่ายเสียง่าย

นอกจากนั้น บางคนก็เสพยาเสพติด แทงพนันฟุตบอล สารพัดปัญหาที่เกิดขึ้นจากกลุ่มแท็กซี่นอกแถวทั้งสิ้น บวกกับสนามบินสุวรรณภูมิมีพื้นที่กว้างใหญ่ทำให้การจัดระเบียบเป็นไปได้ยาก หลายกลุ่มคนมีอิทธิพล พวกมีสีพยายามเข้าจับจองจัดระเบียบคิวเอง แต่หากใครไม่มีเส้นสายใหญ่โต การเข้ามาบริหารเก็บส่วยแท็กซี่ก็ต้องจบเร็ว เพราะแน่นอนว่าอดีตนายทหารอากาศคนดังเปรียบดังเจ้าของสัมปทานพื้นที่ มักใช้กลวิธีกลั่นแกล้งคนขับรถแท็กซี่ที่ไม่ยอมศิโรราบหรือจ่ายเงิน เช่น แจ้งให้เจ้าหน้าที่ไล่ไม่ให้รับผู้โดยสาร ห้ามจอดแช่นานให้ส่งเพียงอย่างเดียว

“เจ้าของรถอู่แท็กซี่บางแห่งตัดปัญหาการเข้าจอดรับส่งผู้โดยสารของคนเช่า ยอมจ่ายเหมาแบบรายเดือนให้กับมาเฟียพวกนั้น เช่น อู่นี้มีรถแท็กซี่ 30 คัน จะต่อรองทำสติกเกอร์หรือสัญลักษณ์ให้เพื่อเป็นการแสดงว่าได้รับอนุญาตแล้ว อาจตกลงราคาต่อคัน 1,000 บาท ตกเดือนละ 3 หมื่นบาท จำนวน 30 คัน เพื่อตัดปัญหาการรับ-ส่งผู้โดยสารภายในสนามบิน ซึ่งกลวิธีรีดเงินจากแท็กซี่มีมากมายหลายแบบ แต่ภาระก็ตกไปที่ผู้เช่าต้องเช่าสูงขึ้น” นายตำรวจใหญ่ ระบุ

แน่นอนว่าถ้าตำรวจไม่ขยิบตา มาเฟียเหล่านี้จะเข้ามามีอิทธิพลในพื้นที่ได้อย่างไร มาเฟียหรือนักเลงหัวไม้พวกนี้ส่วนใหญ่อยู่ในอาณัติของคนในเครื่องแบบทั้งสิ้น คสช.จะกล้าหรือไม่ อีกไม่ก็นานคงได้รู้...