posttoday

พลิกชีวิต"สมบุญ ระหงษ์"ตำนานชุดขาวรอเก้อ

23 กันยายน 2556

หากย้อนกลับไปช่วงปีพ.ศ.2530 ต้องบอกว่าน้อยคนนักที่จะไม่รู้จักพล.อ.อ.สมบุญ โดยเฉพาะเจ้าของตำนาน "ชุดขาวรอเก้อ"

โดย...ไพบูลย์ กระจ่างวุฒิชัย

ชื่อ "พล.อ.อ.สมบุญ ระหงษ์" ในช่วง10ปีมานี้ไม่ได้เป็นที่รู้จักในทางการเมืองมากนัก ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากการขอลดบทบาทตัวเองลงเพื่อไปขอทำงานด้านอื่นๆแทน

แต่หากย้อนกลับไปช่วงปีพ.ศ.2530 ต้องบอกว่าน้อยคนนักที่จะไม่รู้จักพล.อ.อ.สมบุญ โดยเฉพาะเจ้าของตำนาน "ชุดขาวรอเก้อ"

ในปีพ.ศ.2534 พล.อ.อ.สมบุญ ได้เข้ามาอยู่ในพรรคชาติไทย ตามคำทาบทามของผู้บริหารพรรคในเวลานั้นที่ต้องการให้มีนายทหารที่มีสายสัมพันธ์ที่ดีกับคณะรักษาความสงบเรียบร้อย (รสช.) เข้ามาอยู่ในพรรค เพื่อเป็นเกราะป้องกันการถูกคณะรสช.ยึดทรัพย์ ประกอบกับ "พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัน" ได้ลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค ทำให้พรรคชาติไทยขาดหัวเรือใหญ่

จึงเป็นจังหวะเหมาะพอดีที่พล.อ.อ.สมบุญ ซึ่งมากไปด้วยคอนเนคชั่นที่มีต่อรสช.ได้เข้ามาช่วยประคับประคองให้พรรคผ่านวิกฤติครั้งนั้นไปได้

ในปี 2535 การเมืองไทยเข้าสู่โหมดการเลือกตั้ง ปรากฏว่าพล.อ.อ.สมบุญ ได้นำพรรคชาติไทยเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎรอย่างสง่างามด้วยจำนวนสส.ถึง 74 คนเป็นรองเพียงพรรคสามัคคีธรรมที่ได้สส.76คนเท่านั้น ในเดือนมี.ค.ปีนั้นเองพล.อ.อ.สมบุญ ได้เข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคสามัคคีธรรมและสนับสนุนให้ "บิ๊กสุ" พล.อ.สุจินดา คราประยูร ผู้ทำการรัฐประหารเมื่อปี 2534 เป็นนายกรัฐมนตรี

พรรคชาติไทยในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีในรัฐบาลพล.อ.สุจินดาถึง 14 ตำแหน่ง โดยพล.อ.อ.สมบุญ ได้รับมอบหมายให้นั่งเก้าอี้รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ศึกษาธิการ

ทว่าอายุของรัฐบาลพล.อ.สุจินดาไม่ยาวมากนักเพราะเผชิญกับกระแสกดดันครั้งใหญ่จนเกิดเหตุการณ์ "พฤษภาทมิฬ"ในปีเดียวกัน ก่อนที่พล.อ.สุจินดา จะตัดสินใจลาออกจากเก้าอี้นายกฯเพื่อสงบศึก ซึ่งการลาออกของพล.อ.สุจินดา ครั้งนั้นจึงเป็นจุดเริ่มต้นของ "ตำนานชุดขาวรอเก้อ" ในเวลาต่อมา

ขณะนั้น พล.อ.อ.สมบุญ ได้ถูกยกให้เป็นว่าที่นายกรัฐมนตรีคนที่ 20 ต่อจากพล.อ.สุจินดา เพราะได้รับแรงสนับสนุนจากบิ๊กทหารและพรรคการเมืองผู้กุมเสียงข้างมากในสภาฯ ไม่ว่าจะเป็น "พล.อ.อิสระพงศ์ หนุนภักดี" แกนนำรสช.คนสำคัญ "บรรหาร ศิลปอาชา" "เสนาะ เทียนทอง" "สมัคร สุนทรเวช" และ "มนตรี พงษ์พานิช" เป็นต้น

พล.อ.อ.สมบุญ มั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าตัวเองได้เป็นผู้นำประเทศคนต่อไปสะท้อนได้จากการแต่งตัวด้วยชุดสีขาวเต็มยศเพื่อเตรียมรับสนองพระบรมราชโองการโปรดเกล้าแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 มิ.ย.2535  แต่สุดท้ายทุกอย่างกลับตาลปัตรเมื่อ "อาทิตย์ อุไรรัตน์" ประธานสภาฯในเวลานั้นซึ่งมีหน้าที่นำรายชื่อบุคคลที่จะเป็นนายกฯขึ้นทูลเกล้าได้สลับชื่อให้ "อานันท์ ปันยารชุน" เป็นนายกฯแทน จนกลายเป็นที่มาของตำนานชุดขาวรอเก้อ

ต่อมาในปี 2540 พล.อ.อ.สมบุญ ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในตำนาน "งูเห่า" เพราะเป็น1ใน12 สส.ของพรรคประชากรไทยที่สนับสนุนให้ "ชวน หลีกภัย" หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เป็นนายกฯสมัยที่2ต่อจากพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ที่ลาออกเพื่อรับผิดชอบกับพิษเศรษฐกิจ ทั้งๆที่พรรคร่วมรัฐบาลเวลานั้นเตรียมสนับสนุนให้พล.อ.ชาติชาย มาเป็นนายกฯอีกครั้ง

หลังจากนั้นพล.อ.อ.สมบุญ ก็ลดบทบาททางการเมืองของตัวเองลงไปเพื่อขอใช้ชีวิตในบั้นปลายอย่างสงบก่อนที่จะถึงแก่อนิจกรรมในวัย 81 ปีเมื่อวันที่ 23 ก.ย. อันเป็นการปิดตำนาน "ชุดขาวรอเก้อ" และ "งูเห่า" อย่างสมบูรณ์