posttoday

"พริษฐ์"ปลุกสังคมซีดวัคซีนแก้รธน.กำจัดระบอบประยุทธ์

29 มิถุนายน 2564

"พริษฐ์ วัชรสินธุ"ชี้นายกฯขาดทักษะในการบริหารประเทศหลายด้านจนถูกวิจารณ์ยับ ย้ำโกรธประยุทธ์แค่ไหน ก็เอาประยุทธ์ออกไปไม่ได้ ถ้าไม่แก้รัฐธรรมนูญ

เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน นายพริษฐ์ วัชรสินธุ หรือ ไอติม ผู้ก่อตั้งกลุ่มรัฐธรรมนูญก้าวหน้า ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า [ โกรธประยุทธ์แค่ไหน ก็เอาประยุทธ์ออกไปไม่ได้ ถ้าไม่ #แก้รัฐธรรมนูญ ]

เหตุการณ์ 2-3 วันที่ผ่านมา เหมือนเป็นภาพสะท้อนความเลวร้ายตลอด 7 ปีของรัฐบาลภายใต้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ขาดทักษะพื้นฐานหลายอย่างในการบริหารประเทศ

ไม่ว่าจะเป็นการขาด “ทักษะการเห็นอกเห็นใจ” ในการแถลงข่าวเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ที่ประยุทธ์และคณะ พูดไปหัวเราะไป ท่ามกลางความเดือดร้อนแสนสาหัสของประชาชนนอกทำเนียบรัฐบาล

"พริษฐ์"ปลุกสังคมซีดวัคซีนแก้รธน.กำจัดระบอบประยุทธ์

ไม่ว่าจะเป็นการขาด “ทักษะการสื่อสาร” ในการเลือกประกาศเรื่องสำคัญอย่างการล็อกดาวน์เฉพาะจุดในเวลาตี 1 ที่ต้องให้คนติดตามกันเอาเองผ่านราชกิจจานุเบกษา แทนที่จะได้ฟังจากปากของผู้นำประเทศอย่างชัดเจน เพื่อประกอบการวางแผนการใช้ชีวิต

ไม่ว่าจะเป็นการขาด “ทักษะการแก้ปัญหา” ในการวางยุทธศาสตร์การสรรหาและกระจายวัคซีนที่ไม่มีประสิทธิภาพ หรือ การออกมาตรการการควบคุมโรคที่ไม่ทันต่อสถานการณ์ และไม่ควบคู่ไปกับการเยียวยาที่ต้องรวดเร็วและครอบคลุม

หรือแม้กระทั่งการขาด “ทักษะการเรียนรู้จากข้อผิดพลาด” ในการแถลงข่าวเมื่อวานนี้ ที่นอกจากจะไม่มีความสลดใจหรือคำขอโทษแล้ว ยังกลับกล้าพูดออกมาอย่างมั่นใจ ว่าพวกเขา (ที่หมายถึงรัฐบาล) เดือดร้อนยิ่งกว่าประชาชน

ทั้งหมดนี้ทำให้เราเห็นคนจำนวนมาก ออกมาวิพากษ์วิจารณ์นายกฯอย่างไม่หยุดหย่อน ใครที่ไม่พอใจรัฐบาลชุดนี้อยู่แล้ว ยิ่งรู้สึกโกรธ ใครที่ไม่แน่ใจมาก่อน ยิ่งตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ส่วนคนที่ยังรัก ก็ชักชื่นชมไม่ไหว ปกป้องไม่ลง

แต่แม้ประชาชนจะออกมาส่งเสียง ระบายความอัดอั้นมากแค่ไหน แต่สิ่งที่น่าเสียดายคือทุกอย่างอาจไม่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่หลายคนอยากเห็น

เพราะความคับแค้นที่คุกรุ่นอยู่ในใจพวกเราหลายคน ไม่อาจแปรไปสู่การเปลี่ยนแปลงได้ ตราบใดที่ประเทศไทยยังติดอยู่กับรัฐธรรมนูญ 2560 ซึ่งเป็นกติกาที่ออกแบบมาให้เสียงของประชาชนไม่มีความหมาย แต่เป็นได้เพียงสิ่งประกอบฉากของละครปาหี่ที่ คสช. เขียนบทเอง เล่นเอง กำกับเอง อย่างที่เขาทำให้เราเห็นในการเลือกตั้งปี 2562 ต่อเนื่องมาถึงวันนี้

ไม่ว่าจะเป็นการมี ส.ว. แต่งตั้ง 250 คนมาเลือกนายกฯ แต่งตั้งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญและกรรมการองค์กรอิสระ ขัดขวางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือการผูกประเทศไว้กับโซ่ที่ชื่อยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ทั้งหมดนี้คือการสืบทอดอำนาจของคณะรัฐประหาร ที่พรากอำนาจการกำหนดอนาคตและพรากอำนาจการเปลี่ยนรัฐบาล ออกไปจากมือประชาชน

ทุกคนที่รณรงค์เรื่องรัฐธรรมนูญ ล้วนรู้ดีถึงคำถามที่มักถูกถามโดยสังคมบางส่วน ที่อาจยังมองว่ารัฐธรรมนูญเป็นเรื่องนามธรรมไกลตัว ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน หรือ เป็นเพียงเรื่องของผลประโยชน์นักการเมืองไม่กี่คน

คงไม่มีสถานการณ์ไหนชัดเท่ากับสถานการณ์ในวันนี้ ที่จะสะท้อนให้สังคมเห็นว่า รัฐธรรมนูญเป็นเรื่องเร่งด่วนที่เกี่ยวข้องและส่งผลโดยตรงต่อคุณภาพชีวิตของประชาชนทุกคน

เพราะไม่ว่าวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ และองคาพยพ จะไร้ประสิทธิภาพในการทำงานแค่ไหน จะเพิกเฉยต่อความทุกข์ยากของประชาชนเพียงใด ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นคือรัฐบาลในระบอบประยุทธ์จะยังคงมีเสถียรภาพ ด้วยมือในสภาที่พร้อมรับใช้และโหวตมอบความไว้วางใจให้อย่างไร้หลักการ และด้วยกลไกตรวจสอบถ่วงดุลที่พิกลพิการและให้ท้ายอย่างไร้ความเป็นธรรม

เพราะไม่ว่าประยุทธ์จะทำให้หลายสิบล้านคนที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน มา “ร่วมใจ” กันโหวตไม่ให้เขาเป็นนายกฯต่อ แต่รัฐธรรมนูญทำให้ประยุทธ์มี ส.ว. 250 อยู่ในมือที่พร้อม “ร่วมใจ” กันขัดเจตนารมณ์ของประชาชนเพื่อโหวตเขากลับมาเป็นนายกฯ

เพราะไม่ว่าประยุทธ์จะทำให้คนธรรมดาต้อง “ขาดเตียง” จนต้องสูญเสียชีวิตต่อหน้าต่อตาญาติพี่น้องของเขาไปกี่คนต่อกี่คน แต่รัฐธรรมนูญกลับทำให้ทุกกลไกของรัฐ ไม่เคย “ขาดที่นั่ง” ให้สำหรับคนที่ประยุทธ์ต้องการจะแต่งตั้ง เพื่อเข้ามาสร้างความชอบธรรมอันจอมปลอมให้ตนเองต่อหน้าต่อตาประชาชน

เพราะไม่ว่าประยุทธ์จะทำให้ร้านอาหารร้านค้าต้อง “ล้มหายตายจากไปกี่พันร้าน” แต่รัฐธรรมนูญทำให้เสียงของประยุทธ์ในสภาฯ ไม่เคย “ล้มหายตายจากไปสักเสียง” เนื่องจากความไม่กล้าหาญหรือไร้หลักการของนักการเมืองบางกลุ่ม ที่เลือกร่วมหัวจมท้ายไปกับประยุทธ์เพียงเพื่ออำนาจและผลประโยชน์เฉพาะหน้า

เพราะไม่ว่าประยุทธ์จะทำให้คน “ตกงานหรือขาดช่องทางทำมาหากิน” แค่ไหน แต่รัฐธรรมนูญกลับจงใจทำให้กลไกการตรวจสอบการทุจริตอย่าง ปปช. ไร้น้ำยา เพื่อให้ระบอบประยุทธ์และพรรคพวก ไม่เคยมีวันต้อง “ตกงานหรือขาดช่องทางทำมาหากิน” ผ่านโครงการต่างๆ ของรัฐ

เพราะไม่ว่าประยุทธ์จะทำให้บุคลากรทางการแพทย์ต้องต่อสู้กับโควิด “มือเปล่า” ปราศจากการจัดสรรอุปกรณ์ทางการแพทย์ ยา หรือวัคซีนที่มีประสิทธิภาพอย่างเพียงพอ แต่รัฐธรรมนูญกลับทำให้นายพลไม่เคยต้องขาดแคลน “ของเล่น” หรือยุทโธปกรณ์ชิ้นใหม่ จากการจัดสรรงบประมาณกองทัพที่ไม่เคยถูกตรวจสอบในมาตรฐานเดียวกับหน่วยงานอื่นๆ

เพราะไม่ว่าประยุทธ์จะ “พลิก” คำสั่งหรือนโยบายของรัฐบาลกลับไปกลับมา จนทำให้แรงงานที่หาเช้ากินค่ำต้องสูญเสียรายได้และยิ่งลำบากมากขึ้นในการปรับตัวตามความโลเลของนโยบาย แต่รัฐธรรมนูญทำให้ประเทศเรามี กกต. และ ศาลรัฐธรรมนูญ ที่อาจถูกบีบให้ “พลิก” ทุกผลการเลือกตั้งและทุกคำวินิจฉัยให้ออกมาเป็นชัยชนะของประยุทธ์ แม้อาจจะขัดต่อหลักกฎหมายหรือกระทั่งสามัญสำนึกก็ตาม

เพราะไม่ว่าประยุทธ์จะทำให้เด็กนักเรียนต้อง “ตกหล่นออกจากการศึกษา” ไปอีกกี่หมื่นคน แต่รัฐธรรมนูญกลับทำให้ประยุทธ์ไม่มีวันจะ “ตกหล่นออกจากการเมืองไทย” จากกลไกต่างๆที่ช่วยสืบทอดอำนาจให้ระบอบประยุทธ์ รวมถึงยุทธศาสตร์ชาติที่หยิบมาใช้เล่นงานฝ่ายตรงข้ามได้หากตนเองเกิดอุบัติเหตุหลุดออกจากการเป็นรัฐบาลชั่วคราว

มาถึงวันนี้ ประเทศไทยไม่มีทางเลือกอื่น หากต้องการกลับมาแข็งแรงและเดินหน้าไปสู่อนาคตได้อย่างเต็มกำลัง ประเทศเราต้องรับวัคซีนที่สำคัญอย่างการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อสร้างระบบการเมืองที่ทุกฝ่ายจะได้แข่งขันบนกติกาที่เป็นธรรม สะท้อนและตอบสนองต่อความต้องการของประชาชน ซึ่งวิธีนี้ไม่เพียงเพื่อกำจัดเชื้อโรคในปัจจุบันที่ชื่อว่าระบอบประยุทธ์ แต่เพื่อป้องกันเชื้อสายพันธุ์เดียวกันในอนาคต ที่อาจมาในนามอื่น แต่ผ่านกลไกเดียวกัน ด้วยแรงหนุนเดียวกัน และเพื่อเครือข่ายผลประโยชน์เดียวกัน ที่ไม่มีประชาชนอยู่ในสมการ

ไม่ว่าวันนี้เราจะไม่พอใจ พล.อ.ประยุทธ์ อย่างไร แต่ต้องยอมรับความจริงว่ารัฐธรรมนูญ 2560 ทำให้เราไปไหนไม่ได้ ดังนั้น หากต้องการให้ความไม่พอใจของเรา แปรไปเป็นความเปลี่ยนแปลง สิ่งที่เราต้องทำคือการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 เพื่อนำไปสู่การร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่มาจากประชาชน พร้อมๆ ไปกับการสร้างวัฒนธรรมที่เชื่อมั่นในกลไกประชาธิปไตยที่จะสามารถรับมือกับปัญหาได้ในทุกสถานการณ์ ทั้ง 2 ส่วนนี้จะทำให้สังคมไทยไม่เปิดช่องให้คนแบบ พล.อ.ประยุทธ์ เข้ามาได้ และต่อให้หลุดเข้ามาได้ เขาก็ไม่มีทางย่ามใจว่าจะอยู่ได้นาน

เพราะอำนาจในการตัดสินอนาคตของประเทศ และกำหนดชะตากรรมทางการเมืองของผู้นำ จะอยู่ในมือของประชาชนอย่างแท้จริง

ผมหวังว่ารายชื่อจากประชาชนกว่าหนึ่งแสนชื่อ ที่ผมและทีม Re-Solution ได้รวบรวมเพื่อจะนำไปยื่นต่อรัฐสภาในวันพรุ่งนี้ จะเป็นจุดเริ่มต้นของการแปรความไม่พอใจที่มีอยู่ทุกพื้นที่ ไปเป็นอนาคตที่ดีขึ้นสำหรับทุกคน

ถ้าแก้รัฐธรรมนูญได้ การเซ็นใบลาออกของประยุทธ์จะไม่ต้องพึ่งมือเขา แต่จะใช้มือของพวกเรา เซ็นให้เขาออกผ่านบัตรเลือกตั้ง

#ฉีดวัคซีนแก้รัฐธรรมนูญกำจัดระบอบประยุทธ์

ข่าวล่าสุด

โปรแกรมบอลวันนี้ ดูบอลสด ถ่ายทอดสด ผลบอลสด วันพุธที่ 24 ธ.ค. 68