posttoday

"พิธา" ลั่นไม่รับร่างงบ65 ถามพรรคร่วม 3 วันที่ผ่านมาเป็นลิเกโรงใหญ่ใช่หรือไม่

02 มิถุนายน 2564

หัวหน้าพรรคก้าวไกล ประกาศไม่รับร่างงบ65 แนะทำงบควรนึกถึงประชาชนก่อน ชี้ที่ผ่านมา 3 วันเป็นลิเกโรงใหญ่ใช่หรือไม่

วันที่ 2 มิ.ย. นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) อภิปรายว่า ตนอยากเริ่มต้นด้วยกันตั้งคำถาม โดยเฉพาะถึงฝ่ายรัฐบาล ว่า จากการอภิปรายฯ ตลอด 3 วันที่ผ่านมา มั่นใจได้อย่างไรว่า งบประมาณ 3.1 ล้านล้านบาทนี้จะนำพาประเทศออกจากวิกฤตได้ เราอาจจะเริ่มนับหนึ่งกันใหม่กับงบสวัสดิการ ในภาวะที่ช่องว่างทางสังคมกว้างขึ้น มาพร้อมวิกฤตสังคมสูงวัยเต็มรูป แบบภาวะโลกร้อน ปัญหาสิ่งแวดล้อม ปัญหาดิจิทัลดิสรัพชั่น และอื่นๆ อีกมากมาย หากเรายังขืนปล่อยประเทศไปแบบนี้ สิ่งที่จะตามมาก็คือคนชนชั้นบนจะยิ่งรวย และคนชนชั้นล่างก็จะยิ่งจน เมื่อยุคสมัยได้เปลี่ยนไปแล้ว เราจึงไม่อาจที่จะใช้ชุดวิธีคิดแบบเดิม โดยจัดงบประมาณแบบเก่าซ้ำซากจำเจและไร้จินตนาการได้

นายพิธา กล่าวว่า หากพรรค ก.ก. ได้จัดทำงบประมาณ เราจะคำนึงถึงประชาชนมาเหนือกว่าสิ่งอื่นใด โดยเริ่มจากคนที่เปราะบางที่สุดของสังคมไทย จะใช้เป็นเสาหลักและอิฐก้อนแรกในการฟื้นฟูประเทศไทยนับจากวันนี้เป็นต้นไป แต่อีกก้อนแรกซึ่งเป็นงบประมาณสวัสดิการของประชาชนกลับถูกตัดลงกว่า 30,000 ล้านบาท คนชราทุพพลภาพ คือบุคลากรที่คอยสร้างประเทศไทยในยุคสมัยเศรษฐกิจเคยเติบโต แต่ได้เบี้ยยังชีพเพียง 600 บาทต่อเดือน ตนจึงเสนอให้คนชราต้องได้รับการดูแลสวัสดิการถ้วนหน้า

อิฐก้อนที่สองคือเด็กประถมวัย ที่เด็กไทย 1 ใน 5 คน ยังยากจนอยู่ พรรคก.ก. จะทำทุกวิธีทางเพื่อให้เด็กทุกคนไม่มีความหิวโหย โดยจะต้องทำสวัสดิการให้ถ้วนหน้าโดยไม่ต้องมีใครตกหล่น อิฐก้อนถัดมาคือ ด้านการศึกษา วิกฤตโควิดที่ผ่านมาทำให้เด็กมีพัฒนาการที่ลดลงอย่างน่าเป็นห่วง แต่กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา กลับถูกตัดงบลดลง 400 ล้านบาท นั่นหมายความว่าเด็กกว่า 700,000 คน ที่ได้รับการสนับสนุนจะไม่ได้รับการช่วยเหลือในปีนี้ คนที่จัดงบใหม่แบบนี้ข่มตานอนหลับได้อย่างไร เมื่อเห็นความฝันของเด็กนับ 1 ล้านคนต้องแตกสลาย หากพรรคก.ก. จะงบให้เด็กต้องได้รับการศึกษา และครูต้องได้รับทรัพยากรมากขึ้น

นายพิธา กล่าวว่า อิฐก้อนต่อมาคือด้านสาธารณสุข ที่เป็นปีแห่งการฟื้นฟูประเทศจาก โควิด-19 รัฐบาลต้องทำก็คือวัคซีนเข็มที่สามสำหรับคนไทยทุกคน เพื่อให้เรารับมือโควิดได้อย่างมั่นใจ แต่คนไทยยังเข้าถึงระบบสาธารณสุขยาก งบบัตรทองถูกตัดออกไป 2,000 ล้านบาท ทั้งที่จะมีคนตกงานแล้วหลุดจากระบบประกันสังคมมากขึ้น เราจึงควรขยับเพดานด้านสวัสดิการ ของคนธรรมดากับข้าราชการไม่ให้แตกต่างกันมากเกินไป เมื่อเราจะได้พื้นฐานของบ้านที่เข้มแข็ง มีประชาชนเป็นที่ตั้ง เมื่อรัฐสวัสดิการได้ก่อร่างสร้างตัวเราก็จะมีตาข่ายทางสังคมคอยรองรับคนของเราในยามที่บ้านเมืองวิกฤต ทำให้คนในชาติไม่ต้องห่วงน่าไม่ต้องพะวงหลัง พร้อมที่จะริเริ่มอะไรใหม่ๆ

นายพิธา อภิปรายว่า เมื่อดูงบประมาณ 110,000 ล้านบาท ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้รับ แม้ในภาพรวมเท่าเดิมแต่เมื่อดูในรายละเอียดแล้วงบประมาณในเกือบทุกกรมปรับลดลง ยกเว้นกรมชลประทาน ได้งบสูง 77,000 ล้านบาท มากกว่างบกระทรวงแรงงานกับกระทรวงยุติธรรมรวมกันเสียอีก เมื่อไปดูรายละเอียดของกรมชลประทาน ที่คิดแต่จะสร้างอย่างเดียว หากพรรคก.ก. เป็นรัฐบาลเราจะต้องกระจายอำนาจในการบริหารจัดการน้ำ เพราะคนท้องถิ่นย่อมรู้ดีกว่าศูนย์กลางว่าต้องการน้ำขนาดไหน ที่ไหน เมื่อไหร่ เราจะไม่ยอมให้งบประมาณน้ำมากมายมากระจุกตัวอยู่กับการทำโครงการขนาดใหญ่ ทั้งสร้างเขื่อนใหญ่ ที่ไม่ตอบโจทย์น้ำท่วมและน้ำแล้งในประเทศไทยเพื่อให้ปัญหานี้หมดไปเสียที โดยกระดุมเม็ดแรกที่เป็นปัญหา คือ ที่ดิน ซึ่งที่ดินกว่าครึ่งเป็นของรัฐบาล มีการประกาศพื้นที่ป่าทับที่ดินทำกินของประชาชนที่อยู่มาก่อน สร้างคดีความหลาย 10,000 คดี โดยพรรคก.ก. จะจัดทำงบประมาณให้สะท้อนการใช้ที่ดิน และเร่งแก้ปัญหาที่ดินทำกิน พร้อมยกระดับในเรื่องสิทธิชุมชนในการจัดการทรัพยากร

นายพิธา กล่าวว่า จากวิกฤตโรคระบาดที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตในทุกประเทศก็ระดมสะสมวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ หากพรรคก.ก. จัดงบประมาณเราจะขันน็อตอุตสาหกรรมเครื่องมือการแพทย์ให้เกิดขึ้นได้จริง และจะปลดล็อคกองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันอุตสาหกรรมเป้าหมายที่มีเงินอยู่แล้ว 10,000 ล้านบาท แต่แช่อยู่ในกองทุนนี้มา 5 ปี แต่ไม่มีใครคิดในเชิงรุกว่าจะนำไปสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาได้อย่างไร นี่คือบ้านงบประมาณใหม่ของประเทศไทยที่จะเป็นอนาคตและความหวังของทุกคนในชาติได้

ครั้งนี้เราต้องกระจายอำนาจให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการสร้างบ้านใหม่ของเรา ที่เป็นหัวใจของระบบรัฐราชการรวมศูนย์ ในวันที่อำนาจการตัดสินใจทั้งหมดไม่ได้กระจุกตัวอยู่ที่เมืองหลวง ที่ประเทศไทยไม่ใช่กรุงเทพ และกรุงเทพไม่ใช่ประเทศไทย เพื่อให้ความเจริญกระจายไปทุกหย่อมหญ้าอย่างแท้จริง แต่ต่อให้สภาผู้แทนราษฎรเห็นด้วยกับการกระจายอำนาจ เราก็เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้หากไม่กล้าที่จะประเชิญหน้ากับโครงสร้างอำนาจของประเทศไทย ที่อยู่เบื้องหลังระบบรัฐราชการรวมศูนย์ คือ นายทุน ขุนศึก และศักดินา ที่ปรารถนาจะแช่แข็งประเทศไทยเอาไว้ในโครงสร้างที่ตนเองอยู่บนยอดสูงสุดของพีระมิด ประเทศไทยจะเปลี่ยนไปได้ ทหารต้องอยู่ใต้รัฐบาลพลเรือน กองทัพจะต้องเลิกจัดงบประมาณมาทำสงครามกับประชาชนเพื่อปราบปรามคนเห็นต่างทางการเมือง

“ถ้าผมเป็นนายกรัฐมนตรีในวันนี้ ผมจะต้องพยายามมากที่สุดในการปลดปล่อยภาระงบผูกพันธ์ในช่วงที่เราต้องการงบด้านสุขภาพมากกว่างบความมั่นคงนั้น ก็คือการบินตรงไปเจรจากับประเทศคู่ค้าขายอาวุธให้เราเช่น อเมริกา ผมจะบินตรงไปหาประธานาธิบดีโจ ไบเดน เพื่อขอยกเว้นภาระผูกพันธ์การจัดซื้ออาวุธทั้งหมด ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐมนตรีของไทยเคยทำมาแล้วในช่วงวิกฤติต้มยำกุ้ง” นายพิธา กล่าว

นายพิธา กล่าวว่า สุดท้ายมีคำถามฝากถึงพรรคร่วมรัฐบาลว่า ที่ทุกคนร่วมอภิปรายฯ กับพวกตนมาตลอด 3 วัน 3 คืน ที่วิพากษ์วิจารณ์การตัดงบกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงศึกษาธิการ และสวัสดิการต่างๆ ที่อยากได้งบกลับคืนนั้นจริงหรือไม่ ถ้าอยากได้งบประมาณคืน จะต้องร่วมกันคว่ำร่างงบประมาณปี 2565 หรือการอภิปรายฯ ที่ผ่านมาเป็นลิเกโรงใหญ่ เพื่อต่อรองผลประโยชน์ อยากถามว่า หรือท่านจะอภิปรายเหมือนราชสีห์ และลงคะแนนเหมือนหนู ตนในฐานะหัวหน้าพรรคก.ก. ไม่สามารถรับรองให้งบประมาณ 2565 ผ่านไปได้