posttoday

สำนักเลขาฯ แจงปมตำรวจสภาฯ มีปากเสียงกับผู้ติดตามธรรมนัส ยันเข้าขอโทษแล้ว

01 มิถุนายน 2564

สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร แจงปมตำรวจมีปากเสียงกับผู้ติดตามธรรมนัส ยันไม่มีอาวุธปืนเข้าสภาฯ-สั่งกราบเท้า พร้อมเข้าขอโทษแล้ว

วันที่ 1 มิ.ย. จากกรณีกระแสข่าวรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคนดัง พกปืนเข้าอาคารรัฐสภา และมีปัญหาตำรวจรัฐสภาไม่อนุญาตให้เข้าอาคารจนมีปากเสียงกันนั้น ล่าสุด รายงานข่าวจากสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรชี้แจงว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นช่วงบ่ายวันที่ 31 พฤษภาคม โดยข้อเท็จจริงพบว่าเป็นกรณีระหว่างที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กำลังเข้ามาร่วมประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 ซึ่งเหตุการณ์เกิดขึ้นที่ชั้น B2 เนื่องจาก ร.อ.ธรรมนัส มีผู้ติดตามจำนวน 2 คน ซึ่งตามมาตรการของรัฐสภาอนุญาตให้ ส.ส.นำผู้ติดตามเข้ามาได้เพียง 1 คนเท่านั้น ทำให้นายตำรวจรัฐสภานายหนึ่งต้องแจ้งต่อผู้ติดตามของ ร.อ.ธรรมนัส

ขณะที่ ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีกระแสข่าวดังกล่าว ระบุว่าเมื่อวาน (31 พ.ค.) ขณะที่ตนเดินทางเข้าไปร่วมประชุมสภา เพื่อพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 โดยมีผู้ติดตามจำนวน 2 คน แต่ตำรวจรัฐสภาให้เข้าได้เพียงแค่คนเดียว โดยทางตำรวจติดตามของตนได้มีการพูดคุยกับทางตำรวจรัฐสภา โดยตำรวจรัฐสภาให้เหตุผลว่าเป็นมาตรการป้องกันโควิด-19 ต้องลดจำนวนผู้ติดตาม

อย่างไรก็ตามตนมีเอกสารเยอะ จึงได้ขอให้ผู้ติดตามขึ้นไปส่ง และพร้อมปฎิบัติตามมาตรการควบคุมโควิด-19 แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจรัฐสภาไม่ยอม รวมถึงมีการใช้วาจาที่ไม่สุภาพ จึงทำให้มีการถกเถียงกันขึ้นระหว่าง 2 ฝ่าย ทั้งนี้เมื่อตนขึ้นไปยังห้องรับรองแล้ว เห็นว่าไม่ถูกต้องจึงเรียกผอ.สำนักสังกัดสภาผู้แทนราษฎร มาชี้แจงให้ฟังว่าเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น โดยเห็นว่าตำรวจรัฐสภาใช้วาจาที่ไม่สุภาพใส่ทั้งตนเองและผู้ติดตาม ซึ่งตนเห็นว่าควรจะพูดและอธิบายกันดีๆ ก็ได้ เพราะสถานที่ดังกล่าวมีทั้งส.ส. รัฐมนตรี รวมถึงผู้ใหญ่เข้ามาปฎิบัติหน้าที่ ทั้งนี้ผอ. คนดังกล่าว จึงได้มีการเรียกตำรวจรัฐสภาคนนั้นขึ้นมา และทำความเข้าใจกันโดยมีการยกมือไหว้ขอโทษกัน แต่ยืนยันไม่ได้มีการกราบเท้า อย่างที่เป็นข่าว อันนั้นมันเกินไป ตนจะทำแบบนั้นๆได้อย่างไร ทั้งนี้เข้าใจดีว่าตนเองเป็นที่จับตามองและถูกโจมตีตลอดเมื่อเกิดเรื่องแบบนี้มักเป็นฝ่ายถูกตำหนิ ตนระมัดระวังตัวเองตลอดอยู่แล้วในเรื่องแบบนี้ ย้ำไม่ได้กร่าง แต่โดนกร่างใสมากกว่า ด้วยถ้อยคำที่ไม่สุภาพ

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่านายตำรวจรัฐสภาคนดังกล่าวใช้น้ำเสียงที่ไม่สุภาพ โดยเจ้าตัวยอมรับว่าเป็นคนพูดเสียงดัง อาจฟังดูไม่สุภาพ และได้ขอโทษผู้ติดตามของ ร.อ.ธรรมนัสตอนที่เกิดเหตุแล้ว และยังแสดงความประสงค์ที่จะเข้าขอโทษ ร.อ.ธรรมนัส ด้วย ทำให้มีการนำนายตำรวจคนดังกล่าวไปขอโทษ ร.อ.ธรรมนัส ซึ่ง ร.อ.ธรรมนัสได้ตักเตือนว่าไม่ว่าจะเป็น ส.ส.หรือบุคคลทั่วไปก็ควรพูดด้วยวาจาสุภาพ ไม่ควรตะคอกเสียงดัง

อย่างไรก็ตาม สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรยืนยันว่า กรณีที่เกิดขึ้นไม่ใช่กรณีการพกอาวุธปืนเข้าสภา และไม่ได้มีการสั่งบังคับให้นายตำรวจกราบเท้าขอโทษตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด เป็นเพียงการพูดคุยเพื่อทำความเข้าใจกันเท่านั้น