posttoday

พท.อัด"บิ๊กตู่" ภาวะผู้นำล้มเหลว บริหารวัคซีนผิดพลาดทำไทยเสียหายหนัก

24 เมษายน 2564

“เพื่อไทย” อัด “ประยุทธ์” บริหารวัคซีนผิดพลาดทำไทยเสียหายหนัก ชี้ ภาวะผู้นำล้มเหลวทั้งในประเทศและต่างประเทศ แนะ ฟัง Tony Clubhouse เพื่อพัฒนาสมอง

เมื่อวันที่ 24 เม.ย. 64 นายกฤษฎา ตันเทอดทิตย์ สส. หนองคาย อดีตรองเลขาธิการสภาอุตสาหกรรม และคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้า ประเมินเศรษฐกิจไทยภายหลังเกิดการระบาดระลอกที่ 3 อยู่ที่ 1.6% ในขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยปรับลดการเจริญเติบโตเหลือ 1.8% และ ศูนย์วิจัย Krungthai compass ของธนาคารกรุงไทย ปรับลดเหลือ 1.5 % ซึ่งตรงกับที่คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยได้บอกไว้แล้วว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ต่ำและจะไม่ถึง 2% โดยหากรัฐบาลยังไม่สามารถที่จะควบคุมการระบาดได้ เศรษฐกิจไทยจะยิ่งทรุดต่ำกว่านี้ และล่าสุดการระบาดได้เพิ่มขึ้นถึงวันละ 2,070 คนแล้ว

ตามที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้ออกมาชี้แจงอย่างสับสน พูดผิดพูดถูก จนทำให้หมดความน่าเชื่อถือ และได้ออกมาแก้ตัวใหม่ยอมรับเองว่าที่สั่งวัคซีนเข้ามาน้อย เพราะเห็นว่าการระบาดไม่รุนแรงในช่วงแรก ยิ่งแสดงให้เห็นว่าพลเอกประยุทธ์ขาดวิสัยทัศน์อย่างรุนแรง โดยไม่เข้าใจเลยว่าวัคซีนเป็นความจำเป็นในการเปิดประเทศ เพื่อเปิดรับการท่องเที่ยวและเปิดรับธุรกิจ โดยทั้งโลกใช้การประเมินประเทศจากสัดส่วนของประชากรที่ได้รับการฉีดวัคซีน อย่างเช่น ประเทศอังกฤษ และ ประเทศอิสราเอล เป็นต้น โดยที่อังกฤษเคยมีประชาชนติดเชื้อไวรัสและเสียชีวิตกันเป็นจำนวนมาก แต่เมื่อสามารถกระจายการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนเป็นสัดส่วนที่มากได้แล้ว อังกฤษก็สามารถดำเนินชีวิตได้อย่างปกติแล้วในปัจจุบัน อีกทั้ง ประชาชนชาวอิสราเอลไม่ต้องใส่หน้ากากกันอีกแล้ว หลังจากมีการฉีดวัคซีนในสัดส่วนที่สูงมาก ในขณะที่ประเทศไทยกลับมีสัดส่วนประชากรที่ได้รับการฉีดวัคซีนในระดับที่ต่ำมาก คำพูดของพลเอกประยุทธ์ดังกล่าว ยิ่งตอกย้ำว่าการแพร่ระบาดและความล่าช้าของวัดซีนสาเหตูมาจากพลเอกประยุทธ์โดยตรงเลย เพราะเป็นคนยอมรับเอง ทั้งนี้พลเอกประยุทธ์จะคิดว่าวัคซีนเป็นเหมือนยารักษาไวรัสไม่ได้ที่ติดน้อยเลยสั่งน้อย เพราะการฉีดวัคซีนจะต้องกระจายให้มากที่สุดไม่ว่าจะมีการแพร่ไวรัสเป็นจำนวนเท่าไหร่ เพื่อจะได้เปิดประเทศได้ จึงไม่น่าเชื่อเลยว่าพลเอกประยุทธ์จะไม่ฉุกคิด ขาดความรู้ความเข้าใจในเรื่องนี้ถึงขนาดนี้ได้ และการแถลงข่าวล่าสุดก็ไม่ได้มีสาระอะไรที่จะทำให้ประชาชนมั่นใจเพิ่มขึ้นได้เลย

ความเสียหายจากการระบาดรอบ 3 มีการประเมินว่าจะถึง 450,000 ล้านบาทเลย และความล่าช้าในการฉีดวัคซีนจะทำให้ประเทศเสียหายถึงเดือนละ 250,000 ล้านบาท ดังนั้น ความเสียหายทางเศรษฐกิจจากความผิดพลาดของพลเอกประยุทธ์ทำให้ประเทศเสียหายอย่างมหาศาลเกินกว่าจะประเมินได้แล้ว ซึ่งหากพลเอกประยุทธ์จะเปิดใจรับฟังข้อเสนอแนะของพรรคเพื่อไทย และ กลุ่มแคร์ที่กระตุกเตือนเรื่องวัคซีนมาโดยตลอด ป่านนี้คงไม่เสียหายขนาดนี้แล้ว และการที่ประเทศไทยจะต้องรีบวิ่งหาวัคซีนแบบไฟลนก้น แสดงให้เห็นถึงความอ่อนด้อยทางความคิด และการขาดคอนเน็กชั่นที่ดีกับภาคธุรกิจและบริษัทวัคซีน ถ้าหากไม่มีผู้เสนอตัวจะติดต่อนายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีของประเทศรัสเซีย หรือ เสนอให้อภิมหาเศรษฐีไทยช่วยติดต่อจัดซื้อวัคซีน ป่านนี้พลเอกประยุทธ์ก็ยังคงจะคิดเองไม่ได้

ความผิดพลาดในการจัดหาและบริหารจัดการเรื่องวัคซีนทำให้ประเทศไทยขาดความน่าเชื่อถือทั้งในประเทศและต่างประเทศ อีกทั้งการที่พลเอกประยุทธ์ไม่กล้าเดินทางไปประชุมอาเซียนที่กรุงจากาตาร์เอง แต่ส่งนายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกฯ และ รมว. ต่างประเทศ ไปแทนแสดงให้เห็นชัดเจนว่าพลเอกประยุทธ์อาจจะเกรงว่าประชาคมโลกจะเห็นพลเอกประยุทธ์ไม่ได้ต่างจาก นายพล มินอ่องลาย เผด็จการทหารของประเทศเมียนมาร์ที่ปฏิวัติและฆ่าประชาชนชาวเมียนมาร์เป็นจำนวนมาก ทั้งนี้เพราะรัฐธรรมนูญของไทยมีส่วนคล้ายรัฐธรรมนูญเมียนมาร์ ที่มีการแต่งตั้ง 25% ในขณะที่รัฐธรรมนูญไทยมีการแต่งตั้ง ส.ว. เพื่อโหวตนายกถึง 250 คน หรือ 33.33% และ ยังอนุญาตให้ทำคล้ายการปฏิวัติได้เช่นกัน โดยไทยจะใช้ยุทธศาสตร์ 20 ปีหยุดการบริหารประเทศของรัฐบาลได้ (ถ้าเป็นรัฐบาลตรงข้ามกับทหารและพลเอกประยุทธ์)

นอกจากนี้ พลเอกประยุทธ์อาจจะอดที่จะไม่แสดงความสนิมสนมกับนายพลมินอ่องลายไม่ได้ เพราะที่ผ่านมาได้ให้การสนับสนุนและช่วยเหลือทั้งการนัดพบตัวแทนนายพลมินอ่องลายที่กรุงเทพ การจัดส่งอาหารผ่านชายแดนให้ทหารเมียนมาร์ ซึ่งจะยิ่งตอกย้ำภาพพจน์ที่ย่ำแย่ของพลเอกประยุทธ์ที่มาจากการปฏิวัติเหมือนกัน ทั้งที่จริงผู้นำไทยควรจะไปร่วมประชุม และ ควรจะร่วมกันประณามเผด็จการเมียนมาร์ที่ไล่ฆ่าประชาชนเป็นจำนวนมากอย่างโหดเหี้ยมอยู่ในขณะนี้ การปฏิเสธการไปของพลเอกประยุทธ์ยิ่งตอกย้ำให้นานาชาติสนใจปัญหาของไทยมากขึ้น

ในภาวะที่ประเทศไทยกำลังประสบปัญหาถึงขั้นวิกฤต ทั้งปัญหาการระบาดของไวรัสโควิดที่เริ่มจะระบาดอย่างรุนแรงทำท่าว่าจะเกินกว่ารัฐบาลพลเอกประยุทธ์จะรับมือได้ ปัญหาการจัดหาวัคซีนที่ขาดแคลน ปัญหาเศรษฐกิจที่ยังไม่มีทิศทางที่จะแก้ไขอะไรได้เลยมีแต่จะแย่ลงทุกวัน พลเอกประยุทธ์จะต้องเปิดใจรับฟังคำแนะนำและข้อคิดเห็นมากๆจากหลายฝ่าย และปัจจุบันประชาชนจำนวนมากชื่นชมแนวคิด และข้อเสนอแนะของ คุณ Tony Woodsome ใน Clubhouse กันอย่างมาก พลเอกประยุทธ์จึงควรรับฟังและนำไปปฏิบีติ ด้วย เพราะที่ผ่านมายังไม่มีคำแนะนำไหนเลยของคุณ Tony ที่ผิด และ ก็เป็นคำแนะนำที่พลเอกประยุทธ์ไม่ได้เคยมีอยู่ในความคิดเลย ทั้งนี้เพื่อให้พลเอกประยุทธ์จะได้พัฒนากรอบคิด และ ความรู้ความสามารถให้ได้ดีขึ้นบ้าง แม้จะยากที่จะเท่าเทียม แต่อย่างน้อยก็จะได้ไม่ทิ้งห่างกันจนเกินไปเหมือนในปัจจุบัน